ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 818 ภัยพิบัติที่ไม่คาดคิด

ค่ายหลังพยัคฆ์ตั้งอยู่ที่ทางตะวันออกของทะเลสาบสวรรค์ ถ้าหลี่ว์ซู่ไม่มาเห็นกับตาตัวเองเขาก็คงนึกภาพค่ายทหารที่นี่ไม่ออก

 

 

นักบุญและหัวหน้าบาทหลวงยังคงอยู่นอกเมืองที่ท่าเรืออาร์เตม ถึงแม้ว่าหลังพยัคฆ์อยู่ในความสำคัญอันดับสอง หลี่ว์ซู่ก็ยังตกใจอยู่ดีที่เห็นความวุ่นวายที่นี่

 

 

ผู้มีพลังที่ดูทำตัวสบายๆ คงจะเป็นทหารรับจ้าง พวกเขากระจายตัวอยู่ทั่วทั้งค่าย และพื้นก็มีแต่ขวดเบียร์เต็มไปหมด และผู้คนที่มาจากองค์กรใหญ่ๆ ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากด้วย

 

 

มีผู้หญิงอยู่จำนวนมากมารวมตัวกันที่นี่ แม้แต่คนขายบุหรี่และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็มากันด้วย เพราผู้มีพลังที่นี่ใช้เงินกันเป็นเหมือนน้ำเลยทีเดียว

 

 

องค์กรจากต่างประเทศใหญ่ๆ ไม่ได้ต้องการจะให้ผู้บำเพ็ญลับมาภักดีอะไรกับพวกเขาหรอก ฉะนั้นพวกเขาก็เลยปฏิบัติกับคนพวกนั้นเยี่ยงทาส ถ้าจะให้มาดูแลผู้บำเพ็ญลับทั้งหมดกว่าหลายพันคนก็คงเป็นเรื่องยาก

 

 

และยังมีกองทหารเบ็ดเตล็ดอยู่ด้วย คนพวกนี้จะมาทำให้พวกเขาได้เปรียบเรื่องจำนวนมากขึ้น

 

 

องค์กรใหญ่ๆ ไม่ได้สนใจว่าคนพวกนี้จะอยู่หรือจะตาย เมื่อหลี่ว์ซู่เดินไปรอบๆ ค่าย เขาก็เห็นว่าผู้บำเพ็ญจากต่างประเทศโดนล้างสมองกันไปหมดแล้ว พวกเขาคิดว่าตราบใดที่เนี่ยถิงไม่โจมตี ก็แปลว่าพวกเขาจะได้รับชัยชนะแน่นอน พวกเขารู้ว่าเครือข่ายฟ้าดินมีผู้บำเพ็ญอยู่แค่สี่หมื่นคนในภูเขาจั่งไป๋นี้ และพวกเขาก็มีกันกว่าสามแสนคน ทั้งที่นี่และที่ท่าเรืออาร์เตม

 

 

หลี่ว์ซู่มีความรู้สึกว่าคนพวกนี้รู้เรื่องจำนวนคนกันอยู่แล้ว และก็มีใครบางคนปล่อยข่าวออกไปด้วย

 

 

จากนั้นเขาก็พบว่ามีกลุ่มขององค์กรใหญ่ๆ หลายกลุ่มเพิ่งกลับมาที่ค่ายหลังพยัคฆ์โดยไม่ได้ต่อสู้กันมาเลย แต่เขาก็ได้แค่เดาจากการสังเกตของเขาเท่านั้น

 

 

นี่ก็หมายความว่าผู้บำเพ็ญลับแค่ออกไปเล่นๆ แล้วก็กลับมาเท่านั้น หลังจากที่พวกเขากลับมาก็จะมาพูดโอ้อวดกันว่าไม่เจออันตรายกันมาเลย บางคนก็ไปดื่มเหล้าและคุยโม้ว่าพวกเขาไปเผชิญหน้ากับสมาชิกเครือข่ายฟ้าดินมา และพวกเครือข่ายฟ้าดินก็แพ้พวกเขาไปอย่างง่ายๆ

 

 

พวกองค์กรใหญ่ๆ จากต่างประเทศเองนี่ล่ะที่สร้างความเชื่อผิดๆ ว่าการมาที่นี่ก็เหมือนมาเที่ยวเล่น พวกเขาล่อให้พวกผู้บำเพ็ญลับมาตายเพื่อทำให้เครือข่ายฟ้าดินเสียพลังไปกับการฆ่าคนพวกนี้

 

 

นี่เป็นกลยุทธ์ที่ได้ผลทีเดียว หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าถ้าเขาบอกคนพวกนี้ว่าเครือข่ายฟ้าจะฆ่าพวกเขาให้เรียบในตอนนี้ล่ะก็ คนพวกนี้ก็คงจะมองเขาแบบขำ ๆ

 

 

ผู้บำเพ็ญลับที่ตายไปไม่สามารถกลับมาบอกคนอื่นๆ ได้ว่าพวกเขาไปเจออันตรายอะไรกันมาบ้าง พวกเขาจึงทำราวกับว่าไม่มีใครตายไปทั้งนั้น

 

 

หลี่ว์ซู่เห็นอย่างนั้นก็รู้สึกงงงวยเล็กน้อย ผู้บำเพ็ญลับที่ตายไปไม่มีเพื่อนที่ค่ายที่จะจดจำพวกเขาได้เลยเหรอ

 

 

แล้วเขาก็ตระหนักได้ว่าผู้บำเพ็ญลับพวกนี้ไม่ได้รู้จักกันมาก่อน พวกเขาไม่ได้อยู่ส่วนหนึ่งของกลุ่มใดๆ พวกเขารู้จักแค่คนในกลุ่มด้วยกันเท่านั้น ถ้ามีใครในกลุ่มโดนฆ่า โดยปกติแล้วก็ถูกฆ่ากันทั้งกลุ่ม จึงไม่มีใครจำใครได้

 

 

และในค่ายนี้ก็มีคนมากเกินไป น้ำเสียที่นี่มีกลิ่นเหม็นมาก แต่ดูเหมือนทุกคนจะเคยชินกับกลิ่นไปแล้ว…

 

 

หลี่ว์ซู่เพิ่งจะมาเข้าใจว่าระบบบำบัดน้ำเสียในเมืองสำคัญมากแค่ไหนก็ตอนนี้แหละ ถ้าไม่อย่างนั้นน้ำเสียจากของเสียที่ผู้คนนับล้านปล่อยออกมาคงจะ…

 

 

ผู้มีพลังพวกนี้ตื่นขึ้นมาก็ดื่มเหล้ากันเป็นสิ่งแรกในตอนเช้ากันเลย จากนั้นพวกเขาก็จะไปหาผู้มีพลังผู้หญิงที่ต้องการจะพึ่งใครสักคนเพื่อมีชีวิตรอดต่อไป

 

 

ผู้มีพลังผู้หญิงพวกนี้ไม่ใช่เป็นผู้หญิงเพียงกลุ่มเดียว ยังมีผู้หญิงคนอื่นๆ ที่มาที่นี่เพื่อทำธุรกิจด้วย

 

 

เหล้าที่มีก็เป็นของฟรี เพราะองค์กรใหญ่ๆ เหล่านี้เป็นคนเตรียมให้พวกเขา

 

 

พวกผู้หญิงที่มาทำธุรกิจที่นี่เป็นคนที่องค์กรใหญ่ๆ จัดหามา และตอนกลางคืนยังมีงานเลี้ยงอีกต่างหาก อย่างกับเป็นสวรรค์บนดินอย่างไรอย่างนั้นเลย

 

 

หลี่ว์ซู่เดินไปรอบๆ ค่ายหลังพยัคฆ์และขมวดคิ้วไปพลาง คนพวกนี้โง่กันชะมัด เขาพยายามไปปล่อยข่าวว่าเครือข่ายฟ้าดินน่ากลัวเพียงใด แต่ก็ไม่มีใครสักคนเชื่อเขาเลย ขนาดการตายของกลุ่มสายลับที่แทรกซึมเข้ามาในเครือข่ายฟ้าดินก็ถูกลืมไปอย่างง่ายดาย

 

 

“องค์กรใหญ่ๆ ก็แค่ให้เหล้าคนปัญญาอ่อนพวกนี้ดื่ม…” หลี่ว์ซู่แทบจะพูดไม่ออก เขาสงสัยว่าองค์กรใหญ่ๆ อาจจะใส่ยาเสพติดลงไปในเครื่องดื่มก็ได้ ซึ่งหลี่ว์ซู่ก็แค่สงสัยเฉยๆ เพราะเขายังไม่มีหลักฐานมายืนยัน

 

 

ผู้บำเพ็ญลับหลายคนดูจะติดเหล้ากันมาก แต่ไม่มีใครดูจะเสียสติกันทีเดียว หรือเป็นเพราะใส่ยาไปนิดเดียวเท่านั้นนะ

 

 

แล้วเขาจะทำอย่างไรต่อไปล่ะ หลี่ว์ซู่มาที่นี่เพราะอยากมาตามหาผู้ควบคุมที่อยู่เบื้องหลังของเรื่องนี้หรือไม่ก็มาซุ่มโจมตีที่นี่ เขาอยากจะโจมตีองค์กรใหญ่ๆ จากต่างประเทศในตอนสำคัญๆ

 

 

เขาจะต้องหาเบาะแสให้ได้ แต่ตรงหน้าเขาก็มีแต่ผู้บำเพ็ญลับขี้เมาไม่ได้เรื่อง

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ก็เจอคนมามากมายจากองค์กรใหญ่ ๆ แล้ว พวกเขาดูแตกต่างจากผู้บำเพ็ญลับคนอื่นๆ พวกเขาไม่ดื่มเหล้า และชอบเกาะกลุ่มคุยกัน พอพวกเขาได้คุยกันแล้วก็จะหยุดคุยต่อไปเรื่อยๆ ไม่ได้

 

 

หลี่ว์ซู่จ้องพวกเขาและตัดสินใจจะทำตัวสบายๆ และไม่ทำให้ใครจับได้ในตอนนี้ ถ้าจะจับโจรก็ต้องจับหัวโจกก่อน เขารู้สึกเดี๋ยวเขาก็จะหาจังหวะเหมาะๆ ได้เอง

 

 

ค่ำลงแล้ว หลี่ว์ซู่ตั้งเต็นท์ของตัวเองแถวๆ ริมค่ายใกล้ๆ กับป่า ตำแหน่งนี้ทำให้เขาหนีเข้าไปในป่าได้ถ้าเขาโดนจับได้ขึ้นมา และตรงนี้ก็เป็นตำแหน่งที่ใกล้ที่สุดกับค่ายเครือข่ายฟ้าดินด้วย

 

 

แต่เขาไม่น่าจะโดนจับได้ง่ายๆ แบบนั้น เขาใส่ฮู้ดขึ้นมาปิดหน้าและเดินไปรอบๆ และไม่มีใครจำเขาได้เลย ราวกับว่าองค์กรใหญ่ๆ พวกนี้จะไม่คุ้นเคยกับราชันฟ้าคนที่เก้าเท่าไหร่นัก

 

 

หลี่ว์ซู่อารมณ์เสียมาก เขาเป็นถึงราชันฟ้าคนที่เก้าเลยนะ! ทำไมเขาถึงจะต้องทำตัวเงียบๆ ไม่ให้ใครจับได้ด้วย

 

 

เขาตั้งเต็นท์เสร็จแล้วจากนั้นเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าที่ดังเหมือนฟ้าผ่า หลี่ว์ซู่อึ้งไปเลย มันเรื่องอะไรกันเนี่ย มีฝูงสัตว์กำลังวิ่งมาเหรอ แต่สัตว์บนภูเขาจั่งไป๋อพยพกันออกไปหมดแล้วนี่!

 

 

อีกอย่างเสียงดังนี่มันคุ้นๆ หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเคยได้ยินที่ไหนมาก่อน

 

 

ทันใดนั้นหลี่ว์ซู่ก็เห็นทหารในชุดเกราะทองแดงโผล่ออกมาจากในป่าและพร้อมที่จะฆ่าทุกคน หน้าของพวกเขาถูกซ่อนอยู่ใต้เกราะ และพวกเขาก็ดูเหมือนยมทูตที่จะโผล่ออกมาจากนรกเพื่อมาเอาชีวิตคน

 

 

ตอนนี้ทหารเกราะทองแดงก็เริ่มตั้งขบวนกันแล้ว พวกเขาเป็นเหมือนระลอกคลื่นที่พร้อมจะโจมตี และพวกเขาไม่เกรงกลัวอะไรทั้งนั้น!

 

 

หลี่ว์ซู่เคยเห็นฉากนี้มาก่อนแล้ว เขาเป็นคนฝึกระลอกทองแดงนี่ด้วยตัวเอง และเขานี่แหละที่เป็นคนก่อตั้งระลอกทองแดงขึ้นมา เนี่ยถิงและคนอื่นๆ ก็รู้ว่าเกราะทองแดงพวกนี้ทรงพลังในการต่อสู้มากแค่ไหน พวกทหารใส่เกราะกันทั้งหมดสองหมื่นชุด และเสียงฝีเท้าของพวกเขาก็ดังราวกับเสียงตะโกนอันบ้าคลั่ง

 

 

หลี่ว์ซู่เห็นแล้วรู้สึกซาบซึ้งใจที่เห็นภาพเครือข่ายฟ้าดินแห่งยุคใหม่…

 

 

ก่อนที่ความคิดของเขาจะจบลง อยู่ๆ ทหารชุดเกราะทองแดงก็ชี้มาที่หลี่ว์ซู่ “ใครหน้าไหนที่ล่วงเข้ามาในเขตแดนเราจะต้องตาย!”

 

 

หลี่ว์ซู่อยากบอกเหลือเกินว่าเขาเป็นราชันฟ้าคนที่เก้า และคนจีนจะไม่ฆ่าคนจีนด้วยกันเอง

 

 

แต่ระลอกทองแดงก็ตะโกนขึ้นอีก “ระวังพวกปลอมตัวด้วย! ฆ่าพวกที่ไม่ได้อยู่ในชุดเกราะทองแดงให้หมด!”

 

 

หลี่ว์ซู่อึ้ง

 

 

“อะไรกันวะ!” หลี่ว์ซู่ไม่พอใจ เขาโดนเข้าใจผิดเนี่ยนะ ตอนนี้เขาไม่รู้ว่าเขาเป็นราชันฟ้าคนที่เก้าอีกต่อไปดีหรือไม่ เพราะดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว

 

 

หลี่ว์ซู่จึงหันหน้าหนีแล้ววิ่งสุดกำลัง เขาไม่สนเต็นท์ของเขาด้วยซ้ำ ใครจะรู้ว่าจะมีภัยพิบัติที่ไม่ได้คาดคิดอย่างนี้ล่ะ ครั้งนี้เขายังไม่โดนจับได้ แต่ขอให้ฉันอยู่เงียบๆ หน่อยไม่ได้หรือไง!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset