ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 814 อย่างง่ายดาย

เมื่อหลี่ว์ซู่เห็นว่าหัวหน้ากลุ่มปลีกตัวออกไปจากคนอื่น ๆ แล้ว เขาก็รู้ได้เลยว่าโอกาสของเขามาถึงแล้ว

 

 

เขาค่อย ๆ เดินออกมาจากในป่าและยิ้มให้ทั้งห้าคน สมาชิกในกลุ่มต่างก็ตกใจที่เห็นหลี่ว์ซู่ที่เคยวิ่งหนีเอาชีวิตรอดจากพวกเขากลายมาเป็นผู้ล่าแทนแล้ว พวกเขาอึดอัดและหวาดกลัวมาก

 

 

พวกเขาเห็นชัดเจนว่าสมาชิกคนอื่น ๆ ในกลุ่มตายกันอย่างไร ชายหนุ่มคนนี้ใช้วิธีสังหารคนอย่างชัดเจนมาก ถ้าได้ตกอยู่ในการควบคุมของเขาแล้วก็ไม่มีทางหนีรอดได้เลย

 

 

บรรยากาศในป่าเงียบลงอย่างแปลกประหลาด พวกสมาชิกกำอาวุธในมือไว้แน่น แต่พวกเขาก็ไม่กล้าจะเคลื่อนไหวก่อน พวกเขาทำได้แค่หยุดดูว่าหลี่ว์ซู่จะทำอะไรต่อไป

 

 

หลี่ว์ซู่เงียบไปสองวินาทีก่อนจะพูดเป็นภาษาอังกฤษ “พวกแกไม่คู่ควรกับเครื่องแบบนี้เลยสักนิด”

 

 

[ได้รับแต้มจากบัลด็อก โจนส์ +499]

 

 

[ได้รับแต้มจาก…]

 

 

หลี่ว์ซู่ถอนหายใจด้วยความโล่งอก เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาแล้ว อย่างที่คาดไว้เลยว่าพวกนี้ไม่เข้าใจภาษาจีนที่เขาพูดไปเมื่อก่อนหน้านี้!

 

 

สมาชิกกลุ่มไม่คิดว่าหลี่ว์ซู่จะแปลประโยคที่เพิ่งพูดเป็นภาษาอังกฤษให้พวกเขาฟัง… นี่เขาบ้าหรือเปล่าเนี่ย เออ พวกเราเข้าใจแล้วว่าเราไม่คู่ควรกับเครื่องแบบนี้ งั้นก็ไปได้แล้วครับ ยิ่งอยู่ก็ยิ่งทำให้รู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ

 

 

มีใครคนหนึ่งกระซิบพูดกับเพื่อนในกลุ่ม “หัวหน้าเราไปไหนแล้วล่ะ”

 

 

“ไม่ใช่ว่าเขาหนีไปแล้วนะ” ในที่สุดก็มีใครบางคนคิดออกจนได้ พวกเขาคิดจะใช้หัวหน้าเป็นเหยื่อล่อให้หลี่ว์ซู่ไปหา ไม่คิดเลยว่าหัวหน้ากลุ่มของพวกเขาจะคิดแบบเดียวกัน

 

 

หลี่ว์ซู่หัวเราะอย่างร่าเริง “คิดร้ายกันจัง มองโลกในแง่ดีกันหน่อยสิ ฉันว่าเขาอาจจะตายไปแล้วก็ได้”

 

 

[ได้รับแต้มจากบัลด็อก โจนส์ +499]

 

 

[ได้รับแต้มจาก…]

 

 

สมาชิกในกลุ่มสูดลมหายใจเข้าด้วยความตกใจ ถ้าหลี่ว์ซู่พูดอย่างนั้นก็แปลว่าหัวหน้าได้ตายไปแล้วจริง ๆ!

 

 

แต่หัวหน้าเป็นถึงระดับ B เลยนะ เขาจะโดนฆ่าตายได้เร็วภายใน 10 นาทีอย่างนั้นได้เหรอ แล้วก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยด้วย!

 

 

ในความเป็นจริงแล้วหัวหน้ากลุ่มไม่ได้ปัสสาวะหรอก และเขาก็ไม่ได้อยากจะหนีเช่นกัน เขาแค่อยากจะอยู่ห่างจากกลุ่มเพื่อให้หลี่ว์ซู่เข้าไปฆ่าพวกนั้นได้ต่างหาก

 

 

เขาจะรอช่วงเวลาที่หลี่ว์ซู่กำลังยุ่งกับการฆ่าอยู่และกลับเข้ามาอย่างเงียบ ๆ เขาจะใช้สมาชิกเป็นเหยื่อล่อเพื่อสร้างโอกาสที่จะฆ่าหลี่ว์ซู่!

 

 

เขารู้ว่าเขาไม่น่าจะสู้ตัวต่อตัวกับหลี่ว์ซู่ชนะได้หรอก เพราะฉะนั้นเขาจะสละชีวิตของสมาชิกในกลุ่มทั้งห้าและลอบโจมตีหลี่ว์ซู่!

 

 

แต่เมื่อหัวหน้ากลุ่มเดินออกมา เขาก็เดินตรงดิ่งไปที่ที่หลี่ว์ซู่ซ่อนตัวอยู่…

 

 

และหลี่ว์ซู่เชื่อว่านี่เป็นโชคชะตา…

 

 

กระบี่เฉวียอินพุ่งตรงไปที่ร่างของหัวหน้าอย่างเงียบ ๆ ขณะที่เขาเดินออกมาไกลพอควร หลี่ว์ซู่ตั้งใจแล้วว่าจะฆ่าหัวหน้าให้จบ ๆ และจะไม่รีรออะไรอีก

 

 

หลังจากที่เขาจุดประกายดวงดาวดวงที่สามทำให้กระบี่เฉวียอินของเขาก็มีทั้งหมด 288 เส้นแล้ว กระบี่เฉวียอินทั้ง 288 เส้นนี้เป็นเหมือนเชือกที่แทงทะลุเข้าร่างของศัตรูจนตาย มันเจาะทะลุเข้าไปในร่างของหัวหน้า เขาตกใจในความเจ็บปวดอย่างกะทันหันนี้และไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะดิ้นรน

 

 

พลังของหลี่ว์ซู่ไม่สามารถเอาไปเทียบกับระดับของเขาได้ เมื่อยอดฝีมืออย่างเขาคิดอยากจะลอบโจมตีขึ้นมา เขาก็จะเข้าโจมตีอย่างสมบูรณ์ชนิดที่ว่าฝ่ายตรงข้ามไม่มีเวลาส่งเสียงร้องออกมาเลยทีเดียว

 

 

การไล่ล่ามาถึงจุดจบแล้ว คนระดับ C ห้าคนไม่มีทางที่จะสู้หลี่ว์ซู่ได้ อีกอย่างผู้มีพลังธาตุดินก็ตายไปแล้ว หลี่ว์ซู่ไม่ต้องห่วงว่าจะปล่อยให้ใครหนีไปได้อีกแล้ว

 

 

หลี่ว์ซู่มีพลังที่จะฆ่าคนระดับ C ห้าคนพวกนี้ได้ อันที่จริงถ้าหลี่ว์ซู่ไม่กลัวว่าคนพวกนี้จะหนีไปเสียก่อนเขาก็คงไม่ต้องลำบากขนาดนี้

 

 

เขาถอนหายใจออกมาอย่าเงียบ ๆ ขณะที่มองความยุ่งเหยิงบนสนามรบแห่งนี้ สี่วันผ่านไปแล้วตั้งแต่เขาเข้ามาที่ภูเขาจั่งไป๋ หลี่ว์ซู่ลืมไปหมดแล้วว่าเขาฆ่าคนไปกี่ศพ และเขาก็ไม่อยากจะสนใจด้วย

 

 

เครือข่ายฟ้าดินต้องการใครสักคนที่จะเข้าไปทุบแนวหน้าของศัตรู และหลี่ว์ซู่ก็จัดให้เรียบร้อย ทีนี้เขาก็ต้องไปทำอย่างอื่นที่สำคัญกว่านั่นก็คือการหาว่าใครเป็นเบื้องหลังของเรื่องนี้ทั้งหมด

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าสงครามนี้จะยุติลงได้ก็ต่อเมื่อเขาหาคนคนนั้นเจอ อย่างน้อยการหาผู้ควบคุมคนนั้นก็เหมือนยกภูเขาออกจากอกของหลี่ว์ซู่

 

 

ความลับของเขาและของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋นั้นสำคัญเกินไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ในการกักวิญญาณ จะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้

 

 

เมื่อก่อนหลี่ว์ซู่รู้สึกว่าทุกคนไม่ได้สนใจเรื่องชีวิตหลังความตายมากนัก ไม่สำคัญหรอกว่าใครจะกลับชาติมาเกิด พวกเขาแค่ใช้ชีวิตให้ดีก็เพียงพอแล้ว

 

 

แต่หลังจากที่เข้ายุคแห่งพลังจิตวิญญาณแล้ว นักสู้ทั้งหลายก็เริ่มคิดเรื่องนี้กันจริงจัง ราวกับว่ามีตัวละครจากตำนานปรากฏตัวขึ้นมาจริง ๆ และความเชื่อเรื่องการกลับชาติมาเกิดก็ดูจะเป็นจริงได้ในปัจจุบัน หลาย ๆ คนยังเชื่ออีกว่าพวกเขาสามารถฝึกฝนวิญญาณหลังจากที่พวกเขาตายได้

 

 

ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุว่าทำไมความสามารถของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ถึงดูเป็นเรื่องต้องห้ามขนาดนั้น

 

 

 

 

ภูเขาจั่งไป๋มีจุดชมวิวมากมาย แต่เนื่องจากมีสงครามผู้บำเพ็ญเกิดขึ้นจึงทำให้จุดชมวิวเหล่านั้นถูกปิดไป หลี่ว์ซู่เดินไปที่จุดชมวิวอย่างช้า ๆ เขาไม่อยากจะนั่งชมวิวบนกระเช้าไฟฟ้าเพราะข้างบนนั้นจะมีสัญญาณโทรศัพท์…

 

 

หลี่ว์ซู่ร้องเพลงดาวดวงน้อยขณะที่เขาเดินเข้าไปในป่า ถ้าเขาเจอผู้บำเพ็ญต่างขาติคนไหนล่ะก็ เขาจะฆ่าทิ้งด้วยกระบี่เฉวียอินซะ

 

 

กระบี่เฉวียอินวนอยู่รอบตัวหลี่ว์ซู่และฆ่าผู้มีพลังคนอื่น ๆ อย่างง่ายดาย เส้นสีเทาพวกนั้นฉวัดเฉวียนอยู่ระหว่างต้นไม้ในป่า ดูแล้วเหมือนกันราชาปีศาจที่กำลังเคลื่อนไหว

 

 

 

 

ไกลออกไปที่ค่ายของเครือข่ายฟ้าดิน โยวหมิงอวี่และคนอื่น ๆ กำลังพูดคุยกันเรื่องการปรับใช้กลยุทธ์ ทันใดนั้นโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้นมา

 

 

เขากำลังจะเริ่มประชุม โยวหมิงอวี่อยากจะวางสายนั้นไปก่อนในเวลาอันสำคัญอย่างนี้ แต่พอเขาเห็นชื่อคนโทรมาเขาก็ตัดสินรับโทรศัพท์ “ฮัลโหล นายอยู่ไหนน่ะ!”

 

 

ทุกคนงงไปหมด เพราะปกติโยวหมิงอวี่จะไม่รับโทรศัพท์ในระหว่างประชุม

 

 

โยวหมิงอวี่ฟังสายแล้วก็มีสีหน้าจริงจังขึ้นมา “เอาล่ะ เข้าใจแล้ว เราจะระวังกันไว้”

 

 

แล้วหลี่ว์ซู่ก็พูดขึ้นมา “ตั้งรหัสลับขึ้นมาใช้กันซะนะครับ อีกสามวันต่อจากนี้ไป ผมจะฆ่าคนที่ไม่รู้รหัสทิ้ง ผมจะถามรหัสว่า จักรพรรดิจะปราบเสือ”

 

 

โยวหมิงอวี่อึ้ง “แล้วเราต้องพูดอะไรกลับล่ะ”

 

 

หลี่ว์ซู่ตอบ “สิบคือสิบและสี่คือสี่สิบสี่คือสิบสี่และสี่สิบคือสี่สิบ ห้ามพูดว่าสิบสี่คือสี่สิบ และจะพูดว่าสี่สิบคือสิบสี่ก็ไม่ได้เหมือนกัน…”

 

 

โยวหมิงอวี่งงหนักแล้ว

 

 

[ได้รับแต้มจากโยวหมิงหวี่ +666]

 

 

“ฮ่า ๆ ล้อเล่นหรอกครับ” หลี่ว์ซู่พูด “ผมจะต้องไปที่อื่นแล้ว แต่ไปตั้งรหัสลับที่จะใช้กันมาด้วยนะครับ จะได้ป้องกันไม่ให้พวกนั้นแทรกซึมเข้ามาในพวกเราได้”

 

 

“เดี๋ยวก่อน แล้วนายจะไปไหนน่ะ” โยวหมิงอวี่ถามด้วยความรีบร้อน “ฮัลโหล ฮัลโหล!”

 

 

สายถูกตัดไปแล้ว หลี่ว์ซู่ไม่อยากตอบคำถามนั้น

 

 

โยวหมิงอวี่หันไปบอกทุกคนในที่ประชุม “ราชันฟ้าคนที่เก้าบอกว่ามีกลุ่มที่ปลอมตัวเป็นพวกเราในภูเขาจั่งไป๋ มีหัวหน้าเป็นระดับ B พวกมันทุกคนเป็นคนเอเชียที่อยู่ระดับ C กันเป็นอย่างน้อย”

 

 

ทุกคนตกใจมาก กลุ่มปลอมตัวแบบนี้เป็นกลุ่มที่อันตรายมากในเครือข่ายฟ้าดิน แล้วก็มีคนถามขึ้นมา “กลุ่มทหารพวกนั้นอยู่ไหน เราต้องไปฆ่าพวกมัน!”

 

 

โยวหมิงอวี่ตอบ “ราชันฟ้าคนที่เก้าฆ่าพวกมันไปหมดแล้ว”

 

 

แล้วผู้คนที่อยู่ในศูนย์บัญชาการก็มองหน้ากันอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ตำแหน่งราชันฟ้าคนที่เก้าค่อนข้างจะแปลกอยู่พอควร เพราะไม่มีใครรู้ว่าราชันฟ้าคนที่เก้าเป็นใคร

 

 

แต่ตอนนี้เขาได้เคลื่อนไหวแล้วจึงทำให้ทุกคนตกใจมาก

 

 

ระดับ B หนึ่งคนและระดับ C อีกเก้าคนถูกฆ่าตายไปหมดแล้วเนี่ยนะ!

 

 

ราชันฟ้าคนที่เก้าอยู่ระดับ B จริง ๆ หรือเปล่า เขาต้องเป็นระดับ A แน่ ๆ!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset