ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 803 สงครามที่แท้จริงเริ่มขึ้นแล้ว

เนี่ยถิงไม่ได้ไปที่ภูเขาจั่งไป๋ แต่เขากลับไปที่บ้านเพื่อไปโค่นต้นไม้ทิ้ง และทุกคนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงทำแบบนั้น

 

 

ห่าวจื้อเชาและคนอื่นๆ ตะลึงไปเลยเมื่อเห็นว่าราชันฟ้าสือกอดต้นวอลนัทไว้ไม่ยอมปล่อย สือเสวจิ้นเป็นแค่คนธรรมดาเท่านั้น ถ้าพวกเขาดึงดันไปเอาตัวเขาออกมาก็อาจจะทำให้เขาบาดเจ็บได้

 

 

โดยปกติแล้วเมื่อทุกคนมารายงานหน้าที่ของพวกเขาที่นี่ก็จะได้กินอาหารฝีมือของสือเสวจิ้น ถึงแม้ว่าสือเสวจิ้นจะเป็นคนธรรมดา แต่เขาก็โด่งดังในเครือข่ายฟ้าดินเป็นอย่างมาก

 

 

เพราะทุกคนรู้ว่าตำราเหลี่ยงอี๋ที่สมาชิกเครือข่ายฟ้าดินกว่า 99% เรียนรู้ฝึกฝนนั้นได้รับการพัฒนาโดยสือเสวจิ้นแต่เพียงผู้เดียว

 

 

ทันใดนั้นสือเสวจิ้นก็พูดขึ้นมา “ถ้ายังเดินทางนี้ต่อไป นายจะเสียใจแน่นอน! เรามีกำลังคนตั้งเยอะ! เราอาจจะไม่แพ้ก็ได้ ทำไมจะต้องมาเล่นเสี่ยงดวงอะไรแบบนี้ด้วย!”

 

 

เนี่ยถิงมองเขากลับ “เนี่ยถิงคนนี้กลัวตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

 

 

สือเสวจิ้นตำหนิกลับไป “นายเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวของพ่อฉัน เคล็ดวิชากระบี่ของตระกูลสือจะต้องไม่หายไป!”

 

 

“ฉันสอนเคล็ดวิชากระบี่ให้เฉาชิงฉือแล้ว ใจเย็นน่า ฉันจะไม่ใช้มันสุ่มสี่สุ่มห้าหรอกถ้าไม่จำเป็นจริงๆ” จากนั้นเขาก็หันไปมองห่าวจื้อเชาและคนอื่นๆ “มัวรออะไรกันอยู่ล่ะ ตัดต้นไม้ทิ้งไปสิ”

 

 

ห่าวจื้อเชาและคนอื่นๆ ก็ตระหนักว่าต้นวอลนัทนี้อาจจะแตกต่างไปจากต้นอื่นๆ ก็ได้…

 

 

ตอนที่เนี่ยถิงฝ่าข้ามขอบเขตของตราแผ่นดินได้ ทั้งสวนนี้ก็ถูกทำลายไปหมด แต่ต้นวอลนัทต้นนี้กลับไม่โดนอะไรเลย

 

 

เมื่อก่อนนั้นเนี่ยถิงยุ่งเกินกว่าที่จะควบคุมพลังของตัวเอง ถ้าเขาควบคุมพลังของตัวเองได้ สวนทั้งสวนก็น่าจะคงอยู่เหมือนเดิม

 

 

ซึ่งนั่นก็หมายความว่าต้นวอลนัทนี้ทนพลังอันมหาศาลของเนี่ยถิงมาได้!

 

 

“ตัดเลย!” เนี่ยถิงพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบและสง่าผ่าเผย เมื่อสือเสวจิ้นได้ยินความเฉียบขาดในน้ำเสียงของอีกฝ่าย เขาจึงยอมแพ้ไปอย่างช้า ๆ

 

 

สือเสวจิ้นไม่อยากจะเห็นพวกนั้นโค่นต้นไม้ของเขาทิ้ง เขาเลยวิ่งไปในห้องอ่านหนังสือ “ฉันจะหาทางแก้ให้ได้เลย!”

 

 

ปัง! เสียงประตูห้องอ่านหนังสือถูกปิดลง

 

 

ห่าวจื้อเชาและคนอื่นๆ ก็ตระหนักได้ทันทีว่าความลับที่ซ่อนอยู่ในต้นวอลนัทต้นนี้อาจเป็นอันตรายต่อเครือข่ายฟ้าดิน เนี่ยถิงต้องทำแบบนี้เพราะกำลังในภูเขาจั่งไป๋เริ่มลดลงเรื่อยๆ องค์กรใหญ่อื่นๆ ทดสอบความอดทนทางศีลธรรมของเครือข่ายฟ้าดินอยู่ตลอด มีข้อขัดแย้งเกิดขึ้นทุกวัน และมีพวกผู้บำเพ็ญจากต่างประเทศจำนวนมากเข้ามาที่ภูเขาจั่งไป๋

 

 

ภูเขาที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ได้กลายเป็นสนามรบขนาดยักษ์แล้ว รากของต้นไม้ทั้งหลายเป็นสีแดงเพราะเปื้อนเลือด

 

 

เนี่ยถิงอยากจะเอาสิ่งของบางอย่างในต้นวอลนัทออกมาเพื่อให้ตัวเองมีทางเลือกอื่น

 

 

สือเสวจิ้นรู้ว่าเนี่ยถิงต้องการอะไร เมื่อเขารู้อย่างนั้นแล้วเขาก็ไปหยุดเนี่ยถิงไม่ได้ เขาเลยต้องยอมมาอยู่ท่ามกลางในกองหนังสือของเขาเพื่อหาทางแก้ไข และไม่ได้ถามอะไรเนี่ยถิงต่อไป

 

 

ห่าวจื้อเชาและคนอื่นๆ เข้าใจแล้วว่าที่สือเสวจิ้นถึงไม่ยอมให้พวกเขาตัดต้นไม้ทิ้งไม่ใช่เพราะเขาผูกพันกับต้นไม้ มันเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น

 

 

ห่าวจื้อเชาเงื้อขวานขึ้นและเล็งไปที่ต้นวอลนัท แกร๊ง! เสียงนั้นฟังดูเหมือนขวานเพิ่งจะไปกระทบทองคำอย่างไรอย่างนั้น

 

 

“ใช้กำลังให้เต็มที่” เนี่ยถิงพูด

 

 

ครั้งนี้ห่าวจื้อเชาใช้กระบี่ยาวในการตัดต้นไม้ แม้แต่กระบี่ยาวนี้ก็หักเพราะต้นวอลนัท

 

 

มีคนข้างหลังเขายื่นกระบี่เล่มใหม่ให้เขาอย่างเงียบๆ ห่าวจื้อเชาลองดูอีกครั้งหนึ่ง

 

 

แล้วในตอนที่เขาใช้กระบี่ไปเล่มที่ห้านั่นเอง ต้นวอลนัทก็เริ่มจะแตกมาจากข้างใน ทุกคนกลั้นหายใจรอดู พวกเขาอยากจะรู้ว่ามีอะไรอยู่ในต้นไม้นี้

 

 

พวกเขาพบว่ามีกล่องเหล็กสีดำยาวและแคบอยู่ใจกลางของต้นวอลนัท เนี่ยถิงหยิบกล่องนั้นขึ้นมาเงียบๆ และใช้แขนเสื้อเช็ดทำความสะอาด มีร่องรอยของความคิดถึงในสีหน้าเขา

 

 

เนี่ยถิงมองห่าวจื้อเชาและคนอื่นๆ “อย่าได้ไปบอกเรื่องวันนี้กับใคร” เขามองไปที่ต้นวอลนัทที่ถูกโค่นลงไป ตอนนี้เป็นช่วงกลางฤดูร้อนในเดือนกรกฎาคม ต้นวอลนัทหลายต้นเติบโตอย่างขึ้นทั่ว ปกติแล้วสือเสวจิ้นจะเป็นคนดูแลต้นไม้ต้นนี้ มันจึงดูเขียวชอุ่มเป็นพิเศษ

 

 

“ดูวอลนัทพวกนี้สิ น่าเสียดายจัง” เนี่ยถิงพูด

 

 

“ราชันฟ้าเนี่ยครับ” ห่าวจื้อเชาดูลังเลที่จะพูดบางอย่าง “สถานการณ์ตอนนี้เริ่มเลวร้ายลงเกินขอบเขตนั้นแล้วครับ”

 

 

เนี่ยถิงมิงห่าวจื้อเชาอย่างเงียบๆ “นายไม่ต้องกังวลเรื่องนี้ให้มากหรอก ไปที่ภูเขาจั่งไป๋พรุ่งนี้ซะ ถ้าเจอพิกัดของหลี่ว์ซู่ก็ให้รีบมารายงานฉัน”

 

 

“รับทราบครับ” ห่าวจื้อเชาพูด “แต่ท่านรู้ใช่ไหมครับว่าเราจะตามหาราชันฟ้าได้ยากมากถ้าเขาคนนั้นอยากจะซ่อนตัว…”

 

 

“คิดสิว่านิสัยเขาชอบทำแบบไหน แล้วเริ่มตามหาจากที่นั่นแหละ” เนี่ยถิงตอบอย่างใจเย็น “รู้ไหมล่ะว่าเขาชอบอะไร จะมีผู้บำเพ็ญสักกี่คนที่ทำตัวต่ำต้อยได้แบบเขา”

 

 

ทันใดนั้นสมาชิกเครือข่ายฟ้าดินคนหนึ่งข้างหลังห่าวจื้อเชาก็ตะโกนด่าขึ้นมา “แกนั่นแหละที่ต่ำต้อย! ทั้งตระกูลแกต่ำต้อยกันหมด!”

 

 

เนี่ยถิงเงียบ

 

 

ห่าวจื้อเชาก็พูดไม่ออก

 

 

ทุกคนมองไปที่สมาชิกเครือข่ายฟ้าดินคนนั้นด้วยสีหน้าว่างเปล่า เนี่ยถิงมีสีหน้าน่ากลัว

 

 

[ได้รับแต้มจากเนี่ยถิง +666]

 

 

[ได้รับแต้มจากห่าวจื้อเชา…]

 

 

“อู๋จิ้นอยู่ไหน นายทำอะไรกับอู๋จิ้น” ห่าวจื้อเชาถาม ทุกคนรู้ว่าอู๋จิ้นที่กำลังยืนอยู่หน้าทุกคนอยู่นั้นไม่ใช่อู๋จิ้นตัวจริง ส่วนเขาคนนี้จะเป็นใครนั้น คงไม่ต้องเดาหรอก…

 

 

หลี่ว์ซู่เปลี่ยนหน้าตาตัวเองกลับมาดังเดิมและยืดเส้นยืดสาย “เขาหลับอยู่น่ะ”

 

 

เนี่ยถิงถาม “แล้วนายมาที่เมืองหลวงทำไม”

 

 

“ผมอยากจะมาดูว่าหลังจากท่านโดนฟ้าผ่าไปท่านเจอกับอะไรบ้างน่ะครับ” หลี่ว์ซู่ตอบ เขาอยากจะมาดูว่าเนี่ยถิงยังสามารถโจมตีได้อยู่หรือไม่ แต่เนี่ยถิงกลับไปทำเรื่องไม่สำคัญอื่นๆ อย่างมาตัดต้นวอลนัททิ้งอยู่เสียนี่

 

 

เห็นแบบนี้หลี่ว์ซู่ก็เข้าใจแล้ว เขาคงไม่เชื่อเรื่องที่โพสต์ในกระทู้ถ้าเขาไม่ได้มาเห็นด้วยตาตัวเอง เนี่ยถิงไม่สามารถโจมตีได้แล้วจริงๆ ด้วย

 

 

แต่ในต้นวอลนัทจะมีอะไรอยู่นั้น หลี่ว์ซู่ไม่ได้ใส่ใจมาก ไม่มีใครจะหนีความขัดแย้งนี้ไปได้หรอก เนี่ยถิงต้องทำตามหน้าที่ในฐานะที่เป็นผู้นำของเครือข่ายฟ้าดิน ถ้าสือเสวจิ้นยังไม่สามารถโน้มน้าวใจเนี่ยถิงได้สำเร็จ แล้วหลี่ว์ซู่จะทำอะไรได้ล่ะ

 

 

“ผมจะไปที่ภูเขาจั่งไป๋ อย่าเพิ่งใช้มันจนกว่าเราจะไม่มีทางเลือกจริงๆ ถึงผมจะไม่รู้ว่าของสิ่งนั้นคืออะไรก็เถอะ” หลี่ว์ซู่หยุดไปครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ “อย่างน้อยก็ยังมีผมอยู่นะ”

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่ได้พูดให้จบ เนี่ยถิงอาจจะโจมตีในตอนท้ายก็ได้ ใครจะไปรู้ แต่ถ้าเขาจะเลือกทำแบบนั้น เขาก็ต้องรับผิดชอบภาระอันหนักอึ้งไว้บนบ่าก่อน

 

 

ห่าวจื้อเชาและคนอื่นๆ มองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร เมื่อหลี่ว์ซู่พูดขึ้นมา ก็เหมือนกับว่าลมหายใจของพวกเขาถูกกลิ่นอายทรงพลังของหลี่ว์ซู่กดเอาไว้

 

 

ในตอนนั้นเองหลี่ว์ซู่ก็เดินไปที่ต้นวอลนัทด้วยท่าทางสบายๆ จากนั้นก็เก็บต้นไม้นั้นลงไปในตราแผ่นดิน ลูกวอลนัทยังอยู่บนต้นเต็มไปหมด แต่เนี่ยถิงก็ทำอะไรเขาไม่ได้เหมือนกัน!

 

 

หลังจากที่หลี่ว์ซู่เสร็จธุระแล้วเขาก็เดินออกไป เพราะเขากลัวว่าเนี่ยถิงจะสั่งให้เขาเอาต้นไม้มาคืน

 

 

ห่าวจื้อเชาอึ้งไป ราชันฟ้าหลี่ว์กะจะเอาผลประโยชน์ไปในทุกโอกาสเลยใช่ไหม

 

 

เนี่ยถิงมองหน้าห่าวจื้อเชาอย่างไร้อารมณ์ “ทีนี้ก็รู้แล้วใช่ไหมว่าจะหาเขาเจอจากสิ่งที่เขาชอบทำได้ยังไง”

 

 

“ครับ ครับ…”

 

 

[ได้รับแต้มจากเนี่ยถิง +199]

 

 

เนี่ยถิงมองไปที่หลี่ว์ซู่ แต่ไม่ได้บอกให้เขาเอาต้นวอลนัทมาคืน เขารู้ว่าหลี่ว์ซู่จะต้องแบกรับอะไรไว้ แล้วทำไมเขาจะให้ต้นวอลนัทกับหลี่ว์ซู่ไม่ได้ล่ะ

 

 

พวกเขากำลังจะมุ่งหน้าไปที่ทางตะวันออก สงครามที่แท้จริงกำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset