ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 828 คะแนนเต็มสำหรับการซ่อนตัวและการแทรกซึม

พวกแกบังคับให้ฉันทำแบบนี้เองนะ! หลี่ว์ซู่เก็บความเศร้าโศกและความขุ่นเคืองไว้ในขณะที่เขาเตรียมขโมยวัสดุยุทธศาสตร์มาจากทีมขนส่ง  

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าความเศร้าโศกและความขุ่นเคืองนี้เป็นเรื่องธรรมชาติ เขาได้เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีและมีกระตือรือร้นที่จะช่วยเครือข่ายฟ้าดินอย่างมาก เขาอยากจะทำตัวไม่ให้เป็นที่สังเกตในครั้งนี้ ถึงจะเป็นเฉินจู่อานก็จำเขาไม่ได้แน่นอน แต่เขากลับมาพบว่าองค์กรใหญ่ๆ ทั้งหลายออกจากท่าเรืออาร์เตมไปแล้ว!  

 

 

หลี่ว์ซู่ทนอับอายขายหน้าอย่างนี้ไม่ได้!  

 

 

ฐานขนส่งอยู่ข้างในท่าเรือ วัสดุต่างๆ ถูกส่งมาจากทะเล วัสดุทั้งลายจะถูกส่งไปยังคลังสินค้าเพื่อลงทะเบียน และในที่สุดก็จะถูกส่งไปยังฐานกองทัพชั่วคราวตามความต้องการ  

 

 

ยามของท่าเรือที่นี่ไม่หย่อนยานเลย มีคนอยู่หลายพันคนที่กำลังอยู่ในหน้าที่ นี่หมายความว่าพวกเขามีความคุ้มกันที่แน่นหนามาก เพราะยังมีผู้บำเพ็ญกว่าอีกหลายพันชีวิตอยู่ที่นี่  

 

 

หลี่ว์ซู่คิดอยู่นานและเขาก็ตัดสินใจว่าเขาจะลงไปใต้น้ำ เขามุ่งไปทางเหนือและดำดิ่งลงไปในน้ำ เขาว่ายน้ำไปจนสุดท่าเรือทางทิศตะวันออก จากนั้นก็รออยู่เงียบๆ  

 

 

เขาเห็นว่าใจกลางของท่าเรือนั้นเต็มไปด้วยผู้บำเพ็ญที่ใส่เครื่องแบบของกลุ่มแก่นความเชื่อ หมายความว่าท่าเรือนี้ถูกกลุ่มแก่นความเชื่อควบคุมอยู่  

 

 

และยังหมายความได้อีกว่ากลุ่มแก่นความเชื่อนั้นอยู่เหนือกว่ากลุ่มองค์กรอื่นๆ ฉะนั้นพวกเขาจึงมีสิทธิ์มากกว่า  

 

 

ทันใดนั้นผู้มีพลังที่ใส่เครื่องแบบของกลุ่มแก่นความเชื่อก็เริ่มเดินมาทางหลี่ว์ซู่และคาบบุหรี่ไว้ในปาก หลี่ว์ซู่ตกใจมาก จากนั้นเขาก็เห็นว่ามีผู้มีพลังคนนั้นกำลังถอดเข็มขัดของเขาออก  

 

 

หลี่ว์ซู่หัวเราะออกมา เขาจะต้องเป็นฝ่ายแพ้แน่ถ้าเขายอมให้ผู้มีพลังคนนี้ฉี่ออกมา  

 

 

ผู้มีพลังที่ว่ายืนอยู่ริมเขื่อน เขายืนอยู่นานและรู้สึกเหมือนกับมีอะไรมาทำให้เขาปัสสาวะไม่ออก…  

 

 

เขื่อนคอนกรีตมีความสูงประมาณปริ่มผิวน้ำ บริเวณนี้ยังเป็นพื้นที่ที่ค่อนข้างเงียบสงบ ไม่อย่างนั้นผู้มีพลังคนนี้คงจะไม่มาฉี่หรอก เขาไม่ได้คิดอะไรมาก ใครจะไปคิดออกล่ะว่านั่นเป็นความสามารถของผู้มีพลังธาตุน้ำ เพราะไม่มีใครใช้ความสามารถทำแบบนี้มาก่อน  

 

 

ผู้มีพลังคนนั้นมองไปรอบๆ ไม่มีใครอยู่แถวนี้และจะเห็นเขาฉี่ได้นี่ แต่ตอนที่เขาดึงกางเกงขึ้นและเตรียมตัวจะกลับไป ความรู้สึกอัดอั้นฉี่ไม่ออกก็หายไปและเขาก็เริ่มอยากฉี่ออกมาอีกครั้ง…  

 

 

[ได้รับแต้มจากซานโดร มาซโซลา +666]  

 

 

ผู้มีพลังคนนั้นมองไปที่กางเกงของเขาที่เปียกฉี่เป็นวงกว้างด้วยสีหน้ามึนงงและเขาก็ทรุดตัวลง  

 

 

ทันใดนั้นก็มีมืออันใหญ่ที่เกิดจากการรวมตัวของน้ำทะเลยื่นออกมาดึงเขาลงไปในน้ำ  

 

 

ผู้มีพลังคนนั้นอยากจะตะโกนให้คนมาช่วย แต่ก่อนที่เขาจะได้ตะโกนก็มีน้ำทะเลมาโอบอุ้มตัวเขาไว้แล้ว  

 

 

ไม่นานหลังจากนั้นหลี่ว์ซู่ก็เดินออกมาจากชายฝั่งโดยสวมเครื่องแบบของผู้มีพลังคนนั้น แต่เขาเอาแค่เสื้อของชายคนนั้นมาใส่ ส่วนกางเกงน่ะเหรอ… ช่างมันเถอะ อย่างน้องกลุ่มฟีนิกซ์ก็ใส่เครื่องแบบสีขาว หลี่ว์ซู่มีกางเกงสีขาวอยู่และเขาก็เอามาใส่ให้เข้ากันได้  

 

 

หลี่ว์ซู่เปลี่ยนหน้าตาของเขาเป็นหน้าของผู้มีพลังที่ชื่อมาร์ราซโซและเดินตรงไปที่โกดัง  

 

 

ที่ท่าเรือไม่มียอดฝีมือที่สามารถเอาชนะเขาได้เหลืออยู่ ตอนนี้เขาก็เดินได้อย่างอิสระแล้วสิ  

 

 

เขาจะต้องสู้อย่างรวดเร็ว เขาตัดสินใจจะไม่พูดภาษาอิตาลี เพราะเขาต้องโดนจับได้แน่ๆ ถ้ามีใครมาพูดกับเขา ตามสถานการณ์ปกติแล้วเขาแค่จะพยักหน้าและไม่พูดอะไร จากนั้นก็จะทำสีหน้าเคร่งขรึม  

 

 

แต่หลังจากที่มีผู้หญิงที่ซาร์ดิเนียเข้าใจเขาผิด หลี่ว์ซู่จึงคิดว่าวิธีนี้อาจจะไม่ได้ผลเสมอไป  

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ก็เพิ่งเจอสถานการณ์ที่เขาไม่อยากเจอมา เมื่อกี้มีคนเดินมาหาเขา และดูเหมือนว่าเขาจะไปห้องน้ำมาเหมือนกัน เมื่อเขาเห็นหลี่ว์ซู่เขาก็เริ่มพูดอะไรขึ้นมา หลี่ว์ซู่ไม่เข้าใจเลยสักนิด แต่เขาคนนั้นก็ไม่ได้รอให้หลี่ว์ซู่ตอบ  

 

 

[ได้รับแต้มจากดีโน่ ซอฟฟ์ +1000]  

 

 

หลี่ว์ซู่เศร้าเล็กน้อย จะทำตัวไม่ให้เป็นที่สังเกตนี่ยากจังเลยแฮะ แย่จัง  

 

 

เขาเดินไปทางโกดัง พื้นที่คลังสินค้าทั้งหมดมีขนาดใหญ่มาก ดูเหมือนอาคารโรงงาน 20 แห่งนั้นจะมีแต่วัสดุเต็มไปหมด  

 

 

ท่าเรืออาร์เตมไม่ได้เป็นท่าเรือใหญ่ เพราะฉะนั้นวัสดุที่ส่งเข้ามาจึงทำให้ดูเหมือนโกดังมีของเต็มไปหมด  

 

 

หลี่ว์ซู่พบว่าสมาชิกกลุ่มแก่นความเชื่อที่เดินผ่านเขาไปโค้งให้เขา ดูเหมือนว่ามาราซโซจะอยู่ในตำแหน่งใหญ่ในกลุ่มแก่นความเชื่อพอตัว ครั้งนี้เขาโชคดีแล้ว  

 

 

หลี่ว์ซู่ทำหน้าตาถมึงทึง สมาชิกกลุ่มแก่นความเชื่อจึงเดินต่อไปหลังจากที่โค้งให้เขาแล้ว พวกเขาไม่กล้าจะพูดด้วยกับเขา  

 

 

หลี่ว์ซู่ยืนอยู่ที่ประตูของโกดังเดี่ยวหลังหนึ่ง สมาชิกกลุ่มแก่นความเชื่อกำลังเฝ้ายามไว้อยู่ เมื่อพวกเขาเห็นหลี่ว์ซู่พวกเขาก็ไม่กล้าพูดด้วย พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมหนึ่งในผู้นำขององค์กรมองพวกเขาด้วยความโกรธเกรี้ยว และพวกเขาก็เริ่มลุกลี้ลุกลนเล็กน้อย…  

 

 

หลี่ว์ซู่กำลังคิดเหตุผลที่จะเข้าไป แต่เขาก็ตระหนักว่าถึงเขาจะให้เหตุผลไป เขาก็เอาเครื่องแปลภาษามาใช้ไม่ทันหรอก  

 

 

[ได้รับแต้มจากเปาโล มัลดินี +1000]  

 

 

[ได้รับแต้มจาก…]  

 

 

หลี่ว์ซู่ลากศพสองศพนั้นเข้าไปในโกดัง เขาก็ถอนใจหายใจออกมาที่ตัวเองเป็นอัจฉริยะด้านการซ่อนตัวและการแทรกซึมที่เก่งกาจขนาดนี้ ไม่มีใครพบร่องรอยของเขาได้แม้เวลาจะผ่านไปนานแล้ว  

 

 

และข้อดีของวิธีการนี้ก็คือหลังจากที่เขาซุ่มโจมตีเสร็จแล้ว เขาก็คาดว่าจะไม่มีคนในองค์กรนี้รอดออกไปได้แน่…  

 

 

หลี่ว์ซู่มองดูสิ่งของในโกดังด้วยความไม่พอใจเล็กน้อย ทำไมของในนี้ถึงเป็นอาหารทั้งหมดด้วยนะ  

 

 

มีทั้งอาหารกระป๋อง ธัญพืช ผักแห้ง เครื่องเทศ และอื่นๆ ซึ่งเป็นของใช้ที่จำเป็นในการดำรงชีวิต  

 

 

เมื่อหลี่ว์ซู่เห็นแบบนั้นแล้วเขาก็รู้สึกไม่พอใจพวกองค์กรใหญ่ๆ ดูอย่างกลุ่มทวยเทพสิ พวกนั้นเอาศิลาวิญญาณเก็บไว้ในโกดัง มีองค์กรใหญ่ตั้งมากมาย แต่กลับเอาของไร้ประโยชน์แบบนี้มาเก็บไว้งั้นเหรอ  

 

 

ถ้าเขาเอาของพวกนี้กลับไป หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จะหัวเราะเยาะเขาไหมนะ คงไม่ดีถ้าข่าวนี้กระจายออกไป ราชันฟ้าคนที่เก้าเข้าปล้นฐานศัตรู แล้วเขาก็เอาเมล็ดพืชจำนวนหลายล้านเมล็ดกลับมา อย่างนี้น่ะเหรอ  

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเมื่อเขามีโกดัง 20 แห่งนี้เขาสามารถไปเปิดร้านขายของชำได้เลย จะเลี้ยงอาหารคนสักแสนคนก็ไม่ใช่ปัญหา  

 

 

หรือเขาควรจะเอาอาหารนี่ไปด้วยดีนะ หลี่ว์ซู่คิดว่าเขาน่าจะทำอย่างนั้น ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะเอาทุกอย่างไปให้หมด แต่ถ้าเขาเอาอาหารไปทั้งหมด แนวหน้าเครือข่ายฟ้าดินก็คงจะสู้ง่ายขึ้นใช่ไหมล่ะ  

 

 

สำนวนนั้นกล่าวไว้อย่างถูกต้องแล้วว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง  

 

 

องค์กรต่างชาติหลายๆ องค์กรกำลังระดมกำลังทหาร แต่อาหารของพวกเขาหายไปหมดแล้ว…  

 

 

น่าสนใจดีนี่ องค์กรใหญ่พวกนั้นจะสู้ต่อไปไหมถ้าไม่มีอาหารเหลืออยู่  

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่ได้เอาแค่อาหารไปอย่างเดียวเท่านั้น แต่เขากำลังเอาความหวังที่จะชนะเครือข่ายฟ้าดินไปด้วย!  

 

 

หลี่ว์ซู่ว่าเขาเหมาะกับตำแหน่งราชันฟ้าคนที่เก้าอย่างสุดๆ เลย  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset