ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 728 พวกมันถูกฆ่าไปหมดแล้วน่ะสิ!

งานวิจัยสายพันธุ์ที่ดูเหมือนจะเป็นงานของคนธรรมดา ได้ถูกเปลี่ยนให้เป็นงานผู้เชี่ยวชาญในการต่อสู้เรียบร้อยแล้ว

หลี่ว์ซู่ยังอยากที่จะเล่นๆ เรียนๆ ไปในช่วงเวลาไม่กี่ปีของการเรียนมหาวิทยาลัยนี้ เขาอยากจะนั่งอยู่ในห้องแลปเพื่อผ่าดูสายพันธุ์ใหม่ๆ ถ้าไม่มีอะไรทำเขาก็จะแค่ใส่เสื้อคลุมทำแลปและอวดคนอื่นในไทม์ไลน์ก็ได้ มันทำให้เขารู้สึกมีภูมิขึ้นมาก

“ทำไมคนทำวิจัยจะต้องหาตัวอย่างเองด้วยล่ะครับ” หลี่ว์ซู่โกรธจัด “เปลี่ยนเนื้อหาวิชาแบบนี้ทำถูกกฎหมายแล้วเหรอครับ”

“ฉันไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้นะ” หลัวหนานพูด “พวกคนข้างบนเป็นคนเปลี่ยนเนื้อหาการเรียนการสอนเอง อีกอย่างการสอบในสาขานี้ก็เข้มขึ้นมาก ถ้าใครไม่ผ่านรายงานการวิจัยก็จะไม่ได้รับเลื่อนขั้นเคล็ดวิชา แน่ล่ะว่ามันมีข้อดีของมันเอง ถ้าพวกเธอส่งรายงานการวิจัยไปยังคนตำแหน่งสูงๆ รายงานเหล่านี้ถือได้ว่าเป็นผลงานที่โดดเด่นทีเดียว”

หลี่ว์ซู่อึ้งไปเลย ถ้าเขาเป็นคนเดียวที่สอบไม่ผ่านและไม่ได้รับเคล็ดวิชาก็เอาเลยสิ เขาไม่อยากจะได้เคล็ดวิชาจากเครือข่ายฟ้าเหมือนกันแหละ แต่เนี่ยถิงก็ใจร้ายเกินไปไหม เขารวบรวมคนที่หลี่ว์ซู่รู้จักมาไว้ที่เดียวกันหมด และนี่ก็ทำให้เขากังวลมาก!

การต่อสู้ระหว่างเนี่ยถิงและเขาจะไม่มีวันจบลงง่ายๆ หรอก!

เฉินจู่อานเกือบจะระเบิดน้ำตาออกมาอยู่รอมร่อ บ้าไปแล้ว!

อยู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็ถามขึ้นมา “แล้วนักศึกษาวิจัยสายพันธุ์ที่มหาวิทยาลัยอื่นต้องจับตัวอย่างมาเองเหมือนพวกเราไหมครับ”

“แน่นอนว่าไม่อยู่แล้ว” หลัวหนานยิ้ม “พวกเขาจะทำการวิจัยตามตัวอย่างที่พวกเธอจับมาต่างหากล่ะ”

หลี่ว์ซู่ตกใจ

เฉินจู่อานก็อึ้ง

เฉิงชิวเฉี่ยวก็พูดไม่ออกด้วยเหมือนกัน

ทำไมพวกเขาจะต้องเป็นคนที่จับตัวอย่างมาให้คนอื่นๆ ในอีกเจ็ดวิทยาลัยบำเพ็ญด้วยเนี่ย ไม่ใช่ว่าพวกเขาจะต้องไปเอาตัวอย่างมาเองเท่านั้นนะ แต่พวกเขาจะต้องทำแทนคนพวกนี้ด้วยเหรอเนี่ย!

“ผมว่าตั้งชื่อสาขานี้ผิดแล้วครับ” หลี่ว์ซู่ทำสีหน้าน่ากลัว “ทำไมเราไม่เรียกแขนงสาขานี้ว่า ‘กลุ่มเหลยเฟิง[1]ผู้จับสัตว์ร้ายกลายพันธุ์เพื่อปกป้องมวลมนุษยชาติ’ ไปเลยล่ะครับ”.

“โอ้โห! ชื่อยาวจัง!” หลัวหนานตกใจ

“ไม่ต้องพูดแล้วครับ! ผมปวดหัว!” หลี่ว์ซู่คำราม

เฉาชิงฉือดูสถานการณ์อยู่ห่างๆ เหมือนตัวเองเป็นแค่คนที่เดินผ่านมาเท่านั้น เมื่อหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เห็นว่าหลี่ว์ซู่โกรธ เธอก็อยากจะเอาขนมออกมากิน เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวได้แต่ก้มมองพื้น หลี่ว์ซู่กล้าจะตะโกนใส่อาจารย์ แต่พวกเขาไม่กล้า

ทุกคนไปยุโรปด้วยกันมาหมด พวกเขารู้ว่าหลี่ว์ซู่เป็นคนที่ร้ายกาจและแข็งแกร่งมากขนาดไหน เมื่อพวกเขาเดินผ่านรูปราชันฟ้าคนที่เก้าในโถงทางเดิน พวกเขาก็คิดถึงคนที่เหมาะสมกับตำแหน่งนี้คนอื่นๆ ไม่ได้เลยนอกจากหลี่ว์ซู่

พวกคนที่รู้ความจริงสามารถเดาเรื่องนี้ได้ไม่ยาก แต่พวกที่ไม่รู้จะไม่มีทางเดาได้เลย พวกเฉินจู่อาน เฉิงชิวเฉี่ยว และเฉาชิงฉือมีวิจารณญาณมากพอเรื่องการปกปิดความลับ พวกขารู้ว่าบอกอะไรคนอื่นได้หรือบอกไม่ได้

ทันใดนั้นมีคนจำนวนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องเรียน เหมือนกับว่ากลุ่มคนพวกนี้อยากจะมาสังเกตการณ์สาขาวิจัยสายพันธุ์

พวกเขาเริ่มพูดคุยกัน “ทำไมที่นี่มีคนน้อยจังเลย ฉันได้ยินมาจากลูกพี่ลูกน้องคนโตของฉันว่าวิทยาลัยบำเพ็ญหลู่โจวมีคนเรียนสาขาวิจัยสายพันธุ์กันเยอะมาก”

“ใครจะรู้กันล่ะ อาจเป็นเพราะคนที่นี่มีความกระตือรือร้นกว่าก็ได้ ก็เลยสมัครงานสำหรับพวกคนธรรมดากันน้อยกว่า”

พอเฉินจู่อานได้ยินแบบนั้นแล้วเขาก็เกือบจะร้องไห้ออกมา เขาอยากจะมีแฟนหลังเข้าเรียนวิทยาลัยบำเพ็ญ แต่ตอนนี้เขาเข้ามาเรียนในสาขาที่ทุกคนดูถูก อย่างนี้แล้วเขาจะหาสาวที่ไหนได้ล่ะ

เขาโพสต์บางอย่างลงไปในไทม์ไลน์ของตัวเอง “ญาติทั้งหลายของผมอยู่ไหนกัน จับผมคลุมถุงชนกับใครก็ได้เลยครับ ผมว่าผมหาเองไม่ได้แล้ว”

หลี่ว์ซู่รีบเข้าไปไลก์โพสต์นั้นอย่างรวดเร็ว

[ได้แต้มจากเฉินจู่อาน +166]

หลัวหนานเดินไปปิดประตูแล้วยิ้ม “เดี๋ยวรถตู้แช่แข็งจะมาทุกๆ บ่ายวันศุกร์เพื่อมาเก็บตัวอย่างไปส่งให้วิทยาลัยอีกหกแห่ง ทำกันให้เต็มที่นะทุกคน”

พวกคนนอกห้องเรียนเริ่มมารวมตัวกันและเคลื่อนไหวแล้ว พวกเขามองผู้คนที่อยู่ในห้องเรียนเหมือนกับว่ากำลังมาดูแพนด้า หลี่ว์ซู่เลิกคิ้วขึ้น “ตัวอย่างที่เราเอามาไม่จำกัดสายพันธุ์ใช่ไหมครับ”

“ไม่มีคำสั่งตายตัวที่พวกเธอจะต้องทำตามหรอก” หลัวหนานตอบ “ในเมื่อเราไม่ค่อยมีคนเยอะเท่าไหร่ ฉันก็จะขอจบการประชุมชั้นเรียนแต่เพียงเท่านี้นะ ทุกคนไปเตรียมตัวกันได้แล้ว สุดท้ายแล้วคะแนนการประเมินการสอนของฉันก็ขึ้นอยู่กับการวิจัยของพวกเธอเหมือนกันนะ…”

หลี่ว์ซู่นั่งลงพร้อมทำสีหน้าสับสน เฉิงชิวเฉี่ยวเลยแตะเขาเบาๆ “พี่ซู่ เราจะทำยังไงกันดีครับ ในเมืองลั่วนี่น่าจะมีสัตว์กลายพันธุ์ไม่เยอะใช่ไหมครับ แล้วเราจะไปจับตัวอะไรกันก่อนดี”

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋นั่งเท้าคางเหมือนกับว่าเธอกำลังดูหนังอยู่

หลี่ว์ซู่ทำหน้าเศร้าระคนไม่พอใจ “พวกสัตว์กลายพันธุ์ในเมืองลั่วถูกฆ่าไปหมดแล้วน่ะสิ!”

เมื่อตอนที่มีปัญหาสัตว์กลายพันธุ์เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก เขาก็สั่งให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และเสี่ยวซยงสวี่ไปกำจัดสัตว์กลายพันธุ์พวกนั้นหมดแล้ว แอนโธนี่ไปสำรวจใต้ดินและกำจัดทุกอย่างรวมถึงไข่ของพวกสัตว์ใต้ดินแบบไม่เหลือซากไปแล้วด้วย

กองทัพหนูก็ออกไปกำจัดสัตว์ที่อยู่ในท่อน้ำทิ้งและบนพื้นดินด้วยเหมือนกัน ตอนแรกมีแมงป่องเยอะมาก แต่จงอวี้ถังและทีมของเขาได้ไปเอาศพของพวกมันไปทิ้งแล้ว หลี่ว์ซู่กำลังคิดว่าเขาอาจจะฉีดสารอะไรบางอย่างเข้าไปในแมงป่องพวกนั้นแล้วเอาไปขายก็ได้ แต่จงอวี้ถังและทีมของเขาทำงานกันเร็วมาก!

มาคิดดูอีกทีแล้วจงอวี้ถังคงจะกังวลว่าเขาจะเอาศพแมงป่องไปก่อนเพื่อไปชดเชยเรื่องจำนวนน่ะสิ!

“โดนฆ่าไปหมดเลยงั้นเหรอครับ จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง!” เฉิงชิวเฉี่ยวอึ้ง “ขนาดในเมืองหลวงยังมีสัตว์กลายพันธุ์ออกมาเพ่นพ่านอยู่บ้างเลย อย่างคืนที่ผ่านมาแม่ผมก็บอกว่ามีตะขาบยักษ์เข้าไปในบ้านของเพื่อนบ้าน ดีนะที่พวกเครือข่ายฟ้าไปถึงเร็ว แต่ตอนนี้ยังมีปัญหากับหนูกันอยู่เลย และหนูเนี่ยแหละก็เป็นปัญหาใหญ่”

“เรื่องที่ไม่มีสัตว์กลายพันธุ์ในเมืองลั่วคือเรื่องจริง” เฉาชิงฉือยืนยันเสียงเรียบ เธออยากจะออกไปฆ่าสัตว์กลายพันธุ์พวกนั้น แต่พอเธอไปถึงที่ถนนแล้วกลับไม่เจออะไรเลย ก่อนหน้านี้เธอไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อหลี่ว์ซู่สรุปออกมาชัดเจนขนาดนี้ เธอก็รู้แล้วว่ามันต้องเกี่ยวข้องอะไรกับเขาแน่ๆ

เฉาชิงฉือไม่อยากจะเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับใคร เธอพยายามที่จะอยู่เหนือกว่าตัวเอง และการเปรียบเทียบก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอสนใจเท่าไหร่นัก การเอาชนะตัวเองต่างหากที่เป็นเป้าหมายของเธอ

แต่ขนาดเฉาชิงฉือที่เชื่อมั่นในตัวเองขนาดนี้ก็ยังรู้สึกว่าการทำใจให้เย็นและสงบเป็นเรื่องยากมากเมื่ออยู่ต่อหน้าหลี่ว์ซู่

สมาชิกของเครือข่ายฟ้าดินรู้แล้วว่าเมืองลั่วนั้นปลอดภัยกว่าเมืองอื่นๆ แต่พวกคนรวยที่กลัวการใช้ชีวิตในยุคนี้กำลังหาความปลอดภัยให้ชีวิตตัวเองอยู่

พวกเขาพยายามจะหาพวกผู้บำเพ็ญลับไปช่วย แต่พูดกันตามตรงแล้วผู้บำเพ็ญลับพวกนี้ยังอ่อนแอกันอยู่ และความสามารถของพวกเขาก็ยังน่าเป็นห่วง

ผู้บำเพ็ญลับมักจะแพ้สัตว์กลายพันธุ์พวกนี้กลับมา เพราะพวกเขาเคยรับมือแต่กับมนุษย์ด้วยกันเอง พวกเขาไม่มีประสบการณ์สู้กับสัตว์มาก่อน

เพราะฉะนั้นคนรวยๆ เลยหันไปพึ่งอย่างอื่นแทน พวกเขาจะหาที่ที่ปลอดภัยที่สุดเพื่อใช้ชีวิตให้ได้

[1] ทหารในกองทัพปลดแอกประชาชน เขาเป็นคนไม่เห็นแก่ตัวและเจียมตัว

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset