ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 829 ความคิดที่ผิด

หลี่ว์ซู่พบปัญหาหนึ่งแล้ว เขาตระหนักได้ว่าผู้บำเพ็ญจากองค์กรต่างประเทศน่าจะมีความชอบที่แตกต่างกันออกไป เพราะอาหารที่เขาเจอในโกดังไม่ได้เป็นอย่างที่เขาคิดไว้เลย  

 

 

เขาคิดว่าข้าวจะเป็นอาหารหลักของพวกเขา แต่แป้งและอาหารกระป๋องต่างหากที่มีอยู่เยอะ  

 

 

หลี่ว์ซู่ประหลาดใจที่เจอถุงกาแฟด้วย เขาไม่คิดว่ากลุ่มทหารพวกนี้จะดื่มกาแฟกันระหว่างสงคราม  

 

 

“การดื่มกาแฟมากๆ มีแนวโน้มจะทำให้เป็นโรคกระดูกพรุน นี่ฉันทำเพื่อพวกนายเลยนะเนี่ย” หลี่ว์ซู่พึมพำขณะยัดถุงกาแฟเข้าไปในตราแผ่นดิน  

 

 

“กินอาหารกระป๋องเยอะๆ ก็ไม่ดีเหมือนกัน” หลี่ว์ซู่พึมพำต่อไปแล้วเก็บเอาอาหารกระป๋องเข้าไปในตราแผ่นดิน  

 

 

ทันใดนั้นเขาก็เจออีกปัญหาหนึ่งแล้ว เฉินไป่หลี่เคยบอกว่าเขาจะต้องคุ้มกันเกราะทองแดงไปตอนขนส่ง เพราะเขาเอาเกราะทองแดงทั้งหมดใส่เข้าไปในคลังเก็บของไร้รูปของเขาไม่หมด แต่หลี่ว์ซู่ไม่เคยคิดเรื่องนี้เลย เพราะเมื่อเขาเห็นตราแผ่นดิน เขาก็รู้สึกว่าสิ่งนี้มีพื้นที่ให้เขาอย่างไม่จำกัด เพราะฉะนั้นเขาเลยไม่ได้ใส่ใจว่าคลังเก็บของไร้รูปของคนอื่นจะจุได้มากแค่ไหน  

 

 

หลี่ว์ซู่คิดต่อไปว่าคลังเก็บของไร้รูปของหัวหน้าบาทหลวงและนักบุญจะใหญ่แค่ไหนนะ แล้วของฟรานเชสโกล่ะ พวกเขาก็คงจะเอาอาหารเก็บไว้ไม่หมด ไม่อย่างนั้นก็คงไม่เอามาเก็บไว้ในโกดังหรอก พวกเขาก็คงเอาติดตัวไปด้วยแล้ว  

 

 

ถ้าเขามีโอกาสเขาก็จะเอาคลังเก็บของไร้รูปของพวกนั้นมาเปรียบเทียบกับของเขา…  

 

 

คนเรามีความปรารถนา ถ้ามันเป็นจริงขึ้นมาจะเป็นอย่างไรนะ  

 

 

แต่จากที่หลี่ว์ซู่มองแล้ว เขาคิดว่าคลังเก็บของไร้รูปของเขาน่าจะเป็นสิ่งใหญ่มากที่สุดชิ้นหนึ่งเลย  

 

 

หลังจากที่เขาเก็บของในโกดังหนึ่งเสร็จ เขาก็เดินต่อไปที่โกดังที่สอง โกดังนี้ไม่ค่อยมีความคุ้มกันที่แน่นหนาเท่าไหร่ แต่ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถของหลี่ว์ซู่ด้วย เพราะถ้าเป็นผู้บำเพ็ญปกติก็คงจะเข้าไปยากพอดู  

 

 

หลี่ว์ซู่เข้าไปในโกดังอื่นๆ อีกขณะที่พยายามเก็บความลับเรื่องการซ่อนตัวของเขา เมื่อเขาเข้าไปที่โกดังหลังที่ 17 เขาก็เริ่มนับคนที่เขาฆ่าไปเพื่อทำให้ตัวเองมั่นใจว่าเขาเก็บความลับอยู่จริงๆ และเขาฆ่าไป 70 คนแล้ว…  

 

 

เขาไม่แค่กวาดของในโกดังออกไปหมดเท่านั้น แต่เขายังทำให้กองกำลังของพวกนั้นอ่อนแอลงด้วย  

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าวิธีการแทรกซึมของเขาเยี่ยมยอดที่สุด แย่หน่อยที่เขาเอาเรื่องนี้ไปอวดในเครือข่ายฟ้าดินไม่ได้  

 

 

ในตอนที่เขากำลังจะปล้นสะดมต่อไป เสบียงอีกชุดก็มาถึง  

 

 

แต่ครั้งนี้มีทีมคุ้มกันเสบียงจำนวนมาก และมีผู้มีพลังกว่า 300 เฝ้าด้านข้างของพาหนะขนส่งขนาดใหญ่กว่า 30 คัน หลี่ว์ซู่ว่ามันมีอะไรแปลกๆ เกี่ยวกับจำนวนคนพวกนี้อยู่!  

 

 

แต่ในเมื่อมีผู้คนจำนวนมากขนาดนี้ แล้วเขายังพยายามปล้นของในพาหนะพวกนั้นอีก การแทรกซึมของเขาก็จะพังไม่เป็นท่าแน่  

 

 

ถึงเขาจะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาก็เอาชนะคนทั้งฐานขนส่งไม่ได้หรอกนะ  

 

 

หลี่ว์ซู่ตามผู้มีพลังที่อยู่ใกล้โกดังเข้าไปแถวๆ พาหนะส่งของโดยแสร้งทำเป็นว่าเป็นหนึ่งในคนที่รับผิดชอบในการขนส่งครั้งนี้ด้วย เมื่อประตูรถเปิดออกมา หลี่ว์ซู่ก็อ้าปากค้างด้วยความตกใจ ข้างในนั้นมีดาบยาวขนาดมาตรฐานอยู่เต็มลำรถ  

 

 

ถึงแม้ว่ามันจะแตกต่างจากกระบี่ของเครือข่ายฟ้าดิน แต่ก็ยังมีส่วนคล้ายกัน อาวุธพวกนี้มีไม่พอกับการเพิ่มขึ้นของจำนวนคน  

 

 

พวกเขามีทั้งดาบที่เป็นแนวยุโรป และอีกฝ่ายก็มีกระบี่ที่เป็นแบบจีน แต่ทั้งอาวุธทั้งสองแบบก็มีสาระสำคัญเหมือนกัน  

 

 

เครือข่ายฟ้าดินไม่สามารถจัดหากระบี่ยาวให้ทุกคนได้จนถึงทุกวันนี้ หลังจากการต่อสู้ที่ค่ายหลังพยัคฆ์ก็ยังทำให้กระบี่ยาวหักไปมาก และทหารชุดเกราะทองแดงบางคนยังไม่มีกระบี่ยาวใช้เลย  

 

 

สุดท้ายเนี่ยถิงก็เลยสั่งการให้หากระบี่ยาวมาให้ทหารชุดเกราะทองแดงก่อน ส่วนผู้บำเพ็ญคนอื่นๆ ก็ต้องเอากระบี่ของตัวเองให้พวกเขาด้วยเพื่อให้แน่ใจว่าทหารชุดเกราะทองแดงมีอาวุธอย่างครบถ้วน  

 

 

หลี่ว์ซู่มองดาบยาวพวกที่อยู่ในรถขนส่งตรงหน้าเขา เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมถึงมีการคุ้มกันที่แน่นหนาขนาดนี้  

 

 

แต่เขาก็ตระหนักดีว่าดาบพวกนี้ไม่ได้ทำมาจากวัสดุที่ดีเท่าไหร่นัก เขาเคยเห็นอาวุธของกลุ่มแก่นความเชื่อมาก่อน และเขาก็เคยสู้กับอาวุธพวกนี้มาบ้างแล้ว  

 

 

อาวุธชุดนี้มีลักษณะคล้ายดาบไขว้หยาบ พวกเขาทำมันขึ้นมาเพื่อให้ได้ในปริมาณมาก ๆ  

 

 

แน่นอนว่าดาบพวกนี้ก็ต้องดีว่าก้อนเหล็กธรรมดาอยู่แล้ว  

 

 

เดี๋ยวก่อนนะ ดาบพวกนี้ทำมาเพื่อผู้บำเพ็ญลับนี่ หลี่ว์ซู่คิด เป็นไปได้ว่าพวกเขาจะแจกอาวุธวิเศษพวกนี้เพื่อให้ขวัญกำลังใจและซื้อใจผู้คนได้!  

 

 

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมกลุ่มแก่นความเชื่อจึงไม่อนุญาตให้ผู้บำเพ็ญลับที่กำลังกลัวพวกนั้นหนีไป และพวกเขาก็ยังสร้างค่ายกันอย่างยกใหญ่อีกด้วย อีกทั้งทุกกลุ่มก็ไปรวมตัวกันที่นั่นด้วย  

 

 

แปลว่าพวกเขาเตรียมตัวกันอย่างดีทั้งแผนรับมือและแผนโจมตีแล้วสินะ พวกเขาคงจะใช้อาวุธชุดนี้เพื่อปลุกใจให้ผู้บำเพ็ญลับสู้ต่อไป!  

 

 

ผู้บำเพ็ญลับส่วนใหญ่ไม่สามารถหาอาวุธวิเศษมาใช้เองได้ หลี่ว์ซู่เชื่อว่ากลุ่มแก่นความเชื่อน่าจะไปสัญญาว่าอาวุธวิเศษทั้งหมดนี้จะเป็นของผู้บำเพ็ญลับเมื่อสงครามจบ และผู้บำเพ็ญลับพวกนั้นจะต้องซาบซึ้งใจเป็นอย่างมากแน่!  

 

 

แต่เมื่อสงครามจบลง องค์กรใหญ่ๆ พวกนี้ก็คงจะไม่สนใจอะไรพวกเขามากหรอก  

 

 

ถ้าหลี่ว์ซู่เป็นผู้บำเพ็ญลับ เขาจะเอาชีวิตตัวเองรอดก่อนแน่นอน เพราะเขาคิดได้ยังไงล่ะ  

 

 

ถ้าคนอื่นคิดได้แบบเขาก็คงจะไม่มีเหตุการณ์โง่ๆ เกิดขึ้นในประวัติศาสตร์หรอก  

 

 

แต่หลี่ว์วู่จะขโมยดาบยาวพวกนี้ออกมาได้อย่างไรล่ะ มีคนเฝ้าตั้งเยอะขนาดนี้ เขาอาจจะตายอยู่ที่ฐานขนส่งนี่ก็ได้  

 

 

ถ้าเขาใช้ฮุ่นตุ้น เขาก็อาจจะพยายามฝ่าวงล้อมเข้าไปได้ แต่ปัญหาก็คือหัวหน้าบาทหลวงและนักบุญไม่ได้อยู่ห่างไปมาจากที่นี่เลยน่ะสิ พวกเขาเพิ่งออกไปได้แค่ครึ่งวันเท่านั้น แล้วพวกเขาก็บินกลับมาที่นี่ได้ง่ายๆ  

 

 

ถึงแม้เขาจะมีแหวนมิติ เขาก็ไม่สามารถเก็บดาบยาวพวกนี้ได้เร็วขนาดนั้น เพราะเขายังต้องเก็บดาบพวกนี้ใส่ตราแผ่นดินได้ทีละเล่ม  

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกกังวลเล็กน้อยเขาสามารถอดกลั้นไม่ให้ขโมยของได้เมื่อเห็นอาหารและเสบียง แต่เมื่อเขาเห็นดาบเป็นพันๆ เล่ม เขาก็อดไม่ได้อีกต่อไปแล้ว!  

 

 

แม้ว่าพวกมันจะเป็นอาวุธธรรมดาและทำมาไม่ได้ดีนัก แต่ก็ยังเป็นอาวุธอยู่ดี  

 

 

เดี๋ยวก่อนสิ ไม่นะ หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าตัวเองอาจเข้าใจอะไรบางอย่างผิดไป  

 

 

มีอะไรในโลกนี้ที่หลี่ว์ซู่อยากได้แต่เขาเอาไปไม่ได้ด้วยเหรอ ถ้าเขาเอาไปไม่ได้ก็แปลว่าจะเขาจะต้องมีความคิดที่ผิดไปแล้ว!  

 

 

หลี่ว์ซู่เดินไปอย่างเงียบๆ เขาทำเป็นเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น และใช้มือสัมผัสรถขนส่ง จากนั้นเขาก็ค่อยๆ เก็บของไปอย่างเงียบเชียบ  

 

 

พอคนพวกนี้หันไปมองรถที่เคยอยู่ตรงนั้นแต่กลับหายไป พวกเขาก็ตกใจกันมาก รถหายไปไหนเนี่ย!  

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าตัวเองฉลาดเกินไปแล้ว เก็บดาบทีละเล่มก็ต้องใช้เวลามากเกินไปน่ะสิ แต่ถ้าเขาเก็บรถทั้งคันไป เขาจะได้ทำงานเสร็จได้อย่างไว!  

 

 

ขณะที่ทุกคนกำลังตกใจอยู่นั้น หลี่ว์ซู่ก็รีบไปที่รถคันอื่นต่อ ก่อนที่ทุกคนจะได้ทำอะไร รถคันที่สอง สาม สี่ ก็อันตรธานหายไปเรื่อยๆ  

 

 

พวกคนที่อยู่ข้างๆ รถตกอยู่ในความโกลาหล ทุกคนระมัดระวังกันมาตลอดการเดินทาง แต่พอถึงที่หมายแล้วอยู่ๆ รถก็หายไป พวกเขารับไม่ได้เป็นอย่างมาก!  

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมาก เขาแค่อยากจะเอาของไปให้มากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้ จากนั้นก็ค่อยหนีหายไปในทะเล  

 

 

ที่นี่ไม่มีใครสู้เขาได้หรอก ถึงแม้คนระดับ B จะโจมตีเขา พวกเขาก็หยุดเขาไม่ได้อยู่ดี หลี่ว์ซู่มั่นใจ!  

 

 

หลี่ว์ซู่ราชันฟ้าคนที่เก้าคนนี้เป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดรองจากแค่ระดับ A เท่านั้น ใครหน้าไหนก็สู้เขาไม่ได้!  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset