ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 564 โจมตีกลับ

ไม่มีใครคาดคิดว่าสงครามการหั่นราคาจะจบด้วยความปั่นป่วนขนาดนี้ แต่ในสายตาของผู้บำเพ็ญลับแล้ว ตลาดมืดบนถนนหมายเลข 301 ชนะไป พอจบเรื่อง พวกเขาก็หยุดการขายศิลาวิญญาณโดยไม่ทราบสาเหตุ

 

 

พอคิดๆ ไปแล้วทุกอย่างก็ชัดเจนขึ้นมา องค์ท่านซื้อศิลาวิญญาณมาก็เพื่อจะตบตาพวกตระกูลใหญ่เท่านั้น

 

 

หลังจากที่การประชุมสิ้นสุดลง หลี่ว์ซู่ที่นั่งอยู่ในตลาดมืดบนถนนหมายเลข 301 กำลังใช้ความคิดอย่างหนัก แต่แล้วจู่ๆ น่าหลานเชวี่ยเปิดประตูพุ่งเข้ามาโดยไม่ทันตั้งตัว

 

 

“หลี่อีเสี้ยวอยู่ไหน” น่าหลานเชวี่ยถามด้วยความเกรี้ยวกราด

 

 

“ออกไปดื่มกับลุงเกาน่ะครับ” หลี่ว์ซู่หัวเราะ

 

 

แล้วผู้บำเพ็ญลับที่อยู่ข้างนอกก็มองเข้ามาด้วยความสงสัย น่าหลานเชวี่ยปิดประตูเสียงดังปัง และในตอนที่เธอกำลังปิดประตูนั้น เธอก็ส่งยิ้มมาให้ “เป็นไง เมื่อกี้ฉันแสดงดีไหม ทีนี้ใครๆ ก็คิดแล้วว่าเรามีปัญหากัน งั้นก็เอาหยกจากตระกูลหลี่มาให้ฉันตามที่ตกลงกันไว้ ฉันจะเอาวัชระแลกให้นายไป แล้วนายก็ช่วยจ่ายราคาส่วนต่างของศิลาจากสี่แสนหยวนที่ตกเป็นสามแสนสี่หมื่นหยวนด้วยนะ ฉันว่านายจ่ายเป็นศิลาวิญญาณมาทดแทนจะดีกว่า”

 

 

หลี่ว์ซู่โยนหยกให้น่าหลานเชวี่ย เขาไม่ได้หยดธารน้ำศักดิ์สิทธิ์ลงบนหยกชิ้นนี้เพราะน่าหลานเชวี่ยบอกว่าจะให้วัชระเป็นการตอบแทนที่เอามาแลกกับหยก แต่เธอขออย่างเดียวว่าให้เธอร่วมมือกับหลี่ว์ซู่และหลี่อีเสี้ยวโดยทำเป็นแสดงต่อหน้าพวกตระกูลอื่นๆ

 

 

หลี่ว์ซู่เห็นว่าน่าหลานเชวี่ยมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งแค่ไหนต่อหลี่อีเสี้ยวก็จริง แต่เขาก็สงสัยอยู่อย่างหนึ่ง “หยกนี่มันสำคัญขนาดนั้นเลยเหรอ”

 

 

“นายจะไปรู้อะไรล่ะ” น่าหลานเชวี่ยมองหน้าหลี่ว์ซู่และใส่จี้หยกรอบคอของเธอ เธอค่อยๆ ปรับมันจนจี้แตะสัมผัสบนร่างกายของเธอ

 

 

ถ้าตระกูลหลี่เห็นแบบนี้แล้ว พวกเขาก็จะเข้าใจทันทีว่าน่าหลานเชวี่ยอยู่ฝ่ายไหนในการตกลงซื้อขายครั้งนี้ เธอเป็นคนแรกที่แนะนำให้พวกตระกูลเอาศิลาวิญญาณมารวมกันเพื่อนำไปขาย และเธอก็เป็นคนเดียวที่สนับสนุนทุกคนอยู่ข้างหลัง เมื่อตระกูลน่าหลานเสนอให้นำศิลามารวมกันแล้ว ตระกูลอื่นๆ ก็ต้องทำตามนั้น

 

 

จริงๆ แล้วในตระกูลเองก็มีพันธมิตรลับๆ อยู่ ซึ่งกรณีของน่าหลานเชวี่ยนั้นคือเธอเป็นพันธมิตรกับหลี่อีเสี้ยว ทั้งสองก็ยังมีใจให้กันอยู่

 

 

หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเขาไม่ควรดูถูกผู้หญิงที่อยากสวยเลย เพราะผู้หญิงร่างใหญ่อย่างน่าหลานเชวี่ยเองก็ต้องการจี้หยกนั้นไปเพื่อรักษาความสาว…

 

 

“ก็ได้ๆ” น่าหลานเชวี่ยโบกมือ “ฉันไปก็ได้ บอกหลี่อีเสี้ยวด้วยว่าอย่ากล้าดีไปแตะตัวผู้หญิงคนไหนล่ะ ไม่อย่างนั้นเขาจบเห่แน่”

 

 

พอพูดจบเธอก็กลับมาเกรี้ยวกราดและปิดประตูเสียงดังใส่ ทั้งหมดที่ทำไปก็แค่แสดงเท่านั้นแหละ

 

 

หลังจากหลี่ว์ซู่จัดการเรื่องทุกอย่างจบแล้ว เขาก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ไม่มีอะไรเป็นไปอย่างที่เขาคิดสักอย่างตั้งแต่เขากลับมา ตอนแรกก็ต้องคิดว่าจะรับตำแหน่งราชันฟ้าดีหรือเปล่า พอปฏิเสธเนี่ยถิงไป เนี่ยถิงก็แกล้งทำให้ทุกอย่างยากไปหมดสำหรับหลี่ว์ซู่ เนี่ยถิงไม่ยอมให้เขาไปเข้าเรียนวิทยาลัยด้วยซ้ำ…

 

 

ถ้าถามว่าเขาขายศิลาวิญญาณไปนั้นเพราะอยากได้เงินหรือเปล่า… มันก็ใช่อยู่ แต่นั่นก็ไม่ใช่เหตุผลหลัก ถ้าจะพูดกันจริงๆ แล้วหลี่ว์ซู่เองไม่ได้ขัดสนเรื่องเงิน แต่เขาเองก็ไม่ได้อาวุธวิเศษดีๆ จากพวกตระกูลใหญ่มาอย่างที่ตั้งใจ การซื้อขายครั้งนี้เลยไม่ได้ทำประโยชน์อะไรให้เขานัก

 

 

เหตุผลจากใจจริงคือเขาอยากทำให้เนี่ยถิงขายหน้าครั้งใหญ่ แค่นั้นเลย

 

 

หลี่ว์ซู่โกรธเนี่ยถิงเพราะเนี่ยถิงทำให้เขาพลาดการสอบเข้าวิทยาลัย แถมยังไม่ยอมรับสายเขาอีกด้วย ถึงแม้เนี่ยถิงจะเป็นคนที่แข็งแกร่งที่สุดในฝ่ายตะวันออก แต่หลี่ว์ซู่ก็ไม่อยากจะยอมรับเรื่องขายหน้าที่เนี่ยถิงทำให้เขารู้สึกได้หรอก

 

 

หลี่ว์ซู่ลงแรงไปตั้งเยอะตอนไปญี่ปุ่น เขาได้เลื่อนขั้นเป็นร้อยเอกและยังทำประโยชน์ให้อีกมหาศาล เนี่ยถิงยากให้เขารับผิดชอบดูแลเรื่องต่างประเทศไม่ได้แปลว่าเขาจะทำให้หลี่ว์ซู่อับอายชาวบ้านแบบนี้ได้เสียหน่อย

 

 

เนี่ยถิงทำไปเพื่ออะไรกันแน่

 

 

หลี่ว์ซู่ไม่สนหรอกถ้าเข้าจะต้องไปเผชิญอันตราย เขารู้ว่าถ้าไปอยู่ต่างประเทศแล้วคงได้อะไรกลับมาเยอะ แต่เขาไม่อยากแบกความรับผิดชอบชีวิตของคนที่จะเป็นเหมือนกับหลิวซิวและอีกหลายๆ คนไว้บนบ่าตอนที่เขากำลังทำงานในส่วนของเขาอยู่ เขาไม่สามารถให้อภัยได้หรอก!

 

 

แล้วทั้งหมดนี่มันเพื่ออะไรกันล่ะ!

 

 

หลี่ว์ซู่นั่งอยู่ในห้องทำงานนานมากและจมกับความคิดลงไปเรื่อยๆ เขารอที่จะได้รับแต้มอารมณ์จากเนี่ยถิงอยู่!

 

 

การที่เขายังไม่ได้รับแต้มอารมณ์จากเนี่ยถิงในตอนนี้ทำให้เขาไม่พอใจมาก ก่อนที่เขาจะออกจากเมืองหลวงมา เขาได้คิดเรื่องนี้มาก่อนแล้ว เขาไม่ยอมจบง่ายๆ หรอก หลี่ว์ซู่จะอยู่ตรงข้ามเนี่ยถิงไปจนถึงที่สุดเลย อยากรู้ว่าจะทนไปได้สักกี่น้ำ…

 

 

เป็นคนอื่นก็คงหงอไปแล้วถ้าโดนหัวหน้าราชันฟ้าแห่งเครือข่ายฟ้าดุใส่เพียงครั้งเดียว แต่หลี่ว์ซู่จะไม่ยอมแพ้เด็ดขาด!

 

 

หลี่ว์ซู่รู้ว่าถึงเขาได้เงินมามากมาย แต่เนี่ยถิงก็ระงับบัญชีไม่ให้เขาใช้ได้แค่ในพริบตาเดียว กระนั้นหลี่ว์ซู่ก็รู้ว่าเนี่ยถิงและสือเสวจิ้นเป็นคนอย่างไร เพราะรู้จักทั้งสองคนมานาน ถึงจะโดนบีบให้เงินในบัญชีไม่ได้ก็เถอะ หลี่ว์ซู่ก็จะหาทางพูดจนได้

 

 

เนี่ยถิงควบคุมหลี่ว์ซู่ได้ก็เพราะรู้ว่าหลี่ว์ซู่ไม่ใช่คนไม่ดี ท้ายที่สุดแล้วเขาก็คงไม่หักหลังเครือข่ายฟ้าดินและก็คงไม่ไปทำอะไรที่ผิดกฎหมายร้ายแรง

 

 

ความกล้าที่หลี่ว์ซู่มีตอนนี้ก็มาจากการที่เนี่ยถิงไปจัดการเรื่องต่างๆ อย่างจริงจัง ปัญหาเดียวในตอนนี้ไม่ใช่ว่าเขาไม่ยอมเป็นราชันฟ้า แต่ปัญหาคือเนี่ยถิงจะให้เขาเป็นให้ได้ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม

 

 

คนอื่นอาจจะคิดว่าหลี่ว์ซู่บ้าไปแล้วที่ไม่ยอมเป็นราชันฟ้าเพราะใครๆ ต่างก็บอกว่านั่นเป็นเรื่องที่ดีทั้งนั้น ทำไมเขายังทำตัวมีปัญหาหลังจากที่เขาได้รับอะไรดีๆ ไปแบบนี้นะ แต่หลี่ว์ซู่ไม่คิดแบบนั้น เขาแค่ไม่อยากโดนบังคับให้เป็นนั่นเป็นนี่ตามใจคนอื่น

 

 

และทันใดนั้นเองโทรศัพท์ของหลี่ว์ซู่ก็ดังขึ้น เขาเหลือบมองมันและเห็นว่าสือเสวจิ้นเป็นคนโทรมา ฮ่าๆๆ เขาไม่จะไม่รับหรอก

 

 

ตอนที่หลี่ว์ซู่โทรหาคราวก่อน สือเสวจิ้นไปไหนเสียล่ะ พอมาตอนนี้คิดอยากโทรหาเขาขึ้นมางั้นเหรอ

 

 

หลี่ว์ซู่เมินสายของสือเสวจิ้น แล้วจากนั้นเขาก็ได้รับข้อความจากสือเสวจิ้นทันที

 

 

[ทำอะไรอยู่!!! รับโทรศัพท์เดี๋ยวนี้นะ!!!]

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากสือเสวจิ้น +999!]

 

 

หลี่ว์ซู่แทบจะเป็นลมตายด้วยความดีใจ เป็นครั้งแรกเลยที่เห็นสือเสวจิ้นเสียอาการขนาดนี้ เขาได้รับแต้มอารมณ์จากสือเสวจิ้นแล้ว แต่ทำไมยังไม่ได้จากเนี่ยถิงกันนะ

 

 

และแล้วก็มีสายเรียกเข้าอีกสายดังขึ้น เขารอประมาณสิบวินาทีก่อนกดรับโทรศัพท์

 

 

“ฮัลโหล ราชันฟ้าสือเหรอครับ ครั้งที่แล้วผมโทรไปแต่ไม่มีคนรับสาย ก็เป็นห่วงอยู่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับคุณรึเปล่า”

 

 

[แต้มอารมณ์จากสือเสวจิ้น +999!]

 

 

[ฉันสบายดี ขอถามหน่อยว่าตอนนี้มีศิลาวิญญาณอยู่กับตัวทั้งหมดกี่เม็ด] สือเสวจิ้นตกตะลึง

 

 

“คืองี้นะครับ ราชันฟ้าหลี่เป็นคนขาย ไม่เกี่ยวอะไรกับผม” หลี่ว์ซู่หัวเราะ

 

 

[หยุดพูดเรื่องไร้สาระได้แล้ว อยากได้อะไรล่ะ หนังสือตอบรับเข้าวิทยาลัยเหรอ] สือเสวจิ้นเริ่มรู้สึกรำคาญมากขึ้นเรื่อยๆ … เนี่ยถิงไปภูเขาฉางไป๋ไม่กี่วันก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นเสียแล้ว สือเสวจิ้นไม่รู้ว่าจะบอกเนี่ยถิงอย่างไรเลยตอนเขากลับมา

 

 

“หนังสือตอบรับเข้าวิทยาลัยเหรอครับ มันคืออะไรน่ะ” หลี่ว์ซู่ทำเป็นประหลาดใจ “ผมพลาดการสอบไปแล้วไม่ใช่เหรอ ผมคิดว่ากฎก็คือกฎเสียอีก เครือข่ายฟ้าดินเข้าไปยุ่งอะไรกับเรื่องนี้ไม่ได้…”

 

 

[นายนี่มัน…] สือเสวจิ้นต้องหยุดตัวเองไม่ให้พูดคำหยาบ

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากสือเสวจิ้น +1000!]

 

 

“เอาเรื่องโรงเรียนไว้ก่อนนะครับ คือว่าผมทำของหายไปอย่างหนึ่ง คุณช่วยผมหาหน่อยได้ไหมครับ” หลี่ว์ซู่ถามสบายๆ

 

 

สือเสวจิ้นพูดไม่ออก นี่มันบีบบังคับกันชัดๆ!

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset