ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 552

ตอนที่ 552 หลี่ว์เสี่ยวอวี๋โน้มน้าวสาธารณชน

 

 

“จับตาดูหลี่อีเสี้ยวด้วย เขาจะขายศิลาก็ได้ แต่อย่าให้เขาขายให้ตลาดมืดเด็ดขาด ที่นั่นอยู่ใกล้วิทยาลัยฝึกฝนทั้งเจ็ดเกินไป” เนี่ยถิงกำชับอย่างใจเย็น “ยังไงก็ยึดเอาหลักการเป็นสำคัญ”

 

 

สือเสวจิ้นเริ่มเครียดขึ้นมา ทำไมหลี่อีเสี้ยวกับหลี่ว์ซู่จะต้องก่อปัญหาเอาตอนนี้ที่เนี่ยถิงจะไม่อยู่เมืองหลวงด้วย แต่อย่างไรเขาก็เชื่อมั่นใน ‘หลักการ’ ของเนี่ยถิงเต็มร้อย

 

 

กระนั้นสือเสวจิ้นก็ไม่ค่อยกังวลเท่าไหร่ สองคนนั่นน่าจะรู้ขอบเขตอยู่ละนะ

 

 

ในขณะที่ตระกูลใหญ่ทั้งหลายกำลังเดินทางมาที่เมืองลั่ว เนี่ยถิงก็กำลังจะเดินทางออกไปที่เขาฉางไป๋ ส่วนหลี่ว์ซู่และหลี่อีเสี้ยวกำลังสุมหัวกันว่าจะสร้างความลำบากให้คนอื่นอย่างไร… ไม่สิพวกเขากำลังคุยกันว่าจะหาเงินจากตรงนี้ได้อย่างไรต่างหาก

 

 

และตอนนั้นเอง หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ก็เพิ่งเดินทางมาถึงค่ายฝึกที่ตั้งอยู่บริเวณรอบนอกของเมืองอวี้โจว

 

 

ครั้งนี้มีนักเรียนห้องเต้าหยวนจากสามเมืองด้วยกัน รวมแล้วจำนวนมากกว่าหมื่นคน นี่ไม่ใช่จำนวนที่มากมายเท่าไหร่นัก แต่พอมาอยู่รวมกันแล้วถือว่าเป็นคลื่นมนุษย์ที่ใหญ่พอตัวเลย

 

 

ค่ายทหารนี้ถูกจัดเตรียมเพื่อสมาชิกใหม่ห้องเต้าหยวนในทุกๆ ปีโดยเฉพาะ ทหารที่จะใส่ชุดเครื่องแบบสำหรับการฝึก และชายหญิงจะถูกแยกกันไปประจำคนละหน่วยอย่างชัดเจน ตอนนี้มีจำนวนเด็กผู้หญิงน้อยกว่าเด็กผู้ชายอย่างเห็นได้ชัด

 

 

ไม่ใช่ว่าเด็กผู้หญิงจะอ่อนแอกว่าหรอก ผลตรวจสอบระบุว่าจำนวนของผู้หญิงที่มีศักยภาพในการฝึกฝนเป็นผู้บำเพ็ญนั้นสูงกว่าผู้ชายถึงสิบเปอร์เซ็นต์ แต่สถานการณ์นี้ต่างออกไป นักเรียนสามารถเลือกที่จะไม่เข้ารับการฝึกที่ค่ายได้ และเด็กผู้หญิงจำนวนมากก็เลือกแบบนั้น

 

 

เรื่องความเท่าเทียมทางเพศเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างเผ็ดร้อน ถึงแม้จะมีการพูดว่าร่างกายของผู้หญิงอ่อนแอกว่าผู้ชาย แต่ในความเป็นจริงแล้วอาจจะไม่เป็นอย่างนั้น ที่จริงแล้วเรื่องนี้ต้องโทษผู้คนที่ชอบมองแบบเหมารวมมากกว่า

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋นั้นเป็นข้อยกเว้น เธอสูงมากทีเดียว การฝึกฝนของเธอมีผลกับการเจริญวัยเป็นสาวด้วย

 

 

หลายคนเห็นความเปลี่ยนแปลงของรูปร่างหน้าตาหลังจากเริ่มฝึกฝน ไม่ว่าจะเป็นผิวพรรณที่ดีขึ้นหรือส่วนสูงที่เพิ่มขึ้น นักเรียนหลายคนสูงพรวดขึ้นถึงร้อยเจ็ดสิบแปดเซนติเมตรจากร้อยเจ็ดสิบภายในปีเดียวเท่านั้น นี่เป็นเพราะการฝึกฝนนี้ช่วยขับของเสียที่ไม่ดีออกจากร่างกายและช่วยชดเชยความบกพร่องของร่างกายที่มีมาแต่กำเนิด พวกเขาเลยดูสวยหล่อกว่าวัยรุ่ยทั่วๆ ไป

 

 

แต่ในกรณีของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋นั้น แทนที่จะไปปกปิดข้อบกพร่อง เธอได้รับทักษะคุยกับสัตว์ตั้งแต่อายุน้อยๆ มาแทน เธอแทบจะไม่มีข้อบกพร่องอะไรอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมันก็เลยทำให้เธอแข็งแกร่งยิ่งกว่าเพื่อนๆ ตอนที่เติบโตขึ้น

 

 

เรื่องนี้อาจเป็นคำอธิบายว่าทำไมเธอถึงดูสวยแบบธรรมชาติก็ได้ แต่ความจริงเบื้องหลังเรื่องนี้ก็ยังไม่แน่ชัดเหมือนกัน เพราะตอนเด็กๆ เธอก็ยังไม่ค่อยรู้ความเท่าไหร่

 

 

นักเรียนทุกคนต่างเข้ามารับชุดเครื่องแบบของตัวเองที่ถูกจัดไว้ในห้องต่างๆ หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จัดเตียงของเธอเงียบๆ ในห้องมีนั้นมีคนกว่ายี่สิบคน และมีเตียงสองชั้นสิบเตียงในแต่ละห้อง เธอเลือกนอนเตียงล่างเพราะจะได้เข้าออกได้สะดวก

 

 

ในห้องเต็มไปด้วยคนมากมาย ตอนที่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จัดเตียงอยู่นั้น จู่ๆ ก็มีคนขว้างหมอนและผ้าห่มมาที่เตียงของเธอ “ขึ้นไปนอนเตียงบนโน่น ยัยถั่วงอก”

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เงยหน้าขึ้นแล้วก็พบกับเด็กหญิงตัวสูงหน้าตาสะสวย แต่รอบตัวเธอกลับมีบรรยากาศของความหยิ่งยโส นอกจากเด็กคนนี้แล้วยังมีเด็กผู้หญิงอีกห้าคนยืนอยู่ข้างหลังคอยหัวเราะคิกคักใส่เสี่ยวอวี๋ด้วย

 

 

ยัยถั่วงอกงั้นเหรอ เสี่ยวอวี๋เลิกคิ้วขึ้นแล้วมองต่ำลงไปที่หน้าอกของเธอ

 

 

ตอนที่หลี่ว์ซู่ปกป้องเธออยู่ ไม่มีใครกล้าเข้ามาแกล้งเธอเลย เธอไม่รู้ว่าบางครั้งหน้าสวยๆ ของเธอนั้นก็อาจจะเป็นสาเหตุให้เด็กผู้หญิงคนอื่นอิจฉาก็ได้

 

 

แต่การที่เด็กผู้หญิงรังแกกันเองก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว

 

 

ปกติแล้วถ้าคนคนหนึ่งถูกยืนล้อม คนคนนั้นจะต้องหวาดกลัวเป็นธรรมดา แต่พวกเธอเล่นงานผิดคนแล้วล่ะ

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋จับจ้องเด็กผู้หญิงคนนั้นอย่างใจเย็น เธอควรจะตอบด้วยอะไรอย่าง ‘ว่าไงนะ’ ‘ต้องการอะไรน่ะ’ หรือ ‘นี่เธอเป็นใคร’ ออกไป

 

 

แต่เสี่ยวอวี๋ไม่เหมือนกับคนอื่นๆ …

 

 

ก่อนที่เด็กหญิงคนนั้นจะทันได้พูดอะไรต่อ ร่างของเธอก็ถูกเตะอัดเข้ากำแพงเสียงดังเข้าเสียแล้ว

 

 

เสี่ยวอวี๋คิดว่าไหนๆ ทุกคนต่างก็เป็นผู้บำเพ็ญกันทั้งนั้น เพราะฉะนั้นก็คงไม่เป็นอะไรถ้าไม่มีอะไรร้ายแรงเกิดขึ้น เธอสามารถระดมยิงคนทั้งห้องด้วยกระสุนทรายขาวจากทะเลลึกได้ ถ้าเธอคิดอยากจะฆ่าคนขึ้นมาก็ไม่มีอะไรจะมาหยุดเธอได้หรอก

 

 

พวกลูกสมุนของเด็กหญิงตกตะลึง พวกเธอรอให้เสี่ยวอวี๋พูดอะไรสักอย่าง

 

 

แต่หลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นคนตรงไปตรงมา เธอไม่ได้ทำอย่างที่พวกเธอคาดเอาไว้!

 

 

“ทหารคะ! ทหาร!” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งรีบวิ่งออกไปจากห้อง “ใครก็ได้เรียกหมอมาหน่อยค่ะ มีคนเป็นลม!”

 

 

“ฉันเดาว่าเธอคิดว่าเธอคงได้ใจกันไปใช่ไหมเมื่อกี้น่ะ” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋พูดกับเด็กผู้หญิงพวกนั้นอย่างเยาะเย้ย

 

 

ทันใดนั้นทั้งห้องก็ตกอยู่ในความวุ่นวาย

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ไม่ได้เป็นเด็กเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ แต่เธอเป็นพวกชอบเยาะเย้ยคนอื่นหลังจากต่อสู้กับคนอื่นเสร็จต่างหาก อย่างไรก็ตามเธอตัดสินใจแล้วว่าเธอจะเป็นราชันฟ้า!

 

 

คำพูดของหลี่ว์ซู่นั้นสลักอยู่ในหัวของหลี่ว์เสี่ยวอวี๋เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เธอจะต้องแข็งแกร่งและทำให้ผู้คนฟังเธอให้ได้ถ้าอยากจะเป็นราชันฟ้า!

 

 

งั้นเอาแบบนี้เป็นไง เธอจะทำให้ทุกคนเห็นพลังของเธอและยังทำให้ผู้คนก้มหัวให้เธอภายในคราวเดียวกัน ดีล่ะ!

 

 

“เกิดอะไรขึ้นน่ะ” ทหารหญิงสองคนเดินเข้ามาในห้องแล้วถามพวกเด็กผู้หญิงพวกนั้น

 

 

“พวกเธอจะรังแกฉันค่ะ ฉันก็เลยตีพวกเธอคืน” หลี่ว์เสี่ยวอวี๋ตอบอย่างใจเย็น

 

 

ตอนแรกพวกเด็กผู้หญิงพวกนั้นคาดว่าจะเสี่ยวอวี๋จะถูกลงโทษ แต่ทหารกลับอุ้มเด็กหญิงที่บาดเจ็บออกไปโดยไม่พูดอะไร

 

 

“ทหารคะ คุณจะไม่ทำอะไรกับยัยนี่หน่อยเหรอ” เด็กผู้หญิงคนหนึ่งฟ้อง

 

 

ทหารหญิงคนหนึ่งหันมามองตาเด็กผู้หญิงคนนั้น

 

 

“เด็กคนนี้ตัวคนเดียวแต่กลับจัดการพวกเธอได้ตั้งหลายคน ทำไมพวกเธอถึงไปแกล้งเขาก่อนล่ะ บทเรียนแรกในโลกแห่งการฝึกฝนคืออย่าตัดสินใครก็ตามด้วยรูปลักษณ์ภายนอก คนเราแข็งแกร่งหรือไม่ไม่ได้ดูที่รูปลักษณ์หรือดูว่ามีลูกสมุนคอยติดตามกี่คนหรอกนะ แต่ดูว่ามีความพยายามมากแค่ไหนต่างหากล่ะ”

 

 

หลี่ว์เสี่ยวอวี๋คิดว่าเธอไม่ได้พยายามอะไรขนาดนั้น แต่เธอก็ไม่ได้พูดอะไรออกไป…

 

 

หลังจากเหตุการณ์นี้ เธอรู้ว่าผู้คนจะเชื่อฟังเธอแล้ว อย่างที่คาดไว้ เธอยังควบคุมทุกๆ อย่างไว้ได้อยู่

 

 

ปกติแล้วการรังแกกันในโรงเรียนมักใช้คนหมู่มากรุมรังแกคนคนเดียว แต่ในกรณีของเสี่ยวอวี๋ เธอคนเดียวกลับรังแกได้ตั้งหลายคน…

 

 

และในตอนนี้ เสี่ยวอวี๋รู้สึกได้ถึงพลังดวงดาวที่เพิ่มขึ้นในตัวเธอ แสดงว่าหลี่ว์ซู่ต้องกินผลไม้แห่งนรกเข้าไปนา

 

 

แต่อย่างไรเธอก็ยังสับสนอยู่ มันมีความเกี่ยวข้องกันระหว่างผลไม้แห่งนรกกับการรังแกคนอื่นไหมนะ ตอนกลับบ้านไป เธอต้องรู้ให้ได้เลยว่าหลี่ว์ซู่ซ่อนอะไรไว้จากเธอ!

 

 

นักเรียนจากห้องเต้าหยวนในเมืองลั่วหลายคนรู้จักหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ แต่ในครั้งนี้ก็มีคนจากต่างเมืองมาฝึกด้วยเหมือนกัน นักเรียนจากห้องเต้าหยวนในเมืองลั่วหลายคนเป็นกังวลใจเมื่อได้ยินเสียงแปลกๆ ดังมาจากห้องของเสี่ยวอวี๋เพราะพวกเขารู้ว่ายัยนี่สร้างความเสียหายได้มากแค่ไหน!

 

 

มีนักเรียนหญิงหลายคนรอดูสถานการณ์อยู่ที่ห้องโถง เป็นไปตามคาด มีผู้ได้รับบาดเจ็บถูกอุ้มออกมาข้างนอก…

 

 

พวกเขาค่อยๆ มองเข้าไปในห้องอย่างระมัดระวัง และก็เห็นว่าหลี่ว์เสี่ยวอวี๋ยืนอย่างภูมิใจอยู่กลางห้องดูแล้วเหมือนกับราชาลิงที่เพิ่งสร้างความหายนะในวังแห่งสวรรค์ไป ในขณะที่คนอื่นๆ หมอบกราบเธออย่างเชื่อฟังราวกับนกกระทา…

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset