ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 749 ประหยัดน้ำ

พอหลี่ว์ซู่คิดถึงจุดที่ดีที่สุดของฮุ่นตุ้นคืออะไรได้แล้วก็รู้สึกเบาใจลง เฉินจู่อานเข้าใจแล้วว่า พี่ซู่ของเขาตอนนี้ได้ผู้ช่วยระดับ A มาอยู่ข้างกายแล้ว ถ้าหลี่ว์ซู่อยู่ ใครก็ทำอะไรเขาไม่ได้ ช่างเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรที่แท้จริง!

 

 

เฉินจู่อานยิ้มประจบประแจง “ขอแสดงความยินดีกับพี่ซู่ที่มังกรฮุ่นตุ้นได้ระดับ A! “

 

 

หลี่ว์ซู่มีสีหน้าเคร่งขรึมทันที “ทำไมนายอยู่มาจนโตได้ขนาดนี้นะ! “

 

 

เฉินจู่อานพูดถ่อมตัว “ผมเองก็ยังประหลาดใจ … “

 

 

“นายดื่มน้ำจิตวิญญาณนั่นไปเยอะไหม” หลี่ว์ซู่ถาม

 

 

“ก็พอๆ กับอาหารสิบสามวัน วันหนึ่งกินประมาณกิโลครึ่ง…” เฉินจู่อานประมาณดู “ตอนนี้ฉันได้กลับมาบำเพ็ญสำเร็จแล้ว ตอนนี้บำเพ็ญถึงระดับ C แล้ว ไม่รู้ว่าน้ำจิตวิญญาณนั้นจะได้ผลเป็นยังไงบ้าง”

 

 

หลี่ว์ซู่เหล่มองเฉินจู่อาน ดีไม่ดีเจ้าอ้วนนี้ก็อาจได้โชคกับเขาด้วย พลังจิตวิญญาณในแท่นมังกรไม่ใช่ของธรรมดา เจ้าอ้วนนี้คงไม่ได้เลื่อนมาระดับ B แล้วหรอกนะ

 

 

พรสวรรค์นักกินที่เขาเคยดูถูกมาตลอดกลับเอาใช้ประโยชน์ได้จังหวะพอดี…

 

 

หลี่ว์ซู่ถอนหายใจ “คนโง่มักได้ลาภ”

 

 

“พี่ซู่ ทำไมเหมือนพี่กำลังด่าฉันเลย” เฉินจู่อานนิ่งอยู่ครู่กนึ่งจึงพูดออกมา

 

 

[ได้รับแต้มจากเฉินจู่อาน +399!]

 

 

หลี่ว์ซู่พาเฉินจู่อานเดินออกไป พอเดินออกประตูไปก็เห็นว่ามีคนกลุ่มหนึ่งนอนอยู่ที่พื้น

 

 

“พี่ซู่ ทำยังไงกับพวกเขาดีล่ะ” เฉินจู่อานมองคนที่นอนอยู่ที่พื้น เนี่ยถิงยังไม่สนใจ บินจากไปแล้วก็แสดงว่าเขารู้ว่าพวกหลี่ว์ซู่จะไม่ยอมทิ้งคนกลุ่มนี้โดยไม่แยแส

 

 

“ไปตบให้ตื่นเถอะ” หลี่ว์ซู่พูดด้วยน้ำเสียงผ่อนคลาย

 

 

“ตบจนตื่นเลยได้ไหม”

 

 

“ฉันลองดูละกัน”

 

 

เสียงตบดังขึ้นฉาดใหญ่ เฉินจู่อานถึงกับสูดหายใจเข้าเฮือกใหญ่ …

 

 

หลี่ว์ซู่เดินไปตบหน้าหวังเจ๋อ ทันใดนั้นหวังเจ๋อก็หายใจเฮือก เขากำลังนอนฝันอยู่ดีๆ อยู่ๆ ใบหน้าก็รู้สึกเจ็บแสบถึงทรวง จากนั้นก็รู้สึกร้อนเหมือนกับถูกเผา…

 

 

“ใครตบฉัน! ” หวังเจ๋อลุกขึ้นนั่งด้วยความโกรธและจ้องมองหลี่ว์ซู่ตาเขม็ง

 

 

[ได้รับแต้มจากหวังเจ๋อ +887!]

 

 

หลี่ว์ซู่ยิ้มและมองไปที่หวังเจ๋อ “ท่านที่เคารพสั่งให้ฉันมาเอาศิลาวิญญาณที่นายติดเขาไว้”

 

 

หวังเจ๋อดูสงบลง เขายังจับต้นชนปลายไม่ถูกว่ามันเรื่องอะไร เมื่อครู่ก่อนหน้าเดินเข้าไปในม่านแสงสีน้ำเงินแล้วก็หมดสติและจำอะไรไม่ได้อีกเลย ตอนนี้เลยไม่รู้ว่าเรื่องมันเกิดอะไรขึ้นแต่ ปัญหาคือคำว่าท่านที่เคารพดูเหมือนหนามแทงใจ พอหลี่ว์ซู่พูดสองคำนี้ออกไป เขาก็ไม่กล้าพูดอะไร..

 

 

“ขอให้ท่านที่เคารพให้เวลาซักสองสามวันได้ไหม ตอนนี้ฉันยังไม่มีเงินขนาดนั้น… ” หวังเจ๋อพูดเสียงอ่อย ตอนนี้เขาไม่กล้าขึ้นเสียงแล้ว ไม่กล้าแล้วจริงๆ

 

 

“ฮ่าๆ ” หลี่ว์ซู่ยิ้มเยาะ “ท่านที่เคารพบอกไว้ว่าถ้านายไม่มอบศิลาวิญญาณให้ก็ควักไตของนายออกมา”

 

 

อยู่ๆ หวังเจ๋อก็ร้องไห้ขึ้นมา “ตอนนี้เหลืออยู่ข้างเดียว ขายไปก่อนช่วงพลังจิตวิญญาณจะฟื้นคืน ขอร้องท่านล่ะ ให้อภัยฉันเถอะ! “

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบไปครู่หนึ่ง เขาไม่รู้ว่าจะรู้สึกอย่างไรดี เรื่องนี้ฟังแล้วไม่ตลกเลยแต่เขากลับรู้สึกว่าเรื่องที่หวังเจ๋อขายไตดูน่าสงสารขึ้นมา เขาจึงไม่อยากหาเรื่องอีกฝ่าย

 

 

ไม่ใช่ว่าเขาเห็นอกเห็นใจหวังเจ๋อแต่เขารู้สึกว่าถ้าตัวเองไปหาเรื่องคนแบบนี้เหมือนกันกับลดระดับตัวเอง เป็นครั้งแรกที่ หลี่ว์ซู่รู้สึกแบบนี้ แต่ไหนแต่ไรมาก็เขาขาดแคลนเงินก็ทำงานหาเงิน เจออุปสรรคก็หาวิธีเอาชนะ มีเงินเท่าไหร่ก็ใช้เท่านั้น หลี่ว์ซู่คิดมาตลอดว่าเกิดเป็นคนต้องเข้มแข็ง แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด หลี่ว์ซู่ก็ไม่เคยคิดที่จะขายไตดังนั้นเขาจึงไม่เข้าใจคนอย่างหวังเจ๋อ

 

 

 

 

ทุกคนได้พักผ่อนที่ฐานสำรวจวันหนึ่ง สมาชิกของเครือข่ายฟ้าดินที่ถูกควบคุมตัวก็ได้ฟังเรื่องที่เกิดขึ้นจากเฉินจู่อาน เฉินจู่อานโน้มน้าวพวกเขาไม่ให้ทำเรื่องแบบนี้อีก สุดท้ายทุกคนก็หัวเราะแล้วพูดว่า “พวกเราไม่ทำเรื่องนี้แล้วใครจะทำ ใครๆ ก็รู้ว่ามีอันตรายแต่ก็เตรียมใจเอาไว้นานแล้ว”

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่ได้โน้มน้าวมากนัก เขารู้ว่ามันไม่มีประโยชน์

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เล่าเรื่องปรมาจารย์หุ่นเชิดให้ฟัง ไม่รู้ว่าทำไมหลี่ว์ซู่ถึงรู้สึกหนักใจเสมอที่ได้ยินคำว่าปรมาจารย์หุ่นเชิด ตอนนี้ข่าวของปรมาจารย์หุ่นเชิดมีมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนกับพวกเขาอยู่ทุกหนทุกแห่ง

 

 

คนกลุ่มนี้มีเป้าหมายอะไรกัน ที่จริงควรจะรีบไปทำลายกำแพงมากกว่าที่จะมาช่วยรักษาโลกเอาไว้ ตามที่อ๋าวเสี่ยนพูดไว้ ในเมื่อปรมาจารย์หุ่นเชิดเป็นคนของดินแดนเนรเทศทำไมถึงเข้ามาในโลกนี้ได้ และอีกฝ่ายไม่ตามหาที่ตั้งของกำแพงเพื่อทำลาย แต่กลับดูไม่รีบร้อนกังวลเลยสักนิด ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

 

 

ทุกคนเริ่มเดินทางกลับเข้าเมือง หวังเยี่ยนและคนอื่นๆ รู้สึกโล่งใจจริงๆ ที่มีคนของเครือข่ายฟ้าดินอยู่ข้างกาย

 

 

เมื่อพวกเขารู้สึกว่าปลอดภัยจริงๆ แล้ว หวังเยี่ยนก็เริ่มคิดไม่ซื่ออีกแล้ว พวกเห็นว่าสมาชิกเครือข่ายฟ้าดินกลุ่มหนึ่งที่ปรากฏตัวมาทีหลังมีอายุมากกว่าหลี่ว์ซู่และคนอื่นๆ ตามหลักแล้วพวกเขาน่าจะมีตำแหน่งสูงกว่าในเครือข่ายฟ้าดิน ดังนั้น หวังเยี่ยนจึงเริ่มฟ้องสมาชิกคนอื่นๆ เรื่องพฤติกรรมเลวร้ายของพวกหลี่ว์ซู่

 

 

สมาชิกเครือข่ายฟ้าดินที่ครั้งหนึ่งเคยถูกอ๋าวเสี่ยนควบคุมแต่ละคนทำหน้าตาประหลาดใจ “ผมว่าพวกคุณอย่ารายงานเลย ก่อนอื่นคือเขาช่วยพวกผม ยังไม่ต้องพูดเรื่องบุญคุณช่วยชีวิต เรื่องที่สองผมคิดว่าเรื่องของคุณมีคนที่สามารถจัดการได้อยู่ไม่กี่คนหรอก พวกเขาแต่ละคนก็ไม่ใช่คนธรรมดา”

 

 

คนจากเครือข่ายฟ้าดินเหล่านี้หลังจากเพิ่งตื่นขึ้นมาก็ถามตำแหน่งของเฉาชิงฉือและเฉินจู่อาน พวกเขาก็รู้ว่าวัยรุ่นกลุ่มนี้เป็นใคร มีกองพลธรรมดาที่ไหนที่ระดับต่ำสุดคือระดับ C…

 

 

กองพลกองนี้มีระดับ B สองคน ระดับ C สามคน ไม่เคยได้ยินเลยว่ามีการจัดทีมแบบนี้มาก่อน …

 

 

หวังเยี่ยนและคนอื่นๆ ถึงกับตกตะลึง พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมหลี่ว์ซู่และคนอื่นๆ ยังดูเด็กกันอยู่ แต่กลับมีพลังมากขนาดนี้

 

 

กลุ่มคนเดินทางกลับเมืองจากเส้นทางทะเลทรายคู่มู่คู่หลี่ พอทุกคนมาถึงเมือง เรื่องแรกที่ทำไม่ใช่กินข้าวแต่คือไปอาบน้ำ!

 

 

อยู่ในทะเลทรายไม่ได้อาบน้ำมาสิบกว่าวันแล้ว ถึงคนประหยัดน้ำอย่างหลี่ว์ซู่ก็ยังรู้สึกเหนียวเนื้อเหนียวตัว

 

 

เมื่อจางเยี่ยนเฟิงมาถึงในเมืองก็ยังไม่ได้แยกทางกับหลี่ว์ซู่และคนอื่นๆ แต่เขาเป็นฝ่ายชวนคนจากเครือข่ายฟ้าดินรวมถึงหลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไปที่โรงอาบน้ำ

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่ปฏิเสธ ยังไงก็ต้องอาบน้ำ พวกเขาจึงเดินทางไปโรงอาบน้ำ หลังจากหลี่ว์ซู่เปิดน้ำจากก๊อกแล้วน้ำเย็นเฉียบก็ไหลออกมาในช่วงแรก จู่ๆ เขาคิดอะไรขึ้นมาได้เลยสาดน้ำใส่เฉินจู่อาน “น้ำเย็นพวกนี้ก็เป็นน้ำเหมือนกัน อย่าใช้สิ้นเปลือง”

 

 

เฉินจู่อานงงเป็นไก่ตาแตก

 

 

[ได้รับแต้มจากเฉินจู่อาน +666!]

 

 

“พี่ซู่ พี่ทำอะไรนะ” เฉินจู่อานทำหน้าตกใจ

 

 

“ประหยัดน้ำไง” หลี่ว์ซู่พูด

 

 

“แล้วทำไมไม่สาดใส่ตัวเองล่ะ! ” เฉินจู่มึนตึ้บ

 

 

“นี่มันน้ำเย็น!”

 

 

[ได้รับแต้มจากเฉินจู่อาน +666!]

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset