เฉินจู่อานเงียบไปเลย และฝั่งหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เองก็กำลังจะเอาชนะหลินอี้ซินจากวิทยาลัยตะวันตกเฉียงใต้ได้
ทั้งสนามต่อสู้คนแน่นไปหมด และคนกว่าหนึ่งในสามก็ต้องยืนดู ทางเดินเริ่มแน่นขึ้นเรื่อยๆ
ตอนที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เสกร่างปลอมของหลี่ว์ซู่เจ็ดร่างขึ้นมาหลี่ว์ซู่ก็ได้รับแต้มอารมณ์มาอย่างไม่ขาดสาย บางแต้มก็มาจากเขา บางแต้มก็มาจากหลี่ว์เสี่ยวอวี๋
หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเขาตัดสินใจไปถูกต้องแล้ว ตราบใดที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ออกไปเป็นคนแรกและเอาชนะคู่ต่อสู้ได้ เขาก็จะได้รับแต้มอารมณ์อย่างต่อเนื่อง
เขาต้องการสองล้านแต้มเพื่อมาจุดประกายดวงดาวดวงที่สาม ตอนนี้เขาได้มา 1.7 ล้านแต้มแล้ว
หลี่ว์ซู่หยุดคิดเรื่องจุดชี่ไห่ไม่ได้ พอเข้าได้แต้มอารมณ์มาแล้ว เขาก็จะกินผลชี่ไห่เพื่อสร้างภูเขาหิมะ และการทำแบบนี้จะทำให้เขาสร้างวิญญาณกระบี่เล่มที่สามออกมาได้อย่างรวดเร็ว ถึงมันจะไม่ใช้วิญญาณกระบี่ที่ได้มาตรฐานแต่มันก็มีประโยชน์ของมันอยู่เหมือนกัน ถ้าเขาเอาชนะคู่ต่อสู้ได้โดยการโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัวล่ะ
ตอนที่เขาฆ่าทาคาชิมะ ทาอิรัตสึได้ เขาก็ต้องพึ่งวิญญาณกระบี่เหมือนกัน แล้วตอนที่เขาอยู่ในซาร์ดิเนีย วิญญาณกระบี่เล่มที่สองของเขาก็แสดงความสามารถอันโดดเด่นและเอาชนะซาตานได้
หลี่ว์ซู่ได้ประโยชน์จากวิญญาณกระบี่สองเล่มนี่แล้ว เพราะฉะนั้นถึงมันจะไม่ใช่วิญญาณกระบี่ที่ได้มาตรฐาน เขาก็ยังอยากได้อยู่ดี
ส่วนเรื่องการจุดประกายดวงดาว หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าหากไม่มีการเปลี่ยนแปลงเชิงคุณภาพที่ชัดเจน เขาก็ยังไม่ได้ต้องการแสงดวงดาวอย่างเร่งด่วนขนาดนั้น
แต่เขารู้ว่าดวงดาวแต่ละดวงที่เขาจุดประกายไปจะสามารถจุดประกายกลุ่มดาวที่สี่ได้ และเส้นของกระบี่เฉวียอินก็จะเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน หลี่ว์ซู่จะสนใจเรื่องการเลื่อนระดับของเขาอีกรอบหนึ่งแล้ว เพราะตั้งแต่เขาเสียธารน้ำศักดิ์สิทธิ์ไป อาวุธที่สำคัญที่สุดของเขาในตอนนี้ก็คือกระบี่เฉวียอิน ยิ่งกระบี่มีเส้นมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งรับมือกับศัตรูจำนวนมากขึ้นได้เท่านั้น
เขาลองคิดคำนวณดู ถ้าเขาจุดประกายดวงดาวทั้งเจ็ดได้แล้ว เขาคงจะมีเส้นจากกระบี่เฉวียอินได้ 4608 เส้นเลย เจ๋งมาก!
หลี่เสียนอีมีต้นแบบกระบี่แสงล่องหนอยู่พันเล่ม ในขณะที่หลี่ว์ซู่มีอยู่พันห้าร้อยเล่ม แต่ถ้าเขาเลื่อนระดับได้ เขาก็จะมีพลังเท่านั้นเหมือนกัน ถึงเขาจะมีจำนวนที่สู้ไม่ได้ แต่เส้นของกระบี่เฉวียอินก็ยังมีคุณภาพที่ดีกว่ากระบี่แสงล่องหน
ตอนที่หลี่ว์ซู่เอาผลต่างๆ ให้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋กิน เขาก็กินไปด้วยเหมือนกัน การแข่งขันวันนี้หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะต้องเจอกับวิทยาลัยทั้งหมดและเธอก็จะได้แต้มอารมณ์มา หลี่ว์ซู่ก็จะได้แต้มอารมณ์นั้นผ่านหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ได้
เขาเริ่มคำนวณแล้ว เขาน่าจะจุดประกายดวงดาวดวงที่สามภายในคืนนี้ได้เลย!
วิทยาลัยตะวันตกเฉียงใต้คิดว่าหลินอี้ซินนั้นคือไพ่ตายของพวกเขา ตราบใดที่เขาเอาชนะหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ได้ การแข่งขันรอบอื่นๆ ก็คงจะง่ายขึ้นมาก
ถึงแม้ว่าการชนะครั้งนี้จะไม่ทำให้พวกเขาเป็นแชมป์ แต่ถ้าพวกเขาเอาชนะทีมวิจัยสายพันธุ์ตอนที่พวกเขากำลังทรงพลังแบบนี้ได้ ก็จะทำให้พวกเขาได้เกียรติยศมาอย่างมากเลยล่ะ
แต่พวกเขาดูถูกความสามารถของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไปและประเมินความสามารถของหลินอี้ซินสูงไป ถึงหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะเพิ่งเลื่อนระดับมาเป็นระดับ B แต่เธอก็สามารถควบคุมจอห์นสันและแอนโทนี่ได้มาเป็นเวลานาน เธอแข็งแกร่งสุดๆ
หลินอี้ซินยังคงกังวลว่าเขาจะไม่คุ้นเคยกับพลังใหม่ของเขาหลังจากที่เลื่อนระดับมา แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่กังวลเลย
ถึงการโจมตีของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะรุนแรง แต่เธอก็ไม่ได้ขู่เอาชีวิตหลินอี้ซิน เมื่อเธอเห็นว่าหลินอี้ซินสู้ไม่ได้เธอก็หยุด และไม่ได้ใช้โอกาสนั้นเพื่อกำจัดเขา
หลี่ว์ซู่บอกเธอว่าพวกเขายังเป็นแค่นักศึกษาและเธอจะต้องอ่อนให้พวกเขาหน่อย หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จำสิ่งที่หลี่ว์ซู่บอกเธอได้แม่น และถ้าเขาบอกให้เธอทำให้คู่ต่อสู้ทรมาน เธอก็จะทำอย่างนั้น ถ้าเขาบอกให้เธออ่อนข้อ เธอก็จะทำตาม
หลังจากที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋หยุดไปและก็เอาร่างปลอมของหลี่ว์ซู่ออก หลินอี้ซินก็นั่งจ๋องอยู่ตรงขอบสนามต่อสู้และหอบหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง เขาถามเธอ “นี่เธอเป็นผู้เสกท่าน…เอ่อ อาจารย์หลี่ว์ได้ไงกัน”
หลินอี้ซินเกือบเรียกเขาว่าท่านหลี่ว์แล้ว แต่เขายังอยากรอดชีวิตอยู่เลยเปลี่ยนคำ ทุกคนอยากรู้เรื่องนั้นเหมือนกัน ถ้าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นผู้มีพลังแบบผสมผสานก็แล้วไป แต่เธอเสกมนุษย์ขึ้นมาได้อย่างไรในขณะที่ผู้มีพลังสายเสกสรรคนอื่นทำไม่ได้!
เหมือนกับว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋มีคัมภีร์ลับมากมายที่ทำให้เธอทำอะไรได้ตั้งเยอะ แต่คนอื่นทำเหมือนเธอไม่ได้
ทั้งสนามเงียบลง และทุกคนก็งงงวยไปหมด
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มองหลินอี้ซินกลับอย่างใจเย็น เขาดูอยากจะพูดอะไร ทุกคนเห็นว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อยากจะพูดอะไรขึ้นมาเหมือนกัน แต่เธอก็หยุด เธอกำลังจะซ่อนความลับอะไรหรือเปล่านะ
เธอมองหน้าหลี่ว์ซู่ “โฆษณาท่อนสุดท้ายว่าไงนะ”
ทุกคนในสนามหันมองไปที่หลี่ว์ซู่เช่นกัน แล้วหลี่ว์ซู่ก็พูดขึ้นมาอย่างอายๆ “อะแฮ่ม สนิกเกอร์…”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋มองหน้าหลินอี้ซิน แล้วเขาก็เข้าใจ “เพราะเธอกินสนิกเกอร์ไปเหรอ”
หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พยักหน้าอย่างใจเย็น “ดี ไปกันต่อเลย”
แต่การแข่งขันรอบต่อไปไม่ได้เริ่มในทันที ทีมจากวิทยาลัยผู้บำเพ็ญตะวันตกเฉียงใต้บ่นกับจงอวี้ถังใหญ่ พวกเขาบอกว่าการใช้วิธีการสู้แบบนี้กินเวลามากเกินไปและควรถูกห้ามให้ใช้ในการต่อสู้ครั้งในอนาคตด้วย!
จงอวี้ถังหัวเราะแล้วพูดว่า “ก็ตอนแรกฉันขอให้ทีมลั่วเสินผ่านรอบแรกเข้าไปก่อนแล้วไม่ยอมกันนี่ บอกเองไม่ใช่เหรอว่าต้องหวังพึ่งความสามารถของตัวเอง แล้วจะให้ลั่วเสินผ่านเข้าไปได้ยังไง”
“ตอนนี้มาบ่นว่าวิธีที่พวกเขาใช้มันมากเกินไป จะให้ฉันไปสนใจได้ไงล่ะ”
“หวังพึ่งความสามารถของตัวเองสิ!”
หลี่ว์ซู่เข้าไปตรวจสอบระบบหลังบ้านและเห็นว่าเขาได้แต้มอารมณ์มากว่าสองล้านแต้มแล้ว ไม่เพียงแต่เขาจะได้จุดประกายดวงดาวดวงที่สามคืนนี้นะ แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เองก็สามารถจุดประกายดวงดาวดวงแรกได้เหมือนกัน
ตอนนั้นเองก็มีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นที่เทือกเขาจั่งไป๋ และส่งผลให้เกิดปฏิกิริยาลูกโซ่ขึ้น
ข่าวที่ว่าเนี่ยถิงไม่สามารถโจมตีได้ถูกโพสต์ไปในกระทู้มูลนิธิแล้วในระหว่างที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋และหลินอี้ซินสู้กัน ตอนแรกก็ไม่มีใครใส่ใจว่าจะเกิดอะไรขึ้นในกระทู้หรอก แต่เมื่อการต่อสู้ของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋จบลง ข่าวก็ดังไปทั่วอย่างกับคลื่นใต้น้ำที่ท่วมทั้งสนาม
ทุกคนมองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร พวกเขาคิดว่าเมื่อราชันฟ้าเนี่ยเลื่อนระดับเป็นเสินฉังจิ้งแล้วเขาก็คงแข็งแกร่งแบบไม่มีใครมาเอาชนะได้ แต่พวกเขาไม่คิดว่าจะกลายเป็นเหตุการณ์ที่กระอักกระอ่วนแบบนี้เลย
องค์กรขนาดใหญ่กำลังมุ่งหน้าไปยังเทือกเขาจั่งไป๋ สงครามกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว!
จงอวี้ถังมองโทรศัพท์ของตัวเองและเขาก็มีสีหน้าจริงจัง เขารวบรวมผู้เข้าแข่งขันและตัวแทนของแต่ละสาขาในวิทยาลัยลั่วเสิน “เราจะเลื่อนการแข่งขันระหว่างเจ็ดวิทยาลัยไปก่อน เดี๋ยวจะบอกรายละเอียดอีกที ตอนนี้ทุกสาขากลับไปเรียนกันได้ รักษาความสงบในหมู่นักเรียนไว้ให้ได้ล่ะ!”
การแจ้งเตือนถูกส่งออกไปแล้ว หลี่ว์ซู่เพิ่งเห็นว่าจงอวี้ถังกลายมาเป็นหัวหน้าผู้จัดการเมืองหยู่โจวแล้ว เขาจะต้องจัดการทุกอย่างให้เป็นระบบถึงแม้ว่าจะเจอกับภัยพิบัติก็ตาม