ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 730 สาขาความเชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งที่สุด

ในวิทยาลัยบำเพ็ญที่เต็มไปด้วยการต่อสู้นั้น ผู้คนจะดูถูกสาขาที่เกี่ยวกับงานของคนธรรมดามาก แต่เมื่อผู้คนเห็นว่ากลุ่มคนที่พวกเขาชื่นชมกันนั้นมาอยู่ในสาขาแบบนี้ ผู้คนก็คิดว่า…สาขานี้มันมีเรื่องลึกลับอะไรหรือเปล่านะ

เฉาชิงฉือ เฉิงชิวเฉี่ยว และเฉินจู่อาน เป็นหัวกะทิกันในการฝึกทหารกันทั้งนั้น ทุกคนรู้เรื่องนี้ว่าพวกหัวกะทิแข็งแกร่งกันมากโดยไม่จำเป็นต้องพูดอะไรสักคำ ผู้คนชื่นชมคนเหล่านี้ในชั้นเรียน เหมือนกับที่ทุกคนชื่นชมคนขี้เหนียวนั่นแหละ

แล้วก็ไม่ต้องสาธยายความแข็งแกร่งของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ด้วย เพราะเธอได้แสดงให้เห็นความแข็งแกร่งของเธอระหว่างการฝึกซ้อมทหารแล้ว

ทันใดนั้นก็มีคนพูดขึ้นมา “ตอนนั้นฉันทำคะแนนได้ดีมากเลยนะ แต่ก็เข้าเรียนในสาขาวิจัยสายพันธุ์ไม่ได้อยู่ดี”

ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาไม่กล้าจะพูดแบบนี้เลย เพราะทุกคนต่างดูถูกสาขาวิจัยสายพันธุ์ แต่เมื่อเขาถูกย้ายไปสาขาอื่น เขาก็ไม่ต้องทนกับการดูถูกเหยียดหยามจากคนอีกต่อไป พูดตามตรงเขาชื่นชมยินดีด้วยซ้ำที่โดนย้าย

แล้วก็มีใครคนหนึ่งถามขึ้นมา “แล้วนายได้คะแนนเท่าไหร่ล่ะ”

“ฉันได้ 379 คะแนน”

ทุกคนอ้าปากค้างด้วยความตกใจ ข้อสอบที่พวกเขาทำคะแนนเต็ม 450 คะแนน แต่ในเมื่อข้อสอบนี้จะต้องเอามาวัดทุกคน คำถามเลยค่อนข้างง่าย แล้วพวกที่มาจากเครือข่ายฟ้าดินก็สามารถได้คะแนนสูงๆ เพราะพวกเขาได้ทำผลงานสำเร็จและมีความสามารถที่โดดเด่น แต่ถึงอย่างนั้นคะแนน 379 จาก 450 คะแนนนี่ก็ถือว่าดีมากๆ แล้ว แต่เขาก็ยังถูกปฏิเสธมาจากวิจัยสายพันธุ์อีกเนี่ยนะ

“มิน่าล่ะทำไมสาขานี้ถึงดูน่ากลัวจัง!” ใครบางคนอุทาน “นี่ไม่ใช่สาขาของพวกไม่เอาอ่าวเลยนะ กลุ่มนี้เป็นคนเก่งกันทั้งนั้น…”

“ไม่น่าจะใช่นะ” คนหนึ่งพูดขึ้นมา “พี่ชายฉันเข้าเรียนที่วิทยาลัยบำเพ็ญในเมืองหลวง และสาขาวิจัยสายพันธุ์ก็ไม่มีอะไรเหมือนที่นี่เลย อย่างแรกคือมีคนเรียนเยอะมากกว่าที่นี่ อีกอย่างคนที่สมัครเรียนสาขานี้ไม่มีทางโดนปฏิเสธได้หรอก”

“งั้นสาขาวิจัยสายพันธุ์ในเมืองลั่วก็แปลกมากเลยน่ะสิ…”

“ถ้าจะพูดว่าสาขาที่พวกเขาอยู่นี้เป็นสาขาที่แข็งแกร่งที่สุดคงจะไม่ใช่เรื่องเกินจริงแล้วมั้ง”

หลี่ว์ซู่ออกมานั่งในสวนในบ้านแล้วรอ หลังจากนั้นเฉินจู่อาน เฉิงชิงเฉี่ยว และเฉาชิงฉือ ก็เดินออกมา

หลังจากที่หลี่ว์ซู่เดินออกมาจากห้องเรียน เขาก็ส่งข้อความหาทุกคน

[มารวมตัวกันที่บ้านฉัน ฉันมีเรื่องจะพูดด้วย]

แล้วเฉาชิงฉือ เฉินจู่อาน และเฉิงชิวเฉี่ยวก็เดินตามหลี่ว์ซู่ออกไปจากห้องเรียน ปล่อยให้หลัวหนานนั่งงงอยู่อย่างนั้น ปกติแล้วหลี่ว์ซู่จะเป็นคนไม่ค่อยจริงจังเท่าไหร่ แต่เมื่อเขาจริงจังขึ้นมาแล้วการกระทำของเขาจะมีผลกระทบที่ตามมาอย่างมาก

และพวกผู้บำเพ็ญลับในเมืองลั่วก็เห็นว่าท่านที่เคารพเป็นถึงระดับตำนาน ตอนนี้โยวหมิงอวี่เป็นคนดูแลตลาดมืด แต่หลี่ว์ซู่และหลี่อีเสี้ยวกลับมีอำนาจในการพูดกับผู้บำเพ็ญลับมากกว่าเมื่อเทียบกับโยวหมิงอวี่แล้ว

ทุกคนเคารพและเกรงกลัวโยวหมิงอวี่เพราะเขามาจากเครือข่ายฟ้าดิน แต่ท่านและท่านที่เคารพได้ชนะใจพวกเขาไปแล้วน่ะสิ

“พี่ซู่ นี่เรื่องอะไรกัน เดี๋ยวผมยังต้องไปหาบ้านอยู่อีกนะ” เฉินจู่อานโดนเฉินไป่หลี่ลากมาที่นี่ เขาไม่ได้เตรียมตัวจะมาอยู่ที่เมืองลั่วเลย

ภูเขาคุนหลุน บรรพบุรุษแห่งขุนเขา และภูเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งแรก เป็นชื่อของสถานที่เดียวกันทั้งหมด และไม่เกี่ยวอะไรกับยุคใหม่เลย เพราะชื่อพวกนี้มีนานมาแล้วในประวัติศาสตร์

เฉาชิงฉือเงียบและไม่ได้พูดอะไรออกมา เธอยืนใกล้กับสวนปลูกผักและกำลังคิดเรื่องอื่นอยู่ เธอไม่ใช่พวกที่จะแสดงอารมณ์ออกมาง่ายๆ และมักจะเงียบฟังมากกว่า

เฉินจู่อานนั่งลงบนเก้าอี้แล้วยิ้มออกมา “พี่ซู่ครับ สรุปว่าพี่ต้องการจะพูดอะไร”

“นี่เป็นที่ที่เนี่ยถิงอยากให้ฉันไป” หลี่ว์ซู่พูดอย่างใจเย็น อยู่ๆ ก็มีสาขาแปลกๆ โผล่มา และหลัวหนานก็พูดเรื่องสถานที่นี้ในการประชุมครั้งแรกของพวกเขา อีกอย่างเมื่อดูจากท่าทีของเครือข่ายฟ้าดินเกี่ยวกับภูเขาคุนหลุนและนิสัยของเนี่ยถิงแล้ว นี่เป็นทางกรุยไว้ให้เขาเดิน แต่เขาไม่อยากจะเดินไปตามทางนี้น่ะสิ

พวกเขาก็แค่อยากจะรอให้หลี่ว์ซู่ไปที่นั่นน่ะเหรอ

หลี่ว์ซู่พูดต่อ “ฉันไม่อยากลงลึกไปกว่านี้หรอกนะ แต่สถานที่ที่ว่านี่อันตรายมาก ฉันคงไปเอง ติดที่ว่าตอนนี้เราเป็นทีมเดียวกันแล้ว ถ้าใครคนหนึ่งได้ประโยชน์ไปเราก็จะได้กันหมด แต่ถ้ามีใครทุกข์ทรมานเราก็จะทุกข์ไปด้วยกัน ฉันเลยอยากจะถามความเห็นพวกนายก่อน”

“พี่ซู่” เฉิงชิวเฉี่ยวเกาหัว “เราจะไปทำอะไรกันที่นั่นเหรอครับ”

หลี่ว์ซู่คิดเรื่องนี้เหมือนกัน เขาอยากจะบอกหลัวหนานว่าเขาไม่ไปหรอกนะ แต่เมื่อเดินกลับมา เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าที่ภูเขาคุนหลุนนั้นน่าจะมีอะไรสำคัญอยู่ เนี่ยถิงไม่ได้ต้องการจะทำให้เขาอับอายเท่านั้น แต่เขาอยากให้หลี่ว์ซู่ทำงานหนักด้วย แล้วเขาจะคิดแผนทำให้เนี่ยถิงอับอายบ้างได้ไหมนะ

พอคิดได้แบบนี้หลี่ว์ซู่ก็มีไฟขึ้นมา!

แต่พูดตามความจริงแล้วพวกเขาน่าจะยังจัดการอันตรายที่ภูเขาคุนหลุนได้อยู่ ถ้ามองอีกมุมหนึ่งแล้วเนี่ยถิงจัดทีมนี้ให้ก็เพื่อทำให้พวกเขาทั้งหมดปลอดภัยนั่นแหละ

ถึงแม้ว่าจะมีข้อขัดแย้งระหว่างทั้งสองคน แต่หลี่ว์ซู่รู้ว่าเนี่ยถิงคงจะไม่เอาชีวิตหลายๆ คนมาล้อเล่นแน่

นอกจากนี้ยังเป็นความขัดแย้งที่พวกเขาเข้าใจซึ่งกันและกันด้วย ความขัดแย้งแบบนี้เหมือนกับการทะเลาะกันเฉยๆ ไม่ใช่การต่อสู้กันจริงๆ หรอก

หลี่ว์ซู่พูดขึ้นมาด้วยความมุ่งมั่น “เราจะไปทำให้คนอื่นอับอายกัน!”

เฉินจู่อานอึ้ง “พี่ซู่ ทำไมพี่พูดเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยความมั่นใจขนาดนั้นด้วยเนี่ย”

หลี่ว์ซู่เงียบไป แล้วเขาก็เดินไปตบหัวเฉินจู่อาน “ฉันก็ถึงบอกว่าอย่าไปจีบผู้หญิงง่ายๆ แบบนั้นยังไงล่ะ!”

เฉินจู่อานโกรธจัด เขาเกือบจะพลิกโต๊ะอยู่แล้ว “พี่ยังไม่จบเรื่องนี้อีกเหรอ!”

วันต่อมาเฉาชิงฉือนำเฉินจู่อาน เฉิงชิวเฉี่ยว และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เดินไปบอกหลัวหนานว่าพวกเขาตัดสินใจไปที่ภูเขาคุนหลุนเพื่อไปเก็บตัวอย่างแล้ว

หลัวหนานรู้สึกดีใจมาก เมื่อวานเขายังผิดหวังที่ไม่มีใครฟังคำแนะนำของเขาเลย แต่วันนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้น

“แต่เรามีเงื่อนไขเดียวเท่านั้น” เฉินจู่อานชูนิ้วขึ้นมาหนึ่งนิ้ว “ก็คือเราจะมาเบิกค่าใช้จ่ายในการเดินทางครั้งนี้ทีหลัง และเรายังต้องการเบี้ยเลี้ยงทุกวันด้วย!”

“ได้สิ ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว” หลัวหนานยิ้มและยอมรับ “ถึงแม้ว่าเราจะมีคนเรียนในสาขานี้น้อยไปหน่อย แต่เราก็มีเงินทุนสนับสนุนเยอะเลย!”

ในขณะเดียวกันหลี่ว์ซู่ก็เดินทางมุ่งหน้าไปภูเขาคุนหลุนด้วยรถไฟแล้ว

สุดท้ายแล้วเขาก็เป็นกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยของพวกนั้นเหมือนกัน เขาเลยจะไปตรวจดูบริเวณรอบๆ ภูเขาคุนหลุนก่อน เขาอยากจะไปฟังตำนานจากปากคนที่อาศัยอยู่แถวนั้น และอยากรู้การเปลี่ยนแปลงของภูเขาคุนหลุนในช่วงที่ผ่านมาด้วย

หลี่ว์ซู่ชอบทำอะไรที่มั่นคง เขาจะทำภารกิจนี้ให้เต็มที่ เขาทำแบบนี้มาหลายปีแล้ว และมันคงฟังดูไม่สมเหตุสมผลถ้าเขาจะไม่สนใจความปลอดภัยของตัวเองเพียงเพื่อทำให้เนี่ยถิงอับอาย

ถ้าสถานการณ์ไม่เข้าข้างเขาเท่าไหร่ เขาจะรีบพาเฉินจู่อานและคนอื่นๆ กลับไปเมืองลั่วให้ครบสามสิบสอง

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset