ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 550

ตอนที่ 550 ตามหาตัวยอดฝีมือลับ

 

 

หลี่อีเสี้ยวไม่คิดว่าจะได้พบกับส่วนแบ่งที่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินขนาดนี้มาก่อน ส่วนใหญ่คนจะแบ่งกันสี่ต่อหก หรือแย่ที่สุดก็หนึ่งต่อเก้า นี่เขายังอุตส่าห์แบ่งเป็นจุดทศนิยมอีกได้ไงเนี่ย

 

 

“น้องชาย เข้าใจอะไรผิดเกี่ยวกับการตกลงแบ่งผลประโยชน์ร่วมกันหรือเปล่า” หลี่อีเสี้ยวตะลึงจนแทบบรรยายออกมาไม่ได้

 

 

ถ้าหลี่ว์ซู่จัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง เขาก็ต้องแบกรับความกดดันจากเนี่ยถิงอีก เขาเองก็ไม่มีเวลาไปวิ่งเต้นทำเรื่องเองด้วย ถึงแม้เขาจะอยากติดต่อกับตระกูลใหญ่เอง แต่เขาก็ไม่มีทางรู้วาบ้านของพวกเขาอยู่ไหน ถ้าไม่มีหลี่อีเสี้ยว เขาก็ทำงานนี้ให้สำเร็จไม่ได้

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่ยอมถอยง่ายๆ “องค์ท่านครับ มีบางอย่างที่ผมยังพูดตอนนี้ไม่ได้ แต่ผมขอยืนยันว่าส่วนแบ่งของท่านจะเป็นศูนย์จุดหนึ่ง และเงินที่ท่านจะได้น่ะมากกว่าสิบล้านแน่นอน ผมไม่ให้ท่านช่วยหรอกถ้าท่านจะไม่ได้อะไรเลย”

 

 

ถ้าหลี่ว์ซู่ไปพูดแบบนี้กับคนอื่นไปคงไม่มีใครยอมแน่ นี่ก็เหมือนกับการทำสัญญาอย่างหนึ่ง แล้วกำไรจะได้มาสิบล้านตามที่พูดจริงๆ หรือเปล่า มีหลักฐานอะไรมาแสดง

 

 

แต่คนที่หลี่ว์ซู่ตกลงจับมือทำงานด้วยกันคราวนี้คือหลี่อีเสี้ยวใน เพราะฉะนั้นมันจึงต่างออกไป

 

 

แน่นอนแหละว่าหลี่ว์ซู่ก็อยากจะร่วมมือกับคนอื่น แต่เขาก็ไม่อยากทำงานกับคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน

 

 

ทั้งหลี่ว์ซู่และหลี่อีเสี้ยวต่างเชื่อใจกันและกัน มิตรภาพนี้ได้มาจากการร่วมต่อสู้กันที่โบราณสถานเกาะช้าง ในตอนที่หลี่อีเสี้ยวฆ่าโนกิวะ ทาเกะโนบุ หลี่อีเสี้ยวแอบหนีออกไปแล้วทิ้งหลี่ว์ซู่ไว้ ถึงแม้ว่าจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับหลี่ว์ซู่ก็ตามเถอะ แต่พอมาคิดๆ ดูแล้วเขาก็ผิดที่ทำแบบนั้น

 

 

หลี่อีเสี้ยวใคร่ครวญเสียนานก่อนยอมตกลง “ถ้าผลออกมาแล้วไม่ได้ตามที่ตกลงไว้ ฉันไม่โอเคด้วยนะ!”

 

 

“ไม่ต้องเป็นห่วงครับ!” หลี่ว์ซู่ถอนหายใจด้วยความโล่งใจ อย่างน้อยหลี่อีเสี้ยวก็ยอมช่วยเขา

 

 

เนี่ยถิงอยากให้เขาเป็นราชันฟ้าและส่งเขาไปต่างประเทศ แต่หลี่ว์ซู่ไม่ยอม

 

 

เพราะฉะนั้นเนี่ยถิงเลยอยากแกล้งให้หลี่ว์ซู่ทำอะไรก็ติดขัดไปหมด เขาอยากให้หลี่ว์ซู่เข้าใจว่ามาหาผลประโยชน์อะไรในประเทศไม่ค่อยได้หรอก หลี่ว์ซู่ควรมองการณ์ไกลแล้วไปต่างประเทศซะ

 

 

แต่ในความเป็นจริง เนี่ยถิงก็ยังไม่รู้เรื่องว่าหลี่ว์ซู่ทำอะไรมาตอนอยู่ในกลุ่มทวยเทพ

 

 

หากคอรัลไม่โผล่มา เขาก็ไม่แน่ใจว่าทาคาชิมะจะสามารถขึ้นเป็นระดับ A ได้หรือเปล่า แต่ภาพลักษณ์ของหลี่ว์ซู่ถูกทำลายเพราะศิลาวิญญาณเก้าหมื่นเม็ดแน่นอน…

 

 

ตอนนี้หลี่ว์ซู่รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยแล้ว เขาเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงเพื่อหยุดทาคาชิมะ ไม่ใช่เพื่อศิลาวิญญาณ ถึงอย่างไรเขาก็ผิดแน่ๆ!

 

 

แล้วทันใดนั้นเอง ประตูห้องของครูใหญ่ก็ถูกเปิดออก หลี่ว์ซู่หันไปมองแล้วด็ต้องตกใจสุดขีด น่าหลานเชวี่ยนี่!

 

 

แต่น่าหลานเชวี่ยจำหลี่ว์ซู่ไม่ได้เพราะหลี่ว์ซู่ปลอมเป็นเก่าเสินอิ่นเมื่อคืน

 

 

“หลี่อีเสี้ยว!” น่าหลานเชวี่ยที่ใส่เสื้อนอกตัวหนาก้าวเดินเข้ามา

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าคนจีนชอบเรียกชื่อเต็มของอีกคนตอนโกรธสุดขีดเนอะ แต่ก็คงต่างกันไปตามถิ่นที่อยู่นั่นล่ะ ในจีนชอบเรียกกันแบบนี้ แต่ในต่างประเทศอาจจะไม่

 

 

อย่างชื่อบางชื่อที่ยาวมากๆ เช่นชื่อในเผ่าต่อสู้ นั่นก็อาจมีปัญหานิดหน่อย สมมุติว่ากำลังสู้กันตัวต่อตัวแล้วเกิดอยากเรียกชื่อศัตรูขึ้นมา… ‘เฮ้ย ไอ้คาเลบโซ แทนฟอร์ทิสตา บราทอส ทัมบูทอส เจสฟอร์ด เลโต… เมื่อกี้พูดชื่อไปว่าอะไรบ้างนะ…’

 

 

กว่าจะพูดเสร็จก็คงลืมชื่อไปก่อนพอดี…

 

 

จากที่หลี่ว์ซู่ได้ยิน น่าหลานเชวี่ยดูค่อนข้างอารมณ์เสียทีเดียว เธอตบโต๊ะที่หลี่อีเสี้ยวอยู่ “นายไม่อยากสู้เหรอ เมื่อวานทำไมถึงหนีไปล่ะ คิดจริงๆ เหรอว่าฉันสู้นายไม่ได้ นายเลยหนีไปน่ะ”

 

 

หลี่อีเสี้ยวเลิ่กลั่ก “มีนักเรียนอยู่นะ ไว้หน้ากันบ้างสิ!”

 

 

น่าหลานเชวี่ยมองหน้าหลี่ว์ซู่แล้วก็กระแอมออกมา จากนั้นเธอก็เงียบไป เธอทัดผมที่ปรกอยู่บริเวณกรอบหน้ากับหู

 

 

“อะแฮ่ม นักเรียน ถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปห้องเรียนเสียสิ”

 

 

“ครับ” หลี่ว์ซู่ไม่ได้พูดอะไรต่อแล้วค้อมหัวให้ จากนั้นเขาก็เดินออกไป “ขอบคุณมากครับครูใหญ่”

 

 

ขณะเดินออกไปเขาก็ได้ยินน่าหลานเชวี่ยตะโกนเสียงดังราวกับฟ้าผ่า “หลี่อีเสี้ยว จะหนีไปไหนอีกล่ะคราวนี้!”

 

 

หลี่ว์ซู่ที่ยืนอยู่ที่โถงทางเดิน เขาเหลือบมองดูพวกครูที่เดินออกมาจากห้องพักครู ครูพวกนั้นมองเข้าไปในห้องพักครูใหญ่อย่างตกตะลึง

 

 

ใจจริงหลี่ว์ซู่ก็อยากช่วยหลี่อีเสี้ยวอยู่เหมือนกันละนะ แต่ว่านี่เป็นเรื่องครอบครัวของเขา ไม่มีประโยชน์อะไรที่เขาจะเข้าไปยุ่งเกี่ยว น่าหลานเชวี่ยไม่อยากให้เขาโจมตีหลี่อีเสี้ยว และหลี่อีเสี้ยวเองก็ไม่อยากให้เขาจู่โจมน่าหลานเชวี่ยเช่นกัน

 

 

น่าหลานเชวี่ยดูแล้วก็อยากจะช่วยรักษาหน้าตาหลี่อีเสี้ยวไว้ แต่หลี่ว์ซู่คิดว่าพวกเขาไม่น่าจัดการปัญหานี้ได้ในระยะเวลาสั้นๆ หรอก…

 

 

แล้วอีกอย่างหลี่ว์ซู่ก็คิดว่าทั้งสองคนดูเหมาะสมกันดี…

 

 

ถ้าอยากจะรักกันและอยากจะตีกันให้ตายก็ปล่อยพวกเขาไปเถอะ มีคู่ไหนบ้างที่ไม่ทะเลาะกันในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่แค่คุยกันดีๆ ก็จบแล้ว ดูจากที่เห็นแล้วสองคนนี้คงได้ตีกันไปอีกนาน

 

 

ตอนที่หลี่ว์ซู่เดินกลับมาที่ห้องเรียน เพื่อนร่วมห้องก็ยังซุบซิบกันเรื่องเดิม พวกเขาสนใจเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวานกันจริงจังมาก ที่ว่ามียอดฝีมือลับปรากฏตัวขึ้นที่ตลาดมืดในเมืองลั่ว

 

 

ผู้เชี่ยวชาญกกระบี่มาปรากฏตัวในประเทศนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เขามีความเกี่ยวข้องอะไรกับหลี่เสียนอีหรือเปล่า หลายคนรู้ว่าหลี่เสียนอีไม่มีลูกชาย แต่เขาก็เคยสอนลูกศิษย์คนหนึ่งที่ชื่อฉีอวี้ และทุกคนก็รู้ว่าฉีอวี้เป็น ‘ลูกศิษย์แบบไม่เต็มตัว’ นี่อาจเป็นเพราะฉีอวี้ไม่ชอบฝึกกระบี่แต่ชอบฝึกหมัดมวยมากกว่าก็เป็นได้

 

 

ตอนที่ทุกคนได้ยินชื่อฉีอวี้ พวกเขาต่างพากันคิดถึงชื่อของตัวละครในอนิเมะ ทั้งตัวละครฉีอวี้และฉีอวี้ตัวจริงนั้นชอบใช้หมัดในการต่อสู้ แต่ ‘ฉีอวี้’ ทั้งสองก็มีจุดแตกต่างที่ชัดเจนอยู่ นั่นคือ ‘ฉีอวี้’ ตัวจริงนั้นเป็นเพียงชื่อ ส่วนนามสกุลของเขาคือตู้ เพราะฉะนั้นชื่อเต็มๆ ก็คือตู้ฉีอวี้

 

 

ฉีอวี้เองก็เหมือนหลี่เสียนอีที่เคยเป็นหนึ่งในเก้าผู้อำนวยการใหญ่ของมูลนิธิ แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ชอบงานพวกนี้ เขาชอบที่จะเดินทางไปเพื่อเสาะแสวงหาที่ฝึกฝนเหมือนดั่งพระธุดงค์

 

 

ไม่มีใครรู้ว่าตู้ฉีอวี้ไปไหน และหลี่เสียนอีเองก็หาเขาไม่ค่อยเจอ

 

 

ซึ่งนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมหลี่เสียนอีถึงต้องมาดูแลมูลนิธิเอง ตู้ฉีอวี้นั้นแข็งแกร่งมาก แต่เขาจะเห็นดีเห็นงามแค่กับหลี่เสียนอีเพียงผู้เดียว หลี่เสียนอีเองก็แข็งแกร่งมากเช่นกัน แต่ก่อนยุคสมัยที่พลังจิตวิญญาณฟื้นคืน ทรัพยากรของพวกเขาลดน้อยลงไปมาก พวกมูลนิธิเลยให้ความสำคัญกับหลี่เสียนอีมากเพราะตู้ฉีอวี้เคารพเขาเป็นอาจารย์คนหนึ่ง

 

 

นอกจากตู้ฉีอวี้เองแล้วก็ไม่มีใครรู้ว่าหลี่ว์เสียนอีสอนศาสตร์แห่งกระบี่ให้คนอื่นบ้างหรือเปล่า

 

 

ตระกูลหลายตระกูลพยายามหาข้อมูลเกี่ยวกับยอดฝีมือลับคนนั้น หลายคนสืบหาตัวจากบันทึกภาพกล้องวงจรปิด และมีหลายคนที่ซื้อข้อมูลจากผู้บำเพ็ญลับที่อยู่ที่ตลาดมืดเมื่อคืน

 

 

ผู้บำเพ็ญบางคนบอกว่าผู้เชี่ยวชาญคนนี้แนะนำตัวเองที่ตลาดมืด แต่ข้อมูลนี้ก็ไม่น่าเชื่อถือนัก มีผู้บำเพ็ญลับคนหนึ่งที่ชื่อหวังเจ๋อบอกว่ายอดฝีมือคนนั้นบอกว่าตัวเองชื่อกัสสปะ…

 

 

ตระกูลใหญ่พวกนั้นพูดไม่ออกไปเลย นี่คงจะไม่ใช่ชื่อจริงๆ ของเขาหรอกใช่ไหม

 

 

สุดท้ายก็มีคนเจอบันทึกกล้องที่ถ่ายติดยอดฝีมือคนนั้นไว้ แต่มันก็มืดและมองเห็นไม่ชัดจนไม่ได้ข้อมูลอะไร ตระกูลที่หาข้อมูลของยอดฝีมือลับคนนี้พบเป็นตระกูลแรกคือตระกูลน่าหลาน เพราะทั้งน่าหลานเชวี่ยและเกาอี้เจอหลี่ว์ซู่แบบตัวเป็นๆ พอพวกเขาเอารูปไปเทียบกับสมาชิกในตระกูลแล้ว พวกเขาก็จำได้คนคนนั้นได้ในทันที!

 

 

“เกาเสินอิ่นนั่นเอง!” เกาอี้ชี้ไปที่รูปภาพแล้วพูดขึ้นมาอย่างใจเย็น

 

 

ทุกคนในตระกูลต่างมองหน้ากันอย่างว่างเปล่า “ตระกูลเตียน หนาน เกา มียอดฝีมือตั้งแต่เมื่อไหร่ แถมยังเด็กขนาดนี้อีก”

 

 

หลังจากที่ตระกูลของน่าหลานเชวี่ยได้ข้อมูลนี้มา พวกเขาก็พยายามคิดให้ออก ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะเก็บข้อมูลนี้ไว้กับตัวเอง งั้นทำไมไม่ลองแลกข้อมูลสำคัญๆ นี้กับคนอื่นด้วยล่ะ

 

 

หลี่ว์ซู่ที่กำลังเข้าเรียนคาบบ่ายอยู่เขาก็ตกใจที่ได้รับแต้มอารมณ์ที่ถูกบันทึกไว้

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเกาเสินอิ่น +177, +119, +213…]

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset