ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 731 ชีวิตนายสำคัญกว่าหรือเงินสำคัญกว่า

ภูเขาคุนหลุนไม่ได้เป็นแค่ภูเขาที่เต็มไปด้วยตำนานเท่านั้น มันยังเป็นสวรรค์ของนักสำรวจอีกด้วย ภูเขานี้ตัดผ่านเมืองเป่ยเจียงและเมืองหนานฉาง ชิงโจวอยู่ห่างไปทางด้านตะวันออก ภูเขานี้มีความยาว 2500 กิโลเมตร มีระดับความสูงเฉลี่ย 5500 ถึง 6000 เมตร มีความกว้าง 130 ถึง 200 กิโลเมตร และมีพื้นที่ผิวทั้งหมดมากกว่า 500,000 ตารางกิโลเมตร

ประเทศเล็กๆ ยังเทียบความใหญ่โตได้ไม่เท่ากับภูเขานี้เลย มันยิ่งใหญ่มาก

ตอนแรกนักสำรวจทั้งหลายก็เลือกไปที่ลบนัวร์มากกว่า จากนั้นทุกคนก็ทราบว่าภูเขาคุนหลุนเป็นสถานที่ที่อันตรายที่สุดสำหรับมนุษยชาติ และบางคนก็พยายามจะข้ามหุบเขามรณะไปด้วย

หลี่ว์ซู่นั่งอยู่บนรถไฟและหาข้อมูลเกี่ยวกับหุบเขามรณะ เขาอยากรู้ว่ามีคนข้ามหุบเขานี้ไปได้สำเร็จหรือเปล่า คงจะมหัศจรรย์น่าดูถ้ามีคนข้ามไปได้ก่อนยุคพลังจิตวิญญาณฟื้นคืน

แต่ข้อมูลที่ได้จากออนไลน์นั้นให้ไว้แบบไม่สมบูรณ์ มีคนบอกว่าพวกเขาได้ข้ามผ่านหุบเขามรณะไปได้สำเร็จ แต่ไม่อยากจะให้ข้อมูลว่าเริ่มจากจุดไหนไปออกที่จุดไหน หรือพวกเขาใช้ยานพาหนะแบบไหนกัน มีรายการวาไรตี้พยายามจะข้ามหุบเขามรณะไปเช่นกัน แต่พวกเขาก็ทำได้แค่เดินไปรอบๆ บริเวณก่อนที่จะขนกล้องขึ้นบนบ่าและวิ่งหนีออกไปด้วยความกลัว ถือว่าเริ่มได้ดีแต่จบไม่สวยเท่าไหร่

นักวิทยาศาสตร์อธิบายว่าที่นั่นมีฟ้าผ่าและมีแม่น้ำใต้ดินด้วย แต่นักสำรวจกลับบอกว่าที่นั่นมีมังกรจำศีลในความเยือกแข็งอยู่ และปากทางเข้าก็อยู่ใต้หุบเขามรณะนั่นเอง

มีคนบอกอีกว่าบันทึกประวัติศาสตร์กล่าวไว้ว่าภูเขาคุนหลุนเป็นสถานที่แรกที่มีปิศาจออกมาจับมนุษย์กิน

รถไฟกำลังมุ่งหน้าไปที่เมืองซ่าเฉิงซึ่งเป็นเมืองหลวงของจังหวัดหนางฉาง หลี่ว์ซู่อยากจะไปที่เมืองชิงโจวซึ่งใกล้กับหุบเขามรณะมากกว่า แต่นักสำรวจส่วนใหญ่จะไปรวมตัวกันที่ซ่าเฉิง และคนที่อยากปีนเขาจะต้องปรับสภาพให้คุ้นเคยกับความสูงที่นั่นก่อน มีคนมาสร้างโรงแรมอยู่แถวนี้จำนวนมาก และนักสำรวจจะมาฝึกฝนกันที่นี่เพื่อรอให้สภาพอากาศดีก่อนจะปีนเขา

การเดินทางสะดวกสบายขึ้นมาก นักสำรวจที่รวยๆ ก็จะให้การสนับสนุนทางการเงิน ที่นี่ไม่มีการขาดเงินทุนหรอก

รถไฟกำลังจะจอดที่สถานีแล้ว แต่หลี่ว์ซู่ยังไม่เจอคนนำทางเลย

ทันใดนั้นก็มีชายร่างกำยำเดินผ่านหลี่ว์ซู่ไป และเขาก็เห็นว่าหลี่ว์ซู่ถือแผนที่อยู่ในมือ เขาก็กำลังหาทางไปในโทรศัพท์มือถืออยู่ เขามาหยุดอยู่ตรงรางรถไฟแล้วยิ้มให้ “พ่อหนุ่ม มาที่นี่เพื่อสำรวจเหมือนกันเหรอ”

หลี่ว์ซู่มองขึ้นไปและเห็นว่าชายคนนั้นใส่เสื้อสีฟ้าและเอาเสื้อคลุมพันเอวไว้ เขาสวมหมวกและมีกระเป๋าสะพายหลังใบใหญ่อยู่ด้วย

หลี่ว์ซู่หยุดคิดไปนิดหนึ่งก่อนตอบออกไป “ใช่ครับ ไม่งั้นผมจะมาที่นี่ทำไมกันล่ะ แต่ว่าผมหากลุ่มดีๆ ไปด้วยไม่ได้เลย พี่ชายดูจะมีประสบการณ์นะครับเนี่ย”

ชายร่างกำยำคนนั้นหัวเราะออกมา “ฉันทำอย่างนี้มาสิบปีแล้ว! ไม่มีที่ไหนที่ฉันจะไม่เคยไปมาหรอก! และไม่มีที่ไหนที่ฉันไปไม่ได้ด้วย!”

หลี่ว์ซู่อึ้งไป “งั้นพี่ชายก็ต้องเคยไปที่หุบเขามรณะมาแล้วใช่ไหมครับ”

[ได้รับแต้มจากจางเยี่ยนเฟิง +666]

หน้าของจางเยี่ยนเฟิงเปลี่ยนไปเป็นสีแดง เขาพูดขึ้นมาเบาๆ “ฉันไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนเลย”

ใครจะรู้ว่าหลี่ว์ซู่จะพูดถึงที่ยากๆ แบบนั้นมาเร็วขนาดนี้ เมื่อเขาเห็นหลี่ว์ซู่ที่ไม่มีแม้แต่กระเป๋าสะพายหลัง เขาก็คิดว่าหลี่ว์ซู่เป็นแค่มือใหม่เท่านั้น แต่ดูเหมือนเขาจะโอ้อวดเร็วไปสินะ…

“อะแฮ่ม” หลี่ว์ซู่กระแอม “พี่ชายอย่าได้รู้สึกโกรธไปเลยนะ ผมแค่ถามเฉยๆ”

หลี่ว์ซู่รู้สึกแย่ขึ้นมาเสียอย่างนั้น เขาแค่ถามไปด้วยความสงสัยเท่านั้นเอง

จางเยี่ยนเฟิงดูจะไม่ใช่คนใจแคบเหมือนกัน หลังจากที่เริ่มต้นด้วยความกระอักกระอ่วนแบบนั้นแล้ว เขาก็หัวเราะออกมา “ถึงแม้ว่าฉันจะไม่เคยไปมาก่อน แต่ครั้งนี้คนที่ไปรวมตัวกันที่ซ่าเฉิงสามารถเลือกทางไปได้สามทาง ทางแรกเราจะปีนภูเขาระหว่างเขตแดนและข้ามช่องเขาเค่อหลี่หย่าไป ทางที่สองเราจะไปที่จังหวัดมั่วทัว และทางสุดท้ายเราจะข้ามหุบเขามรณะผ่านทะเลทรายคู่มู่คู่หลี่!”

จางเยี่ยนเฟิงเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการสำรวจเลยล่ะ ไม่อย่างนั้นเขาก็จะเดินไปตามเส้นทางที่สูงกว่า 5,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลไม่ได้หรอก แค่เขาโพสต์อะไรบางอย่างบนไทม์ไลน์คนก็ตื่นเต้นกันมากแล้ว แต่เขากลับถูกหลี่ว์ซู่ทำให้อับอายเสียได้…

แล้วหลี่ว์ซู่ก็ถามขึ้นมา “แล้วเราจะเข้าไปที่ภูเขาคุนหลุนได้เหรอครับ ผมได้ยินว่ามีอะไรบางอย่างเกิดขึ้นที่นั่นไม่นานมานี้”

เมื่อจางเยี่ยนเฟิงได้ยินอย่างนั้นตาเขาก็มีประกายขึ้นมา “น้องชายก็อยู่ในหมู่พวกเราเหมือนกันเหรอ ตอนนี้เขาปิดไม่ให้เข้าอย่างเข้มงวดเลย แต่ปัญหามันอยู่ที่ว่าภูเขาคุนหลุนใหญ่มากน่ะสิ ใครจะมาหยุดเราได้ เราวางแผนเดินทางไว้แล้ว และเราก็เกิดมาเพื่อท้าทายขีดจำกัดของชีวิตเราเอง ทั้งหมี หมาป่า หรือจะเป็นพายุหิมะ มีแบบไหนที่เรายังไม่เคยเจอบ้าง ไม่ต้องกลัวหรอกนะ เราเอาปืนล่าสัตว์ติดตัวไปด้วย!”

หลี่ว์ซู่คิดว่านักสำรวจกลุ่มนี้กำลังเอาชีวิตตัวเองไปเสี่ยงครั้งใหญ่เลย ความอันตรายที่ภูเขาคุนหลุนนี้จะเอาไปเทียบกับอันตรายที่เขาเคยเจอมาก่อนได้ไหมนะ เขาไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มผู้สำรวจอะไรหรอก แต่เป็นหนึ่งในสมาชิกของโลกแห่งการบำเพ็ญต่างหาก

หลี่ว์ซู่อยากจะเตือนเขา “ตอนนี้มันเป็นช่วงยุคแห่งพลังจิตวิญญาณนะครับ เรายังต้องระวังเข้าไว้ พี่ชายน่าจะคิดให้รอบคอบกว่านี้นะครับ”

เมื่อจางเยี่ยนเฟิงได้ยินอย่างนั้นเขาก็ไม่สบอารมณ์ขึ้นมา “นายกำลังดูถูกพวกเราอยู่เหรอน้องชาย”

หลี่ว์ซู่งงไปเลย

“ผมจะไปดูถูกพี่ชายทำไมล่ะครับ

จางเยี่ยนเฟิงหัวเราะออกมาเสียงดังทันที “น้องชายรู้ไหมว่าเรามีผู้บำเพ็ญลับระดับ D นำกลุ่มเราไปด้วย”

หลี่ว์ซู่เข้าใจแล้ว ถึงว่าทำไมพวกเขาถึงใจเด็ดกันขนาดนี้ เพราะพวกเขามีผู้บำเพ็ญลับอยู่ด้วยนี่เอง เมื่อตอนที่เขายังเป็นท่านกัศยปะที่น่าเคารพอยู่ เขาได้ยินว่ามีผู้บำเพ็ญลับบางคนใช้ประโยชน์จากพละกำลังที่ตัวเองมีไปนำกลุ่มปีนเขา ทำกำไรได้อย่างงามทีเดียว

หลายคนในโลกนี้ก็หาวิธีใช้ชีวิตของตัวเองไป ดีแล้วที่เห็นว่ามีคนหาเงินด้วยการทำงานแบบนี้ ดีกว่าไปหาเลี้ยงตัวเองด้วยการทุบตีคนอื่นใช่ไหมล่ะ

หลี่ว์ซู่เปลี่ยนใจทันที “พี่ชายจะว่าอะไรไหมถ้าผมจะเข้าร่วมกลุ่มด้วย”

เมื่อจางเยี่ยนเฟิงได้ยินอย่างนั้นเขาก็ดีใจมาก กลุ่มของเขาแตกต่างจากกลุ่มนักสำรวจมือสมัครเล่นอื่นๆ พวกเขาเป็นมืออาชีพในการปีนเขา และพวกเขาปีนเขาเลี้ยงชีพตัวเองกัน

ธุรกิจการนำกลุ่มทัวร์ท่องเที่ยวและนำกลุ่มผู้สื่อข่าวเป็นธุรกิจที่ทำกำไรได้มาก ยิ่งพวกเขามีชื่อเสียงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งได้ผู้สนับสนุนมากขึ้นเท่านั้น เขาพูดกับหลี่ว์ซู่ไปก่อนหน้านี้ว่าให้บอกต่อเรื่องนี้ด้วย

จางเยี่ยนเฟิงหัวเราะ “เราต้องขอดูว่าร่างกายของนายจะไหวหรือเปล่าก่อนนะ แล้วนายก็ต้องจ่ายค่าเข้าร่วมกลุ่มด้วย”

“งั้นไม่เป็นไรครับ…”

[ได้รับแต้มจากจางเยี่ยนเฟิง +666]

หลี่ว์ซู่จู้จี้เรื่องการใช้เงินมาก จางเยี่ยนเฟิงไม่คิดเลยว่าการพูดคุยครั้งนี้จะเปลี่ยนพลิกผันไปได้ทุกๆ วินาที

แต่พวกเขาไม่ได้มาทำการกุศลนี่ จางเยี่ยนเฟิงเลยพูดออกมาเบาๆ “เรารับนายเข้ามาฟรีๆ ไม่ได้หรอกน้องชาย ถ้าไปเจอคนที่ไม่มีประสบการณ์มาก่อน พวกเขาก็อาจจะปล่อยให้นายตายอยู่ในนั้นได้นะ อีกอย่างภูเขาคุนหลุนก็อันตรายมากด้วย! แล้วชีวิตนายสำคัญกว่าหรือเงินสำคัญกว่าล่ะ”

หลี่ว์ซู่ตอบอย่างตรงไปตรงมา “เงินสำคัญกว่าอยู่แล้วครับ”

[ได้รับแต้มจากจางเยี่ยนเฟิง +666]

หลี่ว์ซู่ไม่หวังการป้องกันจากผู้บำเพ็ญลับระดับ D มากหรอก หลี่ว์ซู่ไม่ได้กังวลเรื่องความปลอดภัย ถ้าเขารู้ทางเขาก็หาเงินจากลูกค้าได้เหมือนกันแหละ

ใครกันจะมาปกป้องหลี่ว์ซู่ได้นอกจากตัวเขาเอง แล้วทีนี้เขาก็ต้องหากลุ่มอื่นเพื่อเข้าร่วมกับพวกเขาแล้วล่ะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset