ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 869 การเกิดขึ้นของพลังงานกระบี่

จางเว่ยอวี่ไม่คิดว่าหลี่ว์ซู่จะซ่อนตัวและฆ่าคน ทุ่งนี้กว้างมาก ถ้าหลี่ว์ซู่ใช้โอกาสในขณะที่จางเว่ยอวี่กำลังถูกฆ่าเพื่อหลบหนี เขาก็อาจจะมีชีวิตรอด

 

 

นอกจากนี้ เขายังไม่คิดว่าหลี่ว์ซู่จะสามารถฆ่าคนได้!

 

 

สิ่งที่หลี่ว์ซู่ถืออยู่คืออะไรน่ะเหรอ เขากำลังถือกิ่งไม่อยู่!

 

 

หากยอดฝีมือฆ่าใครสักคนด้วยกิ่งไม้ นั่นก็ยังเป็นไปได้ มีคำกล่าวว่าจอมทัพสวรรค์อุดรไม่ได้ใช้อาวุธเพื่อสังหารทาส เขาจะใช้อะไรก็ตามที่มีอยู่ที่นั่น แต่เขาคือยอดฝีมือระดับหนึ่ง!

 

 

เมื่อข่าวนี้แพร่กระจายออกไป ทุกคนก็รู้สึกทึ่งมาก!

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ล่ะ เขาเป็นแค่ผู้บำเพ็ญตัวเล็กๆ ที่ไม่แม้แต่จะไปถึงระดับห้า แต่เขากลับสามารถใช้กิ่งไม้ฆ่าคนได้! นี่มันน่าน่างงงวยเกินไป เกินไปจนจางเว่ยอวี่แทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง!

 

 

กิ่งไม้ฟันผ่านช่องว่างในเสื้อเกราะหนัง จากนั้นเขาก็แทงเข้าที่คางของทหารและตรงขึ้นไปเพื่อสังหาร

 

 

กิ่งไม้เป็นเหมือนกระบี่ ถึงแม้ว่าชายหนุ่มจะไม่ได้มีพลังมาก แต่ก็ดูเหมือนว่าท่วงท่าวิชากระบี่ของเขากลับยอดเยี่ยมที่สุด

 

 

นี่เป็นเรื่องที่แปลกมาก เหมือนเด็กอายุสามขวบที่มีความรู้เทียบเท่านักวิชาการ

 

 

ไม่ใช่เเค่จางเว่ยอวี่ที่ประหลาดใจ หน่วยสอดแนมที่เหลือก็มองดูอย่างเงียบๆ เช่นกัน จากนั้นพวกเขาก็ล้อมทั้งสองคนอย่างรวดเร็วเพื่อเริ่มลงมือสังหาร!

 

 

พวกเขาถือมีดผู่เตาไว้ด้วยมุมที่ดีที่สุดสำหรับการโจมตี มันช่างสมบูรณ์แบบ

 

 

มีดผู่เตาฟันผ่านพืชผลท่ามกลางแสงจันทร์ ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ใช้พลังมากมาย แต่พืชเหล่านั้นก็ถูกฟันขาดเป็นแนวทแยงได้อย่างง่ายดาย

 

 

พวกเขาเป็นกลุ่มทหารที่มีฝีมือดีที่สุด ระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสี่คนช่างพอดิบพอดี เมื่อพวกเขาพุ่งเข้าใส่หลี่ว์ซู่ ก็เป็นเหมือนตาข่ายที่ขยับเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อยๆ

 

 

แต่ชายหนุ่มยังคงสงบนิ่ง เขาหยิบมีดผู่เตามาจากตัวศพและโยนไปทางจางเว่ยอวี่ต่อหน้าทุกคน เขาพูดว่า “ผมเอาชนะพวกเขาไม่ได้ คุณทำสิ”

 

 

ทหารทั้งสี่นายหันไปมองจางเว่ยอวี่อย่างพร้อมเพรียงกัน และชี้มีดไปทางเขา!

 

 

จางเว่ยอวี่ตกใจ “…อะไรกันวะเนี่ย!”

 

 

[ได้แต้มจากจางเว่ยอวี่ +999!]

 

 

แต่ในขณะนั้นเอง หลี่ว์ซู่ใช้โอกาสที่ทหารทั้งสี่นายกำลังมองจางเว่ยอวี่เพื่อดึงเอากิ่งไม้อีกอันออกมาจากเอวของเขา เขาพุ่งเข้าใส่ทหารที่อยู่ใกล้ที่สุดราวกับนักล่า “โจมตี!”

 

 

พลังของทหารทั้งสี่ถูกทำให้กระจัดกระจาย พวกเขาไม่รู้แน่ชัดว่าจางเว่ยอวี่แข็งแกร่งเพียงใด และต้องสู้เพื่อประเมินพลังการต่อสู้ของเขา

 

 

ทหารสองนายเผชิญหน้ากับจางเว่ยอวี่ ในขณะที่อีกสองนายที่เหลือเผชิญหน้ากับหลี่ว์ซู่ ตอนนี้หลี่ว์ซู่อยู่ตรงหน้าทหารทั้งสองนายแล้ว เขาเห็นแม้กระทั่งรอยเย็บบนเสื้อเกราะหนัง

 

 

ทหารทั้งสองนายก้าวไปข้างหน้าเล็กน้อย พื้นดินยุบลงไปในขณะที่พวกเขาก้าว จากนั้นมีดผู่เตาอันหนึ่งเล็งไปที่หัวของหลี่ว์ซู่ ในขณะที่อีกอัน เล็งไปที่หลี่ว์ซู่จากอีกมุมหนึ่ง พวกเขาวางกับดักหลี่ว์ซู่และป้องกันไม่ให้เขาเคลื่อนที่ไปรอบๆ

 

 

กล้ามเนื้อทุกมัดในร่างกายหลี่ว์ซู่เกร็งขึ้นอย่างกะทันหัน ราวกับว่ากำลังสร้างรูปสลักไม่ใช่ร่างกายมนุษย์

 

 

เมื่อมีดทั้งสองพุ่งเข้าโจมตี หลี่ว์ซู่ยังคนยืนนิ่ง แต่ทันใดนั้นเขาก็หมอบลง จากนั้นในขณะที่ใบมีดทั้สองพุ่งผ่านไป ก็ราวกับว่าความจริงได้ถูกท้าทายอีกครั้ง

 

 

เขาโจมตีกลับด้วยกิ่งไม้ ไม่รู้ทำไม แต่จางเว่ยอวี่รู้สึกว่ากิ่งไม้นั่นเป็นเหมือนกระบี่ การเคลื่อนไหวของมันสอดคล้องกับวิถีแห่งเต๋า

 

 

นี่คือท่วงท่าวิชากระบี่! จางเว่ยอวี่ตกตะลึง หลี่ว์ซู่ได้แสดงวิถีแห่งเต๋า!

 

 

ตราบเท่าที่ผู้บำเพ็ญทั่วๆ ไปมีวิธีการ ความถนัด และทรัพยากร การฝึกบำเพ็ญก็จะเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และยิ่งพวกเขามีความถนัดมากเท่าใด อัตราของการฝึกบำเพ็ญก็ยิ่งสูงขึ้นมากเท่านั้น

 

 

แต่วิถีแห่งเต๋าอยู่ในอีกระดับหนึ่ง นี่เป็นสัญญาณว่าคนคนหนึ่งได้เรียนรู้อย่างมีประสิทธิภาพ และคนคนนั้นจะมีความหวังว่าจะไปถึงระดับหนึ่งได้ถ้าพวกเขาได้เข้าสู่วิถีแห่งเต๋า!

 

 

นี่ก็เป็นเช่นเดียวกับบนโลกมนุษย์ ย้อนกลับไปในอดีต เฉินไป่หลี่ต้องการรับหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นศิษย์อย่างมาก เพราะเขาได้เห็นความสำคัญของความถนัดของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ ยิ่งคนมีความถนัดมากเท่าใด ก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายสำหรับพวกเขาในการผสานร่างกับกระบี่ คนบางคนหยุดอยู่แค่ระดับ B หรือระดับสองก็ด้วยเหตุผลนี้

 

 

ภายใต้แสงจันทร์ กิ่งไม้ในมือของชายหนุ่มเป็นเหมือนดักแด้ที่ค่อยๆ แตกออก ราวกับว่ามันไม่สามารถทนรับพลังที่รุนแรงได้อีกต่อไป จากนั้นกิ่งไม้ก็หักเป็นเสี่ยงๆ

 

 

กิ่งไม้สลายกลายเป็นฝุ่น แต่พลังของกระบี่ยังคงพร่างพราวใต้แสงจันทร์ ราวกับผีเสื้อที่เพิ่งออกมาจากดักแด้!

 

 

จางเว่ยอวี่ตกตะลึง “นี่เป็นครั้งแรกของฉันที่ได้เห็นพลังของกระบี่ระเบิดออกมาจากกิ่งไม้ด้วยฝีมือของผู้บำเพ็ญระดับหก!”

 

 

น่ากลัวอะไรขนาดนี้! ผู้บำเพ็ญระดับหกสร้างพลังกระบี่จากกิ่งไม้!

 

 

พลังกระบี่ฟันเข้าที่คอของทหารทั้งสองได้อย่างง่ายดาย เลือดเริ่มไหลทะลักออกมาจากเส้นเลือดแดงใหญ่ของพวกเขา จากนั้นทหารทั้สองนายก็ค่อยๆ เอนหลังล้มลงบนพื้น

 

 

จางเว่ยอวี่รู้สึกว่าคืนนี้ ความรู้ความเข้าใจมากมายของเขาถูกล้มล้าง เขาคงไม่กล้าดูถูกผู้บำเพ็ญระดับหกอีกต่อไป แต่หลังจากครุ่นคิดสักพัก เขาก็คิดได้ว่ามีผู้บำเพ็ญระดับหกที่แข็งแกร่งอยู่บ้างในโลกนี้ และหลี่ว์ซู่ก็เป็นหนึ่งในนั้น!

 

 

เจ้าบ้านี่มาจากที่ไหนกันแน่!

 

 

แต่เขาไม่รู้ว่าสำหรับหลี่ว์ซู่ที่สามารถฆ่าผู้มีพลังระดับ B เจ็ดคนได้ในแปดชั่วโมงนั้น พลังเป็นสิ่งสำคัญก็จริง แต่นั่นก็ไม่ใช่ทุกอย่าง

 

 

ถ้าระดับสามมาปรากฏตัวในคืนนี้ หลี่ว์ซู่อาจจะกลัว เพราะสุดท้ายแล้วชีวิตเขาก็สำคัญกว่า

 

 

ถ้าเขาไม่มีพลังงานกระบี่ หลี่ว์ซู่คงไม่กล้าสังหารกองกำลังสอดแนมของทัพเฮยอวี่อย่างแน่นอน พลังงานกระบี่สังหารคนได้ และก็ทำให้คนกลัวได้เช่นกัน

 

 

แต่ไม่มีคำว่าถ้า

 

 

ในตอนนี้ทหารที่เหลืออีกสองนายจากทัพเฮยอวี่ไม่สามารถสังหารได้ด้วยความมุ่งมั่นเหมือนก่อนหน้านี้ มีความลังเลปรากฏขึ้นในดวงตาของพวกเขา หลี่ว์ซู่ผู้ซึ่งดูเหมือนยอดฝีมือ ยืนอยู่ในทุ่งพร้อมกับมือที่อยู่ข้างลำตัว เขาจ้องไปที่ทหารที่เหลือ

 

 

ในตอนนั้น จางเว่ยอวี่หยิบมีดผู่เตาขึ้นมาและยิ้ม เขาเดินเข้าหาทหารทั้งสองนายอย่างช้าๆ “ตอนนี้ถึงตาของฉันแล้ว”

 

 

ทหารทั้งสองนายหันหน้าและออกวิ่ง หลี่ว์ซู่วิ่งตามพวกเขาไป จางเว่ยอวี่ตะโกนว่า “อย่าปล่อยให้พวกนั้นหนีไปได้นะ!”

 

 

ทหารทั้งสองนายรีบวิ่งหนีอย่างรวดเร็ว พืชผลที่อยู่ในทุ่งไม่ได้ทำให้พวกเขาช้าลงเลย ด้วยร่างกายของหลี่ว์ซู่ในฐานะผู้บำเพ็ญระดับหก เขาทำได้แค่ฝันหากจะตามสองคนนั้นให้ทัน

 

 

หลังจากเงาดำสองสายหายไป จางเว่ยอวี่ขาอ่อนยวบและเขาแทบจะล้มลงบนพื้นในทันที “ฉันกลัวมาก!”

 

 

หลี่ว์ซู่หัวเราะอย่างร่าเริง “ไม่รู้เลยว่าในช่วงหน้าสิ่วหน้าขวาน คุณเองก็ดูจะพึ่งพาได้เหมือนกันนะเนี่ย”

 

 

จางเว่ยอวี่ครุ่นคิดและพูดว่า “ขอบใจ”

 

 

“ไม่เป็นไร การแสดงของคุณค่อนข้างจะมีประโยชน์ คุณทำให้พวกนั้นกลัวจนหัวหด สวรรค์จะช่วยคนที่ช่วยเหลือตัวเอง” หลี่ว์ซู่พูดพร้อมรอยยิ้ม

 

 

หากจะพูดตามตรง เป็นความโชคดีที่ทหารที่เหลือทั้งสองนายนั้นวิ่งหนีไป เพราะถ้าไม่อย่างนั้น พวกเขาคงไม่ง่ายที่จะจัดการ พวกนั้นมีระดับสี่หนึ่งคนและระดับห้าหนึ่งคน ถึงแม้หลี่ว์ซู่จะสามารถใช้พลังงานกระบี่และสามารถสังหารพวกระดับห้าได้ แต่ผู้บำเพ็ญระดับสี่นั้นเป็นคนละเรื่องกัน…

 

 

พลังงานกระบี่สามารถสังหารผู้บำเพ็ญระดับสี่ได้ แต่พวกเขารวดเร็วมาก ก่อนที่หลี่ว์ซู่จะได้โจมตี พวกนั้นก็อาจจะโจมตีมาก่อนแล้วหลายกระบวนท่า…

 

 

แต่…ถ้าเขาซุ่มโจมตีผู้บำเพ็ญระดับสี่ เขาก็อาจจะสามารถสังหารพวกนั้นได้ใช่หรือไม่

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset