ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 881 ทัพอู่เว่ย

หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อาศัยอยู่ในบ้านของท่านหลี่ ขุนนางระดับสูงเป็นเวลาสามวันและเมื่อถึงวันที่สามที่ ท่านหลี่ถึงจะมาเยี่ยมเยียนทักทาย ส่วนหลี่ว์ซู่มีความคิดใหม่และตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพชิงไซ่  

 

 

จากที่จางเว่ยอวี่บอก ผู้บำเพ็ญระดบหกสามารถเข้าร่วมกองทัพได้อย่างสบาย ถ้าไม่ถึงโอกาสอย่าบอกว่าตัวเองเป็นชาวบ้านธรรมดา เพราะถ้าวันใดบอกว่าตนเองเป็นชาวบ้านก็จะถูกตรวจสอบทะเบียนบ้าน ยิ่งไปกว่านั้นทางที่ดีอย่าไปเข้าร่วมกองทัพชิงไซ่เพราะกองทัพทั้งสิบเอ็ดกองของจอมทัพสวรรค์ทักษิณ กองทัพชิงไซ่มีการคัดเลือกเข้าสำนักกระท่อมกระบี่เคร่งเครียดมากที่สุด เพราะที่นั่นมีแต่ยอดฝีมือทั้งนั้น  

 

 

หลี่ว์ซู่ถามว่า “แล้วจะแก้ปัญหาทะเบียนบ้านได้อย่างไร แล้วควรเลือกกองทัพไหนดี”  

 

 

จางเว่ยอวี่ครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า “ทาสมีสองวิธีที่จะหลุดพ้นจากการเป็นทาส วิธีหนึ่งคือฉีกสัญญา ทนรับความเจ็บปวดที่หนักหน่วงเพื่อลบตราประทับ อีกวิธีหนึ่งคือการตายของนายทาส วิชาของทาสจะลดระดับลงแต่ข้อดีคือไม่ต้องรับความเจ็บปวดจากการลบตราประทับ ปกติแล้วญาติของนายทาสจะสืบทอดสัญญาต่อโดยอัตโนมัติ แต่ถ้าเขาไม่มีลูกหลาน ตราประทับก็จะไม่รับการสืบทอด”  

 

 

“ทาสบางคนได้รับอิสรภาพหลังจากนายทาสตายลง ในตอนนี้พวกเขามีพลังระดับหนึ่งแล้วจึงไม่อยากเป็นทาสอีก เรามักเรียกพวกเขาว่าคนเร่ร่อน เมื่อนายเข้าร่วมกองทัพ จะบอกว่าตัวเองเป็นทาสของตระกูลหลิว นายทาสเมืองเถียนเกิ่ง เดิมทีเมืองเถียนเกิ่งมีนายทาสอยู่สี่ตระกูล ตระกูลหลิวต่อสู้ตายยกครัวตอนที่ทัพเฮยอวี่บุกจู่โจมเมื่อสิบปีก่อน ดังนั้นทาสมากมายจึงได้อิสระและแยกออกไป” จางเว่ยอวี่ชี้ทางสว่างให้หลี่ว์ซู่ ถือว่าเป็นการตอบแทนน้ำใจของหลี่ว์ซู่  

 

 

“แล้วผมควรเลือกกองทัพไหน” หลี่ว์ซู่ถาม  

 

 

“เลือกทัพอู่เว่ย ตอนนี้พวกเขาประจำการอยู่นอกเมืองอวิ๋นอาน ทางตอนเหนือของเมืองหนานเกิง กองทัพนี้ไม่ใช่กำลังหลักของแนวชายแดน ดังนั้นจึงปลอดภัยมากกว่าทัพไส้ชิง” จางเว่ยอวี่พูด “ถ้าทัพเฮยอวี่มา พวกเขาจะยกทัพหลังจากทัพชิงไซ่”  

 

 

“อ๋อ” หลี่ว์ซู่เข้าใจ นั่นก็คือกองทัพเสริมนั่นเอง ไม่ต้องออกรบก็ดีอยู่แล้ว  

 

 

“ทัพอู่เว่ยชอบรับสมัครคนเร่ร่อน ตอนแรกพวกเขาคิดว่าทาสที่มีพลังเหล่านี้จะกลายเป็นกำลังสำคัญของกองทัพ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าคนเร่ร่อนเหล่านี้มีนิสัยเสียไม่มากก็น้อย จนทำให้กองทัพวุ่นวายอยู่บ้าง การพนันในค่ายไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้” จางเว่ยอวี่พูดด้วยรอยยิ้ม “ต่อมาหลังจากที่กองทัพพบปัญหานี้แต่คนเร่ร่อนก็รับตำแหน่งสำคัญในกองทัพไปหลายตำแหน่งแล้ว พวกเขายังรังเกียจชาวบ้านธรรมดาอีกด้วย ต่อมาพวกคนเร่ร่อนเริ่มฉลาดขึ้น ติดสินบนคาดสินบน กินเสบียงหลวง เรื่องแย่ๆพวกนั้นทำหมด ผู้บัญชาการทัพอู่เว่ยที่ผู้รับผลประโยชน์ที่ใหญ่ที่สุดจึงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่ ตอนนี้แม้แต่ตำแหน่งผู้บัญชาการก็เป็นคนเร่ร่อน กองทัพทั้งกองใกล้จะพังหมดแล้ว”  

 

 

หลี่ว์ซู่ตะลึงไปชั่วขณะ “จอมทัพสวรรค์เหวินไจ้โฝ่วไม่สนเลยเหรอ”   

 

 

“จอมทัพสวรรค์นะเหรอจะมีเวลาไปสนเรื่องพวกนี้ เขามีกองทัพทั้งสิบเอ็ดกองจะมาสนใจเรื่องอะไรพวกนี้ การบำเพ็ญเข้าใจกฎแห่งฟ้าดินคือสิ่งที่พวกเขาเต็มใจทำมากที่สุด ดังนั้นเขาต้องการแค่ทัพอู่เว่ยรบชนะก็พอ ว่าไป ทัพเว่ยอูก็รบชนะหลายศึกแม้จะมีปัญหาเยอะขนาดไหน ไปถึงแล้วนายก็จะรู้เอง”  

 

 

“เอาล่ะ งั้นผมก็จะเลือกทัพอู่เว่ย” หลี่ว์ซู่พยักหน้า “แต่ละกองทัพเสนอชื่อได้กี่คน”  

 

 

“แต่ละกองทัพมีสิทธิ์ส่งได้หนึ่งรายชื่อ ประเด็นสำคัญที่ฉันต้องการพูดคือไม่มีใครในกองทัพอู่เว่ยต้องการเข้าร่วมการคัดเลือกของสำนักกระท่อมกระบี่” จางเว่ยอวี่พูดพร้อมยิ้มเยาะ  

 

 

“เอ๊ะ ทำไมเป็นนี้ ตามที่คุณพูด ก็แค่กลุ่มคนโลภไม่ใช่เหรอ ถ้าได้รับเลือกให้เป็นสำนักกระท่อมกระบี่ไม่เท่ากับเสือติดปีกเหรอ คงไม่คิดสั้นแค่นี้หรอกนะ” หลี่ว์ซู่ถามด้วยความสงสัย  

 

 

“นายยังไม่รู้อะไร เจ้าพวกนี้ก็ไม่ใช่ย่อย กลับรู้จักประมาณตน” จางเว่ยอวี่ ยิ้ม “พวกเขารู้ว่าพวกเขาไม่มีทางถูกสำนักกระท่อมกระบี่เลือก เพราะยังมียอดฝีมือจากอีกสิบกอง คนเร่ร่อนอย่างพวกเขาจะไปเทียบอะไรได้ ถ้าจะต้องไปสู้แล้วโดดนอัด แถมยังอายอีก ไม่สู้ไม่ไปซะก็สิ้นเรื่อง! ยอดฝีมือหลายสิบคนมาจากจอมทัพสวรรค์ทั้งสี่ อยู่กันคนละค่าย สู้กันย่อมเอาจริงเอาจัง พอได้เข้าสำนักแล้วค่อยเป็นพี่น้องกัน อยู่กันอย่างปรองดอง ก่อนที่จะเข้าจะเรียกว่าศัตรูคู่แค้นก็ไม่ผิด”  

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่เคยรู้ว่าทัพอู่เว่ยเป็นพวกผิดมนุษย์มนาทั้งนั้น “หมายความว่าทัพอู่เว่ยไม่ได้ส่งมาหลายปีแล้วเหรอ”  

 

 

“ไม่ๆๆ พวกเขาไม่ไปเอง แต่พวกเขาสามารถขายสิทธิ์นี้ให้พวกลูกหลานขุนนาง! เงินทั้งนั้น!” จางเว่ยอวี่ ยิ้ม “ดังนั้นสิ่งที่นายต้องพิจารณามากที่สุดคือ จะหาเงินยังไง จากที่ฉันรู้สิทธิ์นี้ดูเหมือนจะไม่แพง เพราะยังไงสิทธิ์พวกนี้มีแต่อันตราย พวกลูกหลานขุนนางไม่กล้าไปแข่งขันส่งเดช เพราะถ้าไม่ถูกเลือกก็จะน่าขายหน้าคนอื่นเขา ยอดฝีมือพวกนั้นจะยอมเสียหน้าได้ยังไงกัน ดังนั้นต่อให้ไม่ถูกเลือกก็ขอให้ได้กำจัดคู่แข่งคนอื่นๆ ให้มีชื่อเสียงมากขึ้น ตอนนั้นมียอดฝีมือของจอมทัพสวรรค์อุดรไม่ถูกเลือก เขาจึงสังหารคู่แข่งระหว่างการแข่งขันไปเก้าคน กลับไปก็ได้ตกรางวัลอย่างหนัก”  

 

 

หลี่ว์ซู่เข้าใจแล้ว ความหมายก็คือ ถึงไม่ถูกเลือกแต่ถ้าได้สังหารคนจากฝ่ายอื่นจำนวนมากก็จะไม่สร้างความอับอายต่อตระกูลตนเอง!  

 

 

ส่วนเรื่องการหาเงิน … ที่นี่ใช้เงินธนบัตร เขาต้องคิดวิธีหาเงินมาซื้อสิทธิ์? ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก เขาต้องใช้สมองสักหน่อย..  

 

 

“แต่ฆ่าคนไปเก้าคนยังไม่ถูกเลือก มันเพราะอะไร” หลี่ว์ซู่สงสัย  

 

 

“เจ้าสำนักกระท่อมกระบี่คนนี้น่าสนใจ การแข่งขันเป็นเพียงด่านแรก ยังมีการคัดเลือกอีกมากมาย แค่มีพลังอย่างเดียวไม่พอ แต่จะทดสอบอะไรยังไงนั้น ฉันไม่รู้” จางเว่ยอวี่ ส่ายหน้าและพูดว่า “ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ลูกศิษย์ของสำนักกระท่อมกระบี่ ไม่เคยพูดถึงเรื่องนั้นเลยและผู้แพ้ก็ถูกขอให้ห้ามบอกเรื่องนี้ ไม่มีใครกล้าขัดประสงค์ของสำนักกระท่อมกระบี่ด้วย”  

 

 

“เอาล่ะ” หลี่ว์ซู่พยักหน้า “คุณไปกับพวกเราไหม ไปกับพวกเรารับรองว่าสุขสบายกว่าตอนนี้แล้วก็ไม่ต้องขายตัวเป็นทาสด้วย”  

 

 

   

 

 

หลี่ว์ซู่เชิญชวนอย่างจริงจัง มีบุคคลที่รู้หลายสิ่งหลายอย่างอยู่เคียงข้าง เขาและหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็ประหยัดเวลาเดินทางไปยังเป้าหมายได้ แล้วมีแหวนมิติของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ ต่อให้ไม่มีเงินก็ไม่อดตาย  

 

 

“ไม่” จางเว่ยอวี่ยิ้ม “ฉันอยู่ที่นี่ก็มีความสุขดี”  

 

 

“มันคุ้มหรือ” หลี่ว์ซู่ถามทันที จางเว่ยอวี่ไม่เคยบอกว่าเขาอยู่ที่นี่ทำอะไร หลี่ว์ซู่ก็ไม่เคยถาม ในตอนนี้จู่ๆเขาถามเช่นนี้ก็หมายความว่าเขาต้องการบอกจางเว่ยอวี่ว่าที่จริงเขารู้ว่าจางเว่ยอวี่มีภารกิจใหญ่บางอย่างอยู่  

 

 

จางเว่ยอวี่ยิ้มและพูดว่า “ฉันไม่รู้ว่าเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ ความเชื่อที่ยืนหยัดให้ฉันมีชีวิตจนถึงตอนนี้มีเพียงอันเดียว ฉันแค่อยากรอจนถึงสักวันหนึ่งที่ได้มอบชีวิตนี้ออกไป ฉันก็พอใจแล้ว”  

 

 

หลี่ว์ซู่และหลี่ว์เสี่ยวอวี๋แยกตัวจากจางเว่ยอวี่ ปล่อยให้เขาเดินทางขึ้นเหนือ เขาหันหน้ากลับไปมองภาพที่หลี่ว์ซู่จูงมือหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ เขาคิดว่าเป็นภาพที่สวยงามมากอย่างไม่มีสาเหตุ  

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset