ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 755 ขนส่งสัตว์ตัวอย่าง

พอเจอหลี่ว์ซู่เล่นไม้นี้ นักศึกษาคนอื่นๆ ก็เหมือนกับต้องทำความรู้จักสาขาวิจัยสายพันธุ์ใหม่อีกครั้ง พวกพี่ไม่ใช่แค่แข็งแกร่งอย่างเดียว พวกพี่ยังรวยอีกด้วย

 

 

ที่จริง ฐานะของหลี่ว์ซู่ตอนนี้สำหรับนักศึกษาทั่วไปถือว่าเสี่ยได้เลย ปกติแล้วทุกคนจะได้รับเงินเดือนไม่มาก แน่นอนว่าอาจมีคนลอบขายศิลาวิญญาณ

 

 

ตอนนี้ทุกคนได้เรียนรู้แล้วว่าถ้าขูดเลขบนศิลาวิญญาณออกแล้วเอาไปขายที่ตลาดมืดจะได้ราคาเป็นแสนหยวน แต่คนที่กล้าทำเรื่องพวกนี้มีไม่มากเท่าไหร่ ทุกคนรู้ว่าตลาดมืดอยู่ภายใต้การควบคุมของเครือข่ายฟ้าดิน ใครจะทำเรื่องเสี่ยงๆ แบบนี้

 

 

ยิ่งไปกว่านั้นศิลาวิญญาณเป็นทรัพยากรในการบำเพ็ญ เป็นที่ต้องการของนักศึกษาระดับต้นเป็นอย่างมาก

 

 

วิทยาลัยเป็นเรื่องแปลกใหม่และไม่เคยมีโรงเรียนแบบนี้มาก่อน จึงมักเกิดเรื่องราวตลกๆ มากมายและบางคนแต่งเรื่องขึ้นมาก็มี

 

 

ตัวอย่างเช่นนักศึกษาในสาขาสืบสวนจำเป็นต้องเรียนรู้การเข้ารหัสสากลบางอย่างรวมถึงการเข้ารหัสมอร์ส

 

 

นักศึกษาสาขาสืบสวนทุกคนแต่ละคนตื่นเต้นกันมาก พวกเขาคิดว่าถ้าเชี่ยวชาญเรื่องพวกนี้แล้วจะเอาไปโกงคนอื่นได้สบายเลย อย่างน้อยก็ใช้รหัสมอร์สเป็น

 

 

ผลก็คือพอถึงตอนสอบย่อย นักศึกษาสาขาการสืบสวนต่างตื่นเต้นกัน นักศึกษาคนหนึ่งใช้รหัสมอร์สถามโต๊ะข้างๆ “คำถามข้อสอง ทำได้ไหม”

 

 

อีกฝ่ายใช้รหัสมอร์สตอบกลับมา “ไม่ได้”

 

 

“เธอทำไม่ไหม”

 

 

“ไม่ได้เหมือนกัน”

 

 

นอกจากนี้ก็มีสาขาที่เรียนเรื่องความปลอดภัยและความสัมพันธ์องค์กร อาจารย์ขอให้ทุกคนตั้งชื่อตัวเองเป็นภาษาอังกฤษเพื่อปรับตัวให้เข้ากับการทำงานในต่างประเทศในอนาคต ด้วยเหตุนี้นักศึกษาแปดสิบกว่าคนในชั้นเรียนจึงมีชื่อภาษาอังกฤษ แต่ละชื่อฝรั่งเอามากๆ ฟังๆ แล้วก็เท่ดี

 

 

ในความเป็นจริงเวลาสาขานี้คัดเลือกนักศึกษา จะเลือกนักศึกษาที่ภาษาต่างประเทศดีก่อน ต้องเป็นภาษาที่สาม ไม่ว่าจะอยู่ทำงานในองค์กรวิจัยในประเทศหรือส่งออกไปทำงานต่างประเทศ เลือกคนที่ภาษาดีย่อมดีกว่า

 

 

นานวันเข้านักศึกษาสาขาความสัมพันธ์และความปลอดภัยองค์กรก็คิดว่าพวกเขาสำคัญ เจอหน้าก็ไม่พูดภาษาแม่ ใช้ภาษาอังกฤษคุยกันทุกวัน

 

 

ต่อมา ชื่อภาษาจีนก็กลายเป็นคำต้องห้าม มีคนรังเกียจที่ชื่อที่พ่อแม่ตั้งให้ว่าชื่อไม่น่าฟัง

 

 

ผลก็คือนักศึกษาต่างสาขามาตะโกนเรียกเพื่อนที่ชื่อว่าหวังชุนหง แต่นักศึกษาหญิงคนหนึ่งในห้องที่ชื่ออีวอนลุกขึ้นยืนทำหน้าไม่พอใจเหมือนใครไปฆ่าพ่อ ทำเหมือนชื่อจีนของเธอเหมือนเป็นคำสาป ไปปลุกปีศาจร้ายออกมาอย่างนั้น

 

 

อาจารย์ที่วิทยาลัยลั่วเสินเห็นปัญหานี้จึงเริ่มแนะแนวนักศึกษาทุกคน พวกเราไม่ปฏิเสธข้อดีของต่างประเทศแต่จะรังเกียจภาษาแม่ตัวเองไม่ได้

 

 

โชคดีที่พวกนักศึกษาเป็นคนที่พูดรู้เรื่อง อยู่ในเครือข่ายฟ้าดินมานานขนาดนี้ แต่ละคนต่างรักเกียรติของตัวเอง ดังนั้นค่านิยมที่ชื่นชอบเวลาถูกเรียกชื่อภาษาอังกฤษจะหมดไป

 

 

เมื่อถึงเวลาเข้าเรียนวิชาวัฒนธรรม หลี่ว์ซู่ก็ได้เปรียบในฐานะนักศึกษาเรียนดี วิชาเลขแค่มองก็เข้าใจแล้วแทบไม่จำเป็นต้องเรียนเลย

 

 

ในชั้นเรียนอยู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็ได้รับข้อความหลอกลวงว่า [สวัสดีพี่ชาย ฉันเป็นน้องใหม่ เนื่องจากครอบครัวของฉันลำบากฉันจึงใช้ครั้งแรกแลกค่าเทอม พี่ช่วยฉันได้ไหม]

 

 

หลี่ว์ซู่เหลือบมองหนังสือเรียนแล้วตอบข้อความกลับไป [สมการแก้ของสมการเชิงอนุพันธ์เชิงเส้นลำดับที่หนึ่ง dy / dx + P (x) y = Q (x) ควรแก้ไขโดยวิธีการแปรผันคงที่]

 

 

อีกฝ่ายส่งกลับข้อความว่า [สมการแก้คือ y = [ ∫ Q (x) e ^ ( ∫ P (x) dx) dx + C] e ^ (-  ∫ P (x) dx) โดยที่ C คือค่าคงที่ของการอินทิเกชั่น ฉันทำถูกใช่ไหมพี่]

 

 

หลี่ว์ซู่มองเฉินจู่อานที่กำลังนอนหลับอยู่ข้างๆ ก็ยิ้มเยาะและส่งข้อความตอบกลับ [ดูก็รู้ว่าเป็นพวกต้มตุ๋น นักศึกษามหาวิทยาลัยที่ไหนทำเรื่องนี้เป็น]

 

 

[ได้รับแต้มจากเหลียงอวี๋ +666!]

 

 

ทำไมไม่เล่นตามแผนล่ะ! ตั้งคำถามเล่นๆ เหรอ!

 

 

 

 

บ่ายวันศุกร์รถบรรทุกห้องเย็นขับเข้าไปในวิทยาลัยลั่วเสิน รถแต่ละคันมีสมาชิกเครือข่ายฟ้าดินในเครื่องแบบสีดำติดรถไปด้วย แต่ละคนถือกระบี่ยาวออกจากฝักยืนอยู่ข้างๆ รถเหมือนกับคุ้มกันอาวุธอย่างไงอย่างนั้น

 

 

นักศึกษากลุ่มหนึ่งมารวมตัวกันที่ประตูห้องหลังเลิกเรียนเพื่อดูสถานการณ์แต่ก็ไม่รู้ว่าพวกเขากำลังทำอะไรอยู่

 

 

ปกติตอนที่ขนส่งศิลาวิญญาณแต่ละเดือนถึงคุ้มกันแบบนี้ ศิลาวิญญาณของเดือนนี้ก็เพิ่งส่งเข้ามาแล้วคราวนี้ขนส่งอะไรเข้ามา

 

 

“พวกนายดูนั่น คนที่คุ้มกันคนนั้นเป็นครูฝึกของเราที่ค่ายฝึกสอน ยอดฝีมือระดับ C ขั้นสูงสุด!”

 

 

“ดูท่าจะขนของสำคัญมากเลยสิ”

 

 

ในตอนนี้ หลี่ว์ซู่ เฉาชิงฉือ และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็เดินเข้าไป

 

 

หัวหน้าทีมรับผิดชอบทีมคุ้มกันเข้ามาจัดการส่งมอบกับหลี่ว์ซู่ หลี่ว์ซู่เห็นก็รู้ว่าเป็นคนรู้จักกัน ก็คือจางซิงหนึ่งในทีมล้อมสกัดเขาและเฉินจู่อานในคืนที่เมืองหลวง ภายใต้ทีมของห่าวจื้อเชา

 

 

จางซิงเห็นหลี่ว์ซู่ก็เดินเข้ามากอดอย่างดีอกดีใจ “ไม่เจอกันนานเลย!”

 

 

ทั้งสองคนถ้าไม่ได้สู้ก็คงจะไม่รู้จักกัน ตอนนั้นพวกห่าวจื้อเชาคิดว่าหลี่ว์ซู่มีความสามารถไม่น้อยจึงชื่นชอบเด็กหนุ่มคนนี้มาก แต่ตอนนี้ลูกทีมธรรมดาๆ ก็เริ่มแผ่กิ่งก้านเป็นกำลังสำคัญของเครือข่ายฟ้าดิน

 

 

นักศึกษาที่มุงดูอยู่ต่างประหลาดใจกัน “นั่นมันพี่ใหญ่ของสาขาวิจัยสายพันธุ์ไม่ใช่เหรอ คนที่กอดครูฝึกคือหลี่ว์ซู่ พวกเขารู้จักกันมานานแล้วนี่”

 

 

ความรู้สึกนี้แปลกมาก พวกเขายังเป็นแค่นักศึกษาธรรมดาต่างคิดว่าคนที่จับมือกับยอดฝีมือที่คุมอำนาจเป็นสิ่งยอดเยี่ยมมาก แล้วก็หวังว่าซักวันตัวเองจะมีบทบาทแบบนี้บ้าง

 

 

แต่บทบาทที่ใฝ่ฝันแบบนี้กลับมาอยู่ที่เพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งของพวกเขาเอง ความต่างของคนเรามันค่อยๆ สะท้อนออกมาให้เห็นจากรายละเอียดเหล่านี้

 

 

มีคนกระซิบว่า “สาขาวิจัยสายพันธุ์ของลั่วเสิน…มีแต่พวกตัวประหลาด … “

 

 

“ฉันได้ยินมาว่าเดือนหน้าจะมีการแข่งขันครั้งใหญ่ระหว่างวิทยาลัยต่างๆ ตอนนั้นถ้าพี่ใหญ่ของสาขาวิจัยสายพันธุ์ลงแข่งซักหน่อย คนอื่นๆ คงได้เซอร์ไพรส์กัน “

 

 

วิทยาลัยอื่นๆ สาขาวิจัยสายพันธุ์ไม่ค่อยเด่นดัง ไม่เหมือนกับที่วิทยาลัยลั่วเสิน

 

 

ทันใดนั้นพวกเขาก็เห็นซากศพของสัตว์ป่าโผล่ขึ้นมาตรงที่พื้นที่ว่างๆ ทั้งหมาป่า อูฐป่า จามรีป่าและนกเขาป่าซึ่งแต่ละตัวมีขนาดใหญ่ทั้งนั้น แค่มองก็รู้ว่าเป็นสัตว์กลายพันธุ์

 

 

แต่มันไม่ใช่ประเด็นสำคัญ ที่สำคัญที่สุดคือ…มันเยอะมาก!

 

 

“มิน่าพวกสาขาวิจัยสายพันธุ์ถึงได้หายตัวไปตั้งนาน ที่แท้ไปล่าสัตว์กลายพันธุ์นี่เอง”

 

 

“เฮ้ย ดูหมีตัวนั้นสิ ทำไมตัวใหญ่ขนาดนั้น! “

 

 

“พอฉันเห็นจำนวนแล้วก็นึกถึงตอนที่พวกนั้นออกล่าสัตว์เลย สถานการณ์คงกดดันน่าดู”

 

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset