ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 942 ก่อเรื่องชั่วร้าย

 

 

 

ผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่ครุ่นคิดมาตลอดในช่วงสองวันที่ผ่านมา เขามาเพื่อสู้รบ เขาบุกตีเอาชนะมาได้มากมายหลายเมืองแล้ว แต่บัดนี้เขากลับมาเริ่มแอบเล่นพนันได้อย่างไรกันนี่?!  

 

 

ผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่ไม่เชื่อมั่นในกองทัพอู่เว่ย แต่คำพูดของหลิวอี้เจาก็เกลี้ยกล่อมเขาได้ “กองทัพอู่เว่ยของพวกเราจะทำเงินได้มากมายในอนาคต หากพวกเราต้องการทำเงินจำนวนมาก พวกเราย่อมต้องรักษาสัญญาของพวกเราอย่างแน่นอน คำไหนคำนั้น พวกเราจะไม่ทำข้อตกลงเพียงแค่ครั้งเดียว คุณเข้าใจความหมายของความไว้วางใจใช่ไหมล่ะ? และด้วยความไว้วางใจนี้ ทุกคนก็ย่อมจะสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างไร้กังวลในอนาคต”  

 

 

ผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่ใคร่ครวญในใจว่า หรือกองทัพอู่เว่ยคิดที่จะร่วมมือกับเขาในครั้งต่อไปอีก?   

 

 

แต่นี่ก็ยังไม่ใช่พื้นฐานสำหรับผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่ที่จะให้ความไว้วางใจกองทัพอู่เว่ยได้ เพราะพวกเขาได้ร่วมมือกับบ่อนพนันและฆ่าคนไปมากมาย ดังนั้นทำไมเขาถึงจะไว้วางใจได้ด้วยเพียงแค่คำพูดไม่กี่คำล่ะ?  

 

 

แต่เมื่อผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่เผยให้เห็นทีท่ากังวลของเขา หลิวอี้เจาก็หยิบใบเรียกเก็บเงินพนันออกมาซึ่งระบุการเดิมพันว่ากองทัพอู่เว่ยจะไม่ส่งกองกำลังของพวกเขาซึ่งมีมูลค่าการเรียกเก็บเงินถึงจำนวนสองล้านหยวน นี่ถือเป็นเงินออมในเวลานี้ทั้งหมดของกองทัพอู่เว่ยที่ในตอนนั้น หลิวอี้เจาเก็บมาจากกองทัพชิงไส้  

 

 

เมื่อเห็นเช่นนี้ ผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่จึงรู้สึกเชื่อมั่นในกองทัพอู่เว่ย จริงๆ แล้วเขาก็กำลังคิดว่า กองทัพอู่เว่ยนี้มีความทะเยอทะยานมาก และตอนนี้พวกเขาก็เริ่มสร้างชื่อด้านความซื่อสัตย์และความน่าเชื่อถือของตัวเองเพื่อประโยชน์ที่พวกเขาจะได้ร่วมมือกับเจ้ามือในบ่อนพนันในอนาคตใช่หรือไม่?  

 

 

จากนั้น หลังจากที่กองทัพอู่เว่ยซื้อหมูสามร้อยตัวและสุรามากกว่าสามพันขวดจากเมืองอวิ๋นอาน ผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่ก็ขอให้สหายของเขาเพิ่มเงินเดิมพันขึ้นไปอีกห้าล้าน  

 

 

กองทัพอู่เว่ยส่งผู้ใต้บังคับบัญชามาเพื่อชักชวนพวกเขา เห็นได้ชัดว่าพวกเขาต้องการฉลองชัยชนะและให้รางวัลฉลองความสำเร็จแก่กองทัพของพวกเขา ซึ่งนี่จะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับกองทัพเฮยอวี่ พวกเขาควรจะคว้าโอกาสนี้เข้าสู่ภูเขาหรือไม่?  

 

 

ผู้บัญชาการกองทัพเฮยอวี่ครุ่นคิดเช่นนี้ แต่แล้วก็ตัดความคิดนั้นออกไปทันที “จะแน่ใจได้หรือว่าหากเข้าไปในภูเขาจะได้พบพวกเขา…”  

 

 

พวกเขาจะพบเหล่านักรบไร้ตัวตนเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!  

 

 

ในความเป็นจริงแล้ว เดิมทีหลี่ว์ซู่ต้องการให้หลิวอี้เจาไปหาขุนนางสองสามคนก่อน เพราะหากเขาร่วมมือกับขุนนางเหล่านี้ได้ พวกเขาก็อาจจะสังหารกองทัพเฮยอวี่ทางเหนือได้ เดิมทีกองทัพอู่เว่ยก็มีพื้นเพมาจากทางเหนือ และกองทัพเฮยอวี่ก็คือศัตรูของพวกเขา  

 

 

แต่เหล่าขุนนางชั้นสูงเหล่านั้นกลับตั้งใจแน่วแน่ที่จะทิ้งกองทัพอู่เว่ย ดังนั้นพวกเขาจึงปฏิเสธกองทัพอู่เว่ยทันที  

 

 

นั่นจึงเป็นผลให้หลี่ว์ซู่โมโห ‘หากไม่อยากทำธุรกิจกับฉัน ก็อย่ามาดูถูกฉันสิ!’ ดังนั้นเขาจึงทำธุรกิจนี้กับกองทัพเฮยอวี่  

 

 

ยิ่งไปกว่านั้น หลี่ว์ซู่ยังจริงจังกับการทำธุรกิจ ในอดีตนั้น เมื่อเขาได้รับแต้มอารมณ์ เขาก็จะให้ความสำคัญกับการพัฒนาที่ยั่งยืนอยู่เสมอ และแน่นอนว่า ในตอนนี้เขาต้องทำสิ่งเช่นเดียวกันนี้  

 

 

บางทีเขาอาจจะติดอยู่ในโลกนี้สักพัก ความซื่อสัตย์และความไว้วางใจย่อมเป็นวิธีที่จะทำเงินได้ใช่ไหมล่ะ? ใครจะรู้ล่ะ? บางทีเมื่อออกจากจักรวาลหลี่ว์ไปได้ หลี่ว์ซู่ก็อาจจะนำของที่ระลึกพิเศษจากที่นี่กลับไปได้มากมาย อย่างเช่น หินวิเศษ ชุดเกราะ อาวุธ และอื่นๆ…  

 

 

แต่ในสงครามครั้งนี้ กองทัพอู่เว่ยจะอยู่ในภูเขาราชันหลี่ว์ และไม่ส่งกองกำลังของพวกเขาออกไปจริงๆ หรือ? มันเป็นไปไม่ได้  

 

 

บ่อนพนันเปิดเดิมพันว่า กองทัพอู่เว่ยจะส่งกองกำลังของพวกเขาและแอบร่วมมือกับกองทัพขุนนางชั้นสูงในที่ลับหรือไม่?  

 

 

ประโยคหลังนั้นสำคัญกว่า เพราะตราบใดที่กองทัพอู่เว่ยไม่ได้ต่อสู้กับกองทัพเฮยอวี่ นั่นก็จะไม่ถือว่าเป็นความร่วมมือกันแบบลับๆ!   

 

 

และดังนั้นกองทัพอู่เว่ยก็อาจต้องต่อสู้กับเหล่าขุนนางอย่างโจ่งแจ้ง…  

 

 

อย่างไรก็ตาม กองทัพอู่เว่ยและขุนนางชั้นสูงต่างก็เป็นพวกอยู่ทางเหนือ ซึ่งหากพวกเขาต่อสู้กันอย่างโจ่งแจ้งแล้วถูกจอมทัพสวรรค์ออกมาสอบสวนเองล่ะ พวกเขาจะทำอย่างไร?  

 

 

ทันใดนั้น กลุ่มโจรกลุ่มเล็กๆ ที่เรียกกันว่า ‘กำจัดความยากจนและสร้างสมความร่ำรวย’ ก็ปรากฏตัวขึ้นที่ทางเหนือของช่องเขาเว่ยเป่ย พวกเขาปล้นอาหารและเสบียงที่ขุนนางครอบครองไปทั่วทุกหนทุกแห่ง เมื่อพวกเขาออกอาละวาดก็ทำให้กองทัพขุนนางต้องประสบกับความสูญเสียอย่างหนัก…  

 

 

พวกขุนนางต่างพากันพูดไม่ออกเมื่อโจรกลุ่มนี้ที่เรียกว่า ‘กำจัดความยากจนและสร้างสมความร่ำรวย’ ปรากฏตัวออกมา แน่นอนว่าพวกเขารู้ว่านี่คือกองทัพอู่เว่ย แต่โจรพวกนี้ไม่ได้สวมชุดเกราะของกองทัพอู่เว่ย และอย่างที่สองก็คือ พวกขุนนางก็จับกุมพวกเขาไม่ได้เลยเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงหาหลักฐานไม่ได้แม้แต่น้อย  

 

 

โจรกลุ่มนี้ที่เรียกว่า ‘กำจัดความยากจนและสร้างสมความร่ำรวย’ ต่างก็ปกปิดใบหน้าของพวกเขา และเป้าหมายของพวกเขาก็เป็นเพียงเสบียงและอาหารปันส่วนเท่านั้น โดยที่ไม่ได้ทำอะไรอื่นเลย  

 

 

ครั้งแรกที่กลุ่มโจร ‘กำจัดความยากจนและสร้างสมความร่ำรวย’ บุกเข้าโจมตี พวกขุนนางก็เผชิญกับกลุ่มที่หลี่เฮยทั่นและหลิวอี้เจาเป็นผู้นำ ซึ่งพวกเขาสวมหน้ากากปกปิดใบหน้าของพวกเขาเอาไว้ และเมื่อผู้บัญชาการกองทัพขุนนางเห็นเข้าก็ตื่นตระหนกขณะกล่าวว่า “พวกทหารของกองทัพอู่เว่ยเหรอ…”  

 

 

แต่ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ หลี่เฮยทั่นก็ตกใจเช่นกัน “อย่าใส่ร้ายพวกเรา พวกเราเป็นโจร อุดมคติของพวกเราก็คือการเป็นโจร และหากทำลายอุดมคติของพวกเรา พวกเราก็จะบดขยี้ทันที!”  

 

 

แล้วผู้บัญชาการกองทัพขุนนางก็พูดไม่ออก “…”   

 

 

ข่าวนี้ถูกส่งกลับไปยังราชสำนักด้วย อันที่จริงแล้ว มีหลายคนรู้ว่านี่เป็นการต่อสู้ภายในระหว่างกองทัพอู่เว่ยกับกองทัพขุนนาง แต่ปราศจากหลักฐาน  

 

 

และเรื่องนี้ก็ไม่เกี่ยวกับการเดิมพันของพวกเขาด้วย ทุกคนจึงไม่สนใจ  

 

 

แต่ทุกคนในเมืองหลวงต่างก็พากันฉงนสนใจ สงครามระหว่างดินแดนทางเหนือและดินแดนทางตะวันตกนั้นน่าทึ่งมากจริงๆ และขณะที่พวกเขาต่อสู้กัน แม้แต่กลุ่มโจรที่เรียกกันว่า ‘กำจัดความยากจนและสร้างสมความร่ำรวย’ ก็ยังออกเคลื่อนไหวด้วย มันช่างแปลกประหลาดจริงๆ …  

 

 

กองทัพอู่เว่ยทำอะไรให้จริงจังกว่านี้ได้ไหม? กำจัดความยากจนและสร้างสมความร่ำรวย งั้นเหรอ? นี่พวกคุณจริงจังไหม?  

 

 

วิเศษล่ะสิ คราวนี้ทั่วทั้งจักรวาลหลี่ว์ทั้งหมดก็รู้ว่ากองทัพอู่เว่ยนั้นรักเงินอย่างมาก  

 

 

และหลี่ว์ซู่รู้สึกว่า เขาจะเลิกใช้คติพจน์ของหมู่บ้านมังกรฟ้าแล้ว พวกเขาจะทำอะไรได้ล่ะ?   

 

 

และในสภาพแวดล้อมที่ยากลำบากเช่นนี้ กองทัพขุนนางก็ไปถึงช่องเขาเว่ยเป่ย แต่ในระหว่างกระบวนการนี้ก็ทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่า ไม่ใช่ว่ากองทัพเฮยอวี่จะอ่อนแอ แต่พวกเขาไม่รู้ว่าจะต่อสู้กับกองทัพอู่เว่ยได้อย่างไรจริงๆ…  

 

 

มีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่จะรู้ได้ว่า เหตุใดเวลานี้กองทัพอู่เว่ยถึงได้แข็งแกร่งขึ้นมาเช่นนี้?!  

 

 

เหล่าขุนนางต่างรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง แล้วคิดว่าเมื่อสงครามยุติลง พวกเขาจะต้องไปหาจอมทัพสวรรค์และรายงานเรื่องของกองทัพอู่เว่ยนี้ พวกเขาก่อให้เกิดความวุ่นวายและสร้างผลกระทบจากการทำสงครามมากเกินไป!  

 

 

หลี่ว์ซู่สังเกตการต่อสู้เพื่อยึดช่องเขานั้นในระยะไกลจากบนภูเขา เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “แม้พวกเราจะเปลี่ยนธงคติพจน์ของเราเป็น ‘กำจัดความยากจนและสร้างสมความร่ำรวย’ แต่ก็ยากที่จะแน่ใจได้ว่า จอมทัพสวรรค์จะไม่ตรวจสอบเรื่องนี้ ดังนั้นพวกเรายังต้องคิดหาทางออกให้กับกองทัพอู่เว่ย”  

 

 

จางเว่ยอวี่พูดไม่ออกเป็นเวลานาน “ยากที่นายจะรู้ว่าความคิดนี้งี่เง่ามากแค่ไหน?”  

 

 

หลี่ว์ซู่กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในสงครามมักเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว จะมีผู้บัญชาการคนใดมั่นใจได้ว่ากลยุทธ์ของเขานั้นจะถูกต้องอย่างแน่นอน?”   

 

 

“แต่เมื่อพวกเขารู้ว่าผิด พวกเขาก็จะแก้ไข แล้วนายล่ะ…นายก็จะว่าอย่ามายุ่งกับฉันนะ!”  

 

 

“ได้รับแต้มอารมณจากจางเว่ยอวี่+666!”  

 

 

หลี่ว์ซู่คิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “เก็บเสบียงอาหารและของมีค่าในภูเขาซะ หากสงครามนี้ยุติลงก่อนที่จะถึงการคัดเลือกของกระท่อมกระบี่ พวกเราก็จะต้องออกจากภูเขาราชันหลี่ว์ และแน่นอนว่าหากการคัดเลือกของกระท่อมกระบี่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้น ทุกอย่างก็ยังไม่มีปัญหา พวกเขาจะไม่กล้ามีเรื่องกับคนของกระท่อมกระบี่”   

 

 

“แล้วหากการคัดเลือกของกระท่อมกระบี่ยังไม่เริ่มในขณะที่สงครามสิ้นสุดลง พวกเราจะไปที่ไหนกัน?” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ถามด้วยความสงสัย “ตอนนี้ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารแล้ว พวกเราจะมีกินเพียงพอไปถึงห้าปี…”  

 

 

หลี่ว์ซู่พลันตื่นตกใจ “พวกเราเอามามากไปหรือเปล่านี่?”  

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พยักหน้าเงียบๆ “กองทัพขุนนางเริ่มใช้ชีวิตอย่างประหยัดกันมาตั้งแต่สัปดาห์ที่แล้ว…”  

 

 

“หากการคัดเลือกของกระท่อมกระบี่ยังไม่เริ่มในขณะที่สงครามสิ้นสุดลง พวกเราก็จะไปทางดินแดนตะวันตก และจะกลับมาเมื่อการคัดเลือกของกระท่อมกระบี่ได้เริ่มขึ้นแล้ว…” หลี่ว์ซู่กล่าวอย่างสงบ  

 

 

ไม่มีใครคาดเดาได้ กองทัพอู่เว่ยเริ่มวางแผนรับมือกันแล้ว พวกเขาก่อเรื่องชั่วร้ายมามากเกินไป และดูเหมือนว่าดินแดนทางเหนือจะรับไม่ได้อีกต่อไปแล้ว…   

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

Status: Ongoing
หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset