เมื่อก่อนนั้นมีคนอยากจะมาหาสมบัติในพื้นที่ของเครือข่ายฟ้าดิน อย่างเช่นดวงตาค่ายกลจากโบราณสถาน หรือทรัพยากรการบำเพ็ญอื่นๆ
แต่ก็ไม่ถูกต้องเท่าไหร่ เพราะคนที่เข้ามาหาสมบัตินั้นถูกฆ่าตายไปหมด
หลายปีที่ผ่านมานั้นเนี่ยถิงฆ่าคนไปตั้งกี่คน ตั้งแต่เริ่มยุคพลังจิตวิญญาณฟื้นคืน ผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าฝั่งตะวันออกจากเครือข่ายฟ้าดินก็ออกมาปกป้องดินแดนของตัวเองเหมือนกับเขากำลังปกป้องสมบัติอยู่ ก่อนหน้ายุคพลังจิตวิญญาณฟื้นคืน เครือช่ายฟ้าดินมีเครือข่ายข้อมูลที่กว้างขวางอยู่แล้ว ดังนั้นเนี่ยถิงจึงสามารถหาข้อมูลจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ เขายังสามารถได้รับข้อมูลที่แม่นยำของตำแหน่งที่ผู้เชี่ยวชาญเข้ามาในพรมแดนอีกด้วย
เมื่อมีคนคิดถึงเครือข่ายฟ้าดิน พวกเขาก็ถูกไล่ออกจากพื้นที่ที่เขาเข้าไปปกป้องไว้ และพื้นที่เครือข่ายฟ้าดินปกป้องก็มีแต่ความสงบสุขในหลายปีที่ผ่านมา
แต่ตอนนี้เนี่ยถิงกลับโจมตีไม่ได้แล้ว อย่างกับเป็นรอยแยกที่ปรากฏขึ้นบนประตูที่ปิดสนิท
คนฉลาดๆ อย่างหัวหน้าบาทหลวงและนักบุญรู้ได้ทันทีว่าเกิดอะไรขึ้น มีคนที่พวกเขาไม่รู้จักปรากฏตัวขึ้น และพวกเขาเหล่านั้นก็มาควบคุมหมากบนกระดาน เหมือนกับว่านักเล่นหมากรุกพวกนี้มีความรอบรู้และมีอำนาจทุกอย่าง พวกเขาสามารถทำนายทุกการเคลื่อนไหวได้
เพราะฉะนั้นนักบุญและบาทหลวงก็เลยฉวยโอกาสนั้นไว้ พวกเขาจะเล่นตามเกมของนักเล่นหมากรุกพวกนี้ และจะขอท้าทายผู้มีอำนาจในปัจจุบันที่เครือข่ายฟ้าดินมีอยู่เหนือโลกแห่งการบำเพ็ญเพียรนี่
ราวกับว่าพวกเขาไปขอหนังเสือจากเสือ แต่หัวหน้าบาทหลวงและนักบุญก็รู้ความคิดของตัวเองดี พวกเขาคิดกันหนัก…คนควบคุมกระดานหมากรุกนี้คงจะไม่ได้แข็งแกร่งมากที่จะมาท้าทายเครือข่ายฟ้าดินตรงๆ และถ้าคนควบคุมคนนี้กลับอยากจะเป็นศัตรูขึ้นมา หัวหน้าบาทหลวงและนักบุญก็จะใช้ความสามารถที่มีจุดชนวนสงครามขึ้นมา
เรื่องนี้เป็นเรื่องอันตรายอยู่แล้ว แต่ความอยากที่จะกำราบเครือข่ายฟ้าดินนั้นทรงพลังกว่ามาก!
นักบุญนั่งอยู่บนเครื่องบิน เขาพยายามจะวิเคราะห์คำอธิบายที่คนควบคุมบอกไว้เรื่องเสินฉังจิ้งอย่างหนัก ทางเดียวที่คนระดับ A จะเอาชนะความเป็นความตายได้และเลื่อนระดับเป็นเสินฉังจิ้งก็คือการกลายเป็นกฎเสียเอง แล้วจากนั้นมนุษย์ก็จะอยู่ในระดับเดียวกับกฎของโลก
นักบุญรู้จักพวกเขาเมื่อเขาสังเกตเห็นเนี่ยถิงกำลังเลื่อนระดับ แต่เขาได้เรียนรู้จากกระทู้นี้ว่าโลกนี้อ่อนแอมากจนไม่สามารถต้านทานแรงผลักจากกฎของโลกได้ สิ่งนี้ทำให้เขาสับสนมาก เกิดอะไรขึ้นกับโลกนี้กันนะ ทำไมโลกนี้ถึงได้เป็นแบบนี้กัน
นอกจากนี้ในกระทู้ยังกล่าวอย่างชัดเจนว่าไม่ว่ากฎจะแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ก็มีก็ยังพลังงานดั้งเดิมไหลเวียนอยู่ ตอนนี้เรากำลังอยู่บนเส้นทางที่จะเปิดเผยความจริง หากขยับตัวผิดไปแม้แต่เล็กน้อยก็จะสร้างปฏิกิริยาลูกโซ่ได้
สิ่งนี้ไม่เกี่ยวข้องกับแรงพันกิโลกรัมหรือร้อยกิโลกรัมหรอก เพราะแรงร้อยกิโลกรัมนี้ก็เป็นเรื่องเจ็บปวดมากสำหรับผู้บำเพ็ญแล้ว ในขณะที่แรงพันกิโลกรัมก็ยิ่งจะทำให้เจ็บปวดยิ่งกว่า
แต่กฎพวกนี้ต่างออกไป พลังธรรมดาจะทำลายสิ่งอื่นได้ แต่กฎสามารถเปลี่ยนแปลงได้ และมีความหมายไม่เหมือนกัน
นักบุญเข้าใจว่าเนี่ยถิงยังคงมีพลังที่จะทำลายโลกได้ เขายังมีพลังที่จะทุบโต๊ะให้แตกเป็นเสี่ยงๆ ได้ตลอด แต่ถ้ามีคนอยากจะรู้เรื่องความลับของเผ่าโบราณอี๋ในภูเขาจั่งไป๋ล่ะ หรืออยากจะรู้ว่ามีอะไรซ่อนอยู่ในแนวกระบี่นั่น เขาจะหยุดพวกนั้นหรือเปล่า
เนี่ยถิงจะเลือกแบบไหนกันนะ
นักบุญไม่เชื่อว่าเครือข่ายฟ้าดินจะทำให้ทุกคนรวมถึงตัวเขาเองด้วยย่อยยับไปหมดได้เพราะเรื่องภูเขาจั่งไป๋ อีกอย่างองค์กรใหญ่อื่นๆ ก็รู้ว่าเครือข่ายฟ้าดินกังวลเรื่องอะไร และความเชื่อของพวกเขาก็ต่างออกไป
พวกเขายังคงกลัวเนี่ยถิงอยู่ ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเข้าไปสังหารคนธรรมดาทิ้ง ไม่มีใครอยากกวนประสาทเนี่ยถิงหรอก ที่สุดแล้วเนี่ยถิงก็ไม่ใช่คนใจอ่อน ถ้าพวกเขาทำให้เนี่ยถิงหงุดหงิดพวกเขาก็จะซวยไปด้วย
พูดกันตรงๆ แล้วพวกเขาคิดไม่ออกกันเลยว่าเครือข่ายฟ้าดินมีข้อมูลอยู่ในมือมากเท่าไหร่ องค์กรขนาดใหญ่ทั้งหลายไม่สามารถส่งกำลังมาได้อย่างเต็มที่ แม้ว่าพวกเขาจะผลักดันการต่อสู้ไปยังพื้นที่ห่างไกลดินแดนของเครือข่ายฟ้าดิน พวกเขาก็อาจจะยังไม่ชนะภายใต้สถานการณ์แบบนี้ได้
ถึงแม้พวกเขาจะไม่มีเนี่ยถิง พวกเขาก็ยังมีเฉินไป่หลี่ ถึงพวกเขาจะไม่มีเฉินไป่หลี่ พวกเขาก็ยังมีผู้เชี่ยวชาญระดับ B ขั้นสูงรออยู่มากมาย
แต่ถ้าพวกเขาต้องการเพียงแค่สิ่งที่อยู่ในแนวกระบี่และไม่ต้องการฆ่าใคร จากนั้นก็กลับไปหลังจากได้ผลประโยชน์แล้ว เนี่ยถิงจะเลือกทางไหนกันนะ จะทำลายโลกนี้หรือเปล่า นักบุญไม่เชื่อว่าเขาจะทำอย่างนั้นหรอก
นักบุญลอบยิ้มออกมา เขาแทบรอเห็นเนี่ยถิงเลือกอะไรไม่ได้ไม่ไหวแล้ว
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เสกร่างปลอมของหลี่ว์ซู่เจ็ดคนออกมาเพื่อทำให้คนอื่นทรมานใจ แม้แต่หลินอี้ซินที่เพิ่งจะเลื่อนระดับเป็นระดับ B เองก็ยังอยากจะยอมแพ้เลย แต่เขายอมแพ้ไม่ได้ หลินอี้ซินและคนอื่นๆ ไม่ได้เป็นดอกไม้ในเรือนกระจกอีกแล้ว พวกเขาจะสู้ให้ถึงที่สุด ถึงจะต้องล้มลุกคลุกคลานแค่ไหนก็เถอะ!
ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่แต่ละคนก็ถือหอกขึ้นมา และพวกเขาก็พุ่งหอกเข้าใส่อย่างกับปืนใหญ่ พวกเขาประสานงานกันได้ดี แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญระดับ B อย่างหลินอี้ซินก็พบว่าเขาต้านทานการโจมตีนี้ได้ยากมาก
เขาพยายามจะใช้มีดบินเพื่อทำลายรูปแบบการโจมตีนั้น แต่ราวกับว่าหอกสามารถมองเห็นการป้องกันนั้นได้ ร่างปลอมพวกนั้นสะกัดมีดบินไว้ได้หมด
เฉินจู่อานและเฉิงชิวเฉี่ยวไม่ได้ทำตัวเหมือนกับเป็นผึ้งงานแล้ว พวกเขากลับมาหาหลี่ว์ซู่ก็พักเหนื่อยกันที่กำแพง “พี่ซู่อย่าหลอกเราเรื่องส่วนแบ่งนะครับ เราเหนื่อยกันมากเลย”
เมื่อก่อนเฉินจู่อานใช้ชีวิตอย่างรวยๆ มาตลอด แต่ตอนนี้เขาหวังพึ่งครอบครัวเขาไม่ได้แล้ว เขาต้องหาเงินด้วยตัวเอง
เมื่อเฉินจู่อานมองนักศึกษาจากทีมตรงข้ามเขาก็รู้สึกดีใจมาก เพราะพวกเขาดูเหมือนว่าพึ่งไปกินแตงขมๆ กันมา และก็ตกใจที่เห็นร่างปลอมทั้งเจ็ดของหลี่ว์ซู่ที่เช้าขากันได้ดี และทำให้คนระดับ B หนีไปด้วยความตกใจได้
เมื่อก่อนมีคนบอกว่าถ้าโจมตีกันอย่างเข้าขาแล้ว คนระดับ C ทั้งเจ็ดคนก็สามารถเอาชนะคนระดับ B ได้ แต่เคมีความเข้าขาในการต่อสู้ของพวกเขาจะมีเท่าร่างปลอมของหลี่ว์ซู่ไหมนะ
เฉินจู่อานหัวเราะใส่พวกนักศึกษาพวกนั้น “เห็นความน่ากลัวของพี่ซู่หรือยังล่ะ ขนาดพี่ซู่ระดับ C ยังแกร่งมากขนาดนี้เลย”
แล้วก็มีผู้หญิงคนหนึ่งถามเฉินจู่อานเบาๆ “ฉันว่าท่านหลี่ว์… เอ่อ อาจารย์หลี่ว์ดูชอบปลีกตัวมาก ปกติเขาเป็นแบบนั้นเหรอ”
เฉินจู่อานตกใจมาก เธอชอบหลี่ว์ซู่เข้าให้หรือเปล่าเนี่ย เธอมาจากฝั่งตรงข้ามนะ! เธอก็ตกหลุมรักคนจากทีมศัตรูก่อนที่การแข่งขันจะจบอีกงั้นเหรอ เธอเป็นพวกแปรพักตร์หรอกเหรอเนี่ย
เฉินจู่อานคิด เขาจะเอาใจหลี่ว์ซู่หน่อยดีกว่า “คงยากหน่อยนะถ้าอยากเข้าใจพี่ซู่ของฉันเนี่ย การแข่งขันแบบนี้ไม่ควรค่าให้เขาดูด้วยซ้ำ ถ้าเธอไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญระดับ A ก็อย่าหวังมาพูดกับเขาเลย! พี่ซู่ของฉันไม่ใช่พวกปลีกวิเวกนะ เขาแค่ไม่อยากให้ค่าคนอ่อนแอ ถึงเขาให้ค่าไปเขาก็จำพวกอ่อนแอพวกนั้นไม่ได้หรอก!”
เฉินจู่อานรู้สึกว่าเขาเข้าข้างหลี่ว์ซู่สุดๆ และรู้สึกพอใจกับตัวเองมาก เขายิ้มให้หลี่ว์ซู่ “ผมพูดถูกใช่ไหมครับพี่ซู่”
หลี่ว์ซู่เงียบไปสองวินาที แล้วเขาก็หันมามองเฉินจู่อาน “นายเป็นใครกัน”
[ได้รับแต้มจากเฉินจู่อาน +666]