ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 532 กระรอกเสี่ยวซยงสวี่ สมาชิกใหม่ของหน่วยรักษาความปลอดภัย

หลี่ว์ซู่กลับมาถึงอพาร์ตเมนต์หลังจากไม่ได้กลับมานาน เขาสังเกตเห็นว่าห้องดูสะอาดสะอ้านมาก ปกติแล้วถ้าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋อยู่บ้านคนเดียว เธอจะไม่ทำงานบ้านเลย ตอนหลี่ว์ซู่กลับมาถึงบ้านจะเห็นว่าบ้านนั้นอยู่ในสภาพรกๆ เสมอ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย เสี่ยวอวี๋ทำความสะอาดบ้านก่อนออกไปงั้นเหรอ

 

 

ไม่… หลี่ว์ซู่เอานิ้วลูบโต๊ะแล้วพบว่าไม่มีแม้แต่รอยฝุ่นติดนิ้วมา

 

 

ถึงแม้ว่าเสี่ยวอวี๋จะทำความสะอาดก่อนไปแต่มันก็ผ่านมาหนึ่งอาทิตย์แล้วอยู่ดี แถมเสี่ยวอวี๋ยังอยู่กับเขาต่อที่เมืองหลวงอีกหนึ่งอาทิตย์ มันก็ควรที่จะมีฝุ่นเกาะแล้วสิ

 

 

ทันใดนั้นเองกระรอกเสี่ยวซยงสวี่ก็กระโดดออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับถือผ้าขนหนูไว้ในมือ มันจ้องมองหลี่ว์ซู่กับเสี่ยวอวี๋ด้วยความดีใจ มันวางผ้าขนหนูลงทันทีแล้วก็เดินไปเขียนอะไรยุกยิกที่หนังสือบนโต๊ะ

 

 

‘กลับมากันสักที ตอนนี้ขอออกไปเล่นข้างนอกได้ยังอะ’

 

 

ปากของหลี่ว์ซู่กระตุก เขาไม่สามารถพึ่งเสี่ยวอวี๋ในสถานการณ์แบบนี้ได้เหมือนกัน…

 

 

แต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยให้กระรอกเสี่ยวซยงสวี่ออกไป

 

 

“ตอนนี้แกควบคุมหนูได้ทั้งหมดกี่ตัวแล้ว”

 

 

กระรอกเสี่ยวซยงสวี่ชะงักไปหน่อยหนึ่งเพื่อคิด จากนั้นก็เขียนตอบ ‘ประมาณห้าหมื่นตัวได้’

 

 

“เยอะขนาดนั้นเลย แกควบคุมพวกมันได้หมดเลยเหรอ” หลี่ว์ซู่อ้าปากค้างด้วยความอึ้ง

 

 

‘ถ้าฉันยังแข็งแกร่งอยู่แบบนี้ พวกหนูก็ฟังฉันหมดแหละ’ เจ้ากระรอกเขียนลงหนังสืออย่างภูมิใจ

 

 

“โห…” หลี่ว์ซู่เลิกคิ้ว “มีหนูที่อยู่สูงกว่าระดับ F กันกี่ตัวล่ะ”

 

 

เจ้ากระรอกเขียนตัวเลขลงหนังสือเป็นเลขที่ชัดเจนว่า ‘617’ หลี่ว์ซู่ตกใจมาก เขาไม่เคยคิดว่าเจ้ากระรอกจะฉลาดถึงขนาดเขียนบอกตัวเลขที่ชัดเจนแม่นยำได้ถึงเพียงนี้

 

 

จำนวนนี้นี่ค่อนข้างเยอะเลยนะ นอกจากเครือข่ายฟ้าดินแล้วจะมีองค์กรไหนมีอิธิพลขนาดนี้อีก

 

 

แต่เขาคิดว่าขนาดเครือข่ายฟ้าดินคงไม่รู้เลยมั้งว่ามีประชากรที่ไม่ใช่มนุษย์อยู่ใต้บังคับบัญชามากมายขนาดนี้ภายใต้การดูแลของหลี่ว์ซู่

 

 

หลี่ว์ซู่สังเกตคลื่นพลังที่ออกมาจากเจ้ากระรอก พลังของมันเทียบเท่ากับระดับ C ขั้นเริ่มต้นเลย หลี่ว์ซู่ยื่นผลล้างไขกระดูกสองผลให้กับเจ้ากระรอก มันถึงกับร้องไห้ออกมาด้วยความตื้นตันใจ คุ้มกับที่ทำงานบ้านไปจริงๆ!

 

 

เพราะหลี่ว์ซู่บังคับมันทำงานบ้าน เจ้ากระรอกเลยมองว่าหลี่ว์ซู่เป็นคนไม่ดี ส่วนเสี่ยวอวี๋เป็นคนดี แต่หลังจากที่มันได้ผลล้างไขกระดูกมาจากหลี่ว์ซู่และถูกเสี่ยวอวี๋สั่งให้ทำงานบ้าน มันก็เปลี่ยนมุมมองใหม่ หลี่ว์ซู่เป็นคนดี ส่วนเสี่ยวอวี๋เป็นคนไม่ดี

 

 

มันเป็นกระรอกปรับตัวเก่ง…

 

 

ตอนหลี่ว์ซู่ยังอยู่ที่เมืองหลวง เขาได้คุยกับห่าวจื้อเชาเรื่องปัญหาจากสัตว์วิเศษที่เริ่มมีมากขึ้น เครือข่ายฟ้าดินมีสัตว์วิเศษในครอบครองอยู่มาก สัตว์บางส่วนจะถูกซ่อนไว้ ห่าวจื้อเชาบอกว่าเนี่ยถิงมักจะไปที่ภูเขาฉางไป่เพื่อดูแลเลี้ยงดูสัตว์วิเศษและอยู่ที่นั่นประมาณวันสองวัน ซึ่งก็ไม่ใช่ความลับอะไร

 

 

สาเหตุที่เนี่ยถิงไปที่ภูเขาก็เพราะที่นั่นมีสัตว์วิเศษอยู่ บางตัวเขาก็เลี้ยงและดูแลด้วยตัวเอง

 

 

สัตว์วิเศษแต่ละตัวมีความสามารถแตกต่างกันออกไป ในฐานะที่ห่าวจื้อเชาเป็นผู้จัดการเรื่องรายงานทั่วไปในเครือข่ายฟ้าดิน เขาจึงเชี่ยวชาญมากในเรื่องการเลี้ยงดูสัตว์วิเศษ เขารู้ว่าสัตว์วิเศษถูกแบ่งออกเป็นหลายระดับ บางสายพันธุ์ก็มีสมรรภาพดีกว่า พลังเลยมากกว่า พวกมันเลยดูดซับพลังจิตวิญญาณเพื่อเพิ่มระดับตัวเองได้เร็วกว่า

 

 

ส่วนพวกที่สมรรถภาพต่ำลงมาก็จะเพิ่มระดับได้ช้าลงด้วย และพวกนี้ก็จะเพิ่มระดับไปถึงจุดสูงสุดได้ง่ายกว่าและจะไม่เพิ่มไปมากกว่านั้นแล้ว

 

 

ว่ากันตรงๆ ถ้าเจ้ากระรอกนี่ไม่มาเจอหลี่ว์ซู่ พลังของมันก็คงจะมาคงอยู่แค่ระดับ E แต่หลังจากที่มันกินผลล้างไขกระดูกไปจำนวนมาก การเพิ่มพลังไปเป็นระดับ B จึงพอจะเป็นไปได้ หรือกระทั่งเพิ่มระดับไปมากกว่านั้นก็เป็นไปได้เหมือนกัน ต้องรอดูกันไปว่าขีดจำกัดของเจ้ากระรอกนี่จะไปหยุดอยู่ตรงไหน

 

 

สัตว์วิเศษสามตัวอย่างเจ้าแมวยักษ์ เจ้าหมูพยศ และเจ้ากระรอกน้อยเสี่ยวซยงสวี่เป็นเหมือนกับครอบครัวกัน หลี่ว์ซู่ใจดีกับพวกมันมาก เพราะโลกนี้ต้องการการพึ่งพาซึ่งกันและกันเพื่อต่อสู้กับอุปสรรคต่างๆ ทุกคนจึงล้วนแต่ต้องทำตัวเองให้แข็งแกร่ง

 

 

หลี่ว์ซู่นั่งคิดอะไรไปพักหนึ่ง จากนั้นเขาก็ให้น้ำที่ผสมน้ำจากผลล้างไขกระดูกไปสองถัง

 

 

“เอานี่ไปให้พี่น้องแกด้วย คอยดูว่าพวกมันจะเลื่อนระดับเป็นระดับ E ได้หรือเปล่า อย่าเพิ่งให้พวกเขาเลื่อนระดับกันเยอะล่ะ เพราะฉันรู้ว่าแกต้องใช้พลังงานในการควบคุมพวกนั้นเยอะ อย่าเพิ่งชะล่าใจไป เดี๋ยวฉันอาจจะต้องใช้งานพวกหนูของนายเร็วๆ นี้ก็ได้”

 

 

เจ้ากระรอกน้อยเสี่ยวซยงสวี่เพิ่งได้กินผลล้างไขกระดูกที่ได้จากหลี่ว์ซู่ไป มันเลยทำตามที่เขาบอกอย่างว่าง่าย มันจะเอาน้ำผสมน้ำผลล้างไขกระดูกนี่ไปแจกเหล่าหนูพวกนั้น ก่อนที่มันจะเดินออกไป มันก็มองหน้าหลี่ว์ซู่เป็นนัยว่ามันจะทำตามที่บอก แต่หลี่ว์ซู่ดันไม่เข้าใจสิ่งที่มันสื่อ…

 

 

หลี่ว์ซู่พูดความจริงเรื่องที่ว่าเขาจะใช้หนูพวกนั้นเร็วๆ นี้ เพราะก่อนเขากลับมาที่นี่ เขาได้รับแจ้งเตือนมาว่าเขาจะต้องไปรายงานต่อฝ่ายความปลอดภัย แล้วคำสั่งนี้ก็ถูกโอนไปให้ซีเฟ่ย

 

 

ซีเฟ่ยและกลุ่มของเขาถือว่าได้รับการยอมรับเรื่องการปฏิบัติหน้าที่ทางทหารมาก พวกเขาได้รับการดูแลเป็นพิเศษ รวมถึงได้รับอุปกรณ์และของต่างๆ ที่มีคุณภาพดี ตอนนี้พวกเขาใกล้จะเลื่อนเป็นระดับ C กันแล้ว ซึ่งซีเฟ่ยเป็นหัวหน้าของฝ่ายความปลอดภัยของผู้บำเพ็ญในเมืองลั่วเฉิงนี่เอง

 

 

ในตอนที่ซีเฟ่ยได้รับคำสั่งมา เขาตกใจเล็กน้อย เพราะปกติเขาจะได้รับข้อมูลทุกอย่างมาชัดเจน แต่พอเป็นข้อมูลของหลี่ว์ซู่ กลับไม่มีอะไรบอกเลย มีแค่ชื่อ เพศ และวันเกิดเท่านั้นที่ถูกส่งมา

 

 

ตอนแรกพวกเขาก็คิดว่าน่าจะเป็นคนชื่อเหมือน เพราะพวกเขาเพิ่งช่วยน้องสาวกำพร้าของหลี่ว์ซู่ไปจากการโดนกลั่นแกล้ง ทุกคนต่างก็คิดว่าหลี่ว์ซู่ตายไปแล้ว

 

 

ทว่าพอจงอวี้ถังออกปากยืนยันข้อมูลนี้เอง พวกเขาถึงเพิ่งมารู้ว่าหลี่ว์ซู่คนนี้ก็คือหลี่ว์ซู่ที่พวกเขาคิดว่าตายไปแล้วนั่นเอง จงอวี้ถังไม่ได้จะปกปิดอะไร เขาบอกว่าเขาจะต้องร่วมมือกับหลี่ว์ซู่ โดยให้หลี่ว์ซู่แกล้งตายเพื่อจะได้รับค่าว่าจ้างจากอาณาจักรแห่งความมืด แล้วตอนนี้พวกเขาก็ได้เงินเรียบร้อยแล้ว หลี่ว์ซู่ก็เลยได้กลับมาเป็นตัวเขาอีกครั้ง แต่เขาไม่ได้บอกซีเฟ่ยไปว่าตอนนี้หลี่ว์ซู่ได้เลื่อนเป็นยศร้อยโทแล้ว เนี่ยถิงกำชับไว้ว่าไม่ให้บอกซีเฟ่ยเพราะเขามียศเป็นผู้ช่วยร้อยโทอยู่ ถ้าบอกไปเดี๋ยวจะอึดอัดกันเปล่าๆ

 

 

พวกเขาเพิ่งเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ว่ามีบางอย่างผิดปกติ ซีเฟ่ยเลยถามไปทางโทรศัพท์

 

 

“หลี่ว์ซู่ไม่ต้องไปเรียนที่วิทยาลัยลั่วเฉิงเหรอ ทำไมเขาถึง…” แต่เขาก็พูดไม่จบ ซีเฟ่ยได้ยินจงอวี้ถังกดเสียงต่ำลง

 

 

“อย่าไปพูดเรื่องวิทยาลัยลั่วเฉิงนี่กับหลี่ว์ซู่เชียวนะ ขอร้องล่ะ…”

 

 

พวกเขามองหน้ากันด้วยความไม่เข้าใจ มันเกิดอะไรขึ้นกัน

 

 

แล้วเหตุผลที่หลี่ว์ซู่ต้องการพวกหนูก็เพราะคำสั่งนี้แหละ

 

 

เขาถูกส่งไปที่หน่วยรักษาความปลอดภัย เขาก็เลยไปตามนั้น แต่หลี่ว์ซู่ก็คิดว่าถึงแม้ตัวเองจะไม่ได้ไปเรียนที่วิทยาลัยลั่วเฉิงแล้ว เขาก็ยังไปเรียนต่อมหาวิทยาลัยอื่นได้อยู่นี่ หากเขาไม่สามารถเข้าวิทยาลัยสำหรับฝึกฝนได้ เขาก็จะทำตามแผนเดิมแล้วสอบเข้ามหาวิทยาลัยอื่นแทน อาจจะเป็นที่ที่ไม่ไกลมาก เขาไม่ได้คาดหวังว่าจะต้องเป็นมหาวิทยาลัยชื่อดังอะไร แค่มหาวิทยาลัยในเมืองลั่วก็พอแล้ว

 

 

ถ้าทำตามนั้น เขาจะต้องไปทบทวนบทเรียนที่เขาหายไปในสองสามเดือนที่ผ่านมานี้ แต่เขาจะเอาเวลาที่ไหนไปจัดการกับเรื่องความปลอดภัยของผู้คนล่ะ

 

 

เพราะงั้นเขาเลยจะเอาเจ้ากระรอกนี่ไว้เป็นตัวแทน ถ้ามีเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของประชาชน เขาก็จะปล่อยให้เจ้ากระรอกจัดการแทน

 

 

หลังจากที่เจ้ากระรอกกินผลล้างไขกระดูกที่เขาให้ไปแล้ว มันก็ไม่สามารถนั่งนิ่งเฉยๆ โดยไม่ทำอะไรได้ จะมาเข้าฝันเพื่อขายเหรียญออนไลน์ก็ไม่ได้เหมือนกัน!

 

 

“แกจะมาขายเหรียญออนไลน์ในฝันไม่ได้ จะทำธุรกิจก็ต้องรู้จักพลิกแพลง เข้าใจไหม” หลี่ว์ซู่พูดกับเจ้ากระรอกอย่างจริงจัง

 

 

แต่ดูเหมือนเจ้ากระรอกจะไม่เข้าใจเท่าไหร่

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset