ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 565 แต้มอารมณ์จากเนี่ยถิง

ตอนที่ 565 แต้มอารมณ์จากเนี่ยถิง 

 

 

แล้วอยู่ๆ สือเสวจิ้นก็สงบสติอารมณ์ได้ ตราบใดที่หลี่ว์ซู่ยอมบอกเงื่อนไขของเขามาแล้ว เขาก็ไม่ต้องเป็นกังวลอะไร อย่างน้อยเขาก็รู้ว่าหลี่ว์ซู่นั้นต้องการอะไร 

 

 

เขากลัวว่าหลี่ว์ซู่จะไม่ต้องการอะไรเลยนอกจากงัดข้อกับเนี่ยถิงไปถึงที่สุด สำหรับคนฉลาดอย่างสือเสวจิ้นแล้ว เขาจะไม่รู้ได้อย่างไรว่าหลี่ว์ซู่อยากทำแบบนั้นไปเพื่ออะไร เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่ความโลภ และเมืองลั่วก็กลายเป็นที่รวมตัวก็ของผู้บำเพ็ญลับที่ใหญ่ที่สุดแล้ว 

 

 

แต่สือเสวจิ้นรู้อยู่อย่างหนึ่งว่าหลี่ว์ซู่นั้นใจเย็นลงและมีเหตุผลขึ้นแล้ว หลี่ว์ซู่คงรู้ว่าสือเสวจิ้นพยายามจะทำอะไรอยู่ 

 

 

[ทำอะไรหายไปล่ะ] สือเสวจิ้นถาม 

 

 

“กระบี่มั้งครับ ผมจำไม่ได้…” หลี่ว์ซู่มีความหวังขึ้นมาทันที 

 

 

สือเสวจิ้นเงียบไป จะจำไม่ได้ได้ยังไง บอกมาให้ชัดๆ เลยได้ไหมว่าอยากได้อะไร นี่ต้องคิดแทนให้ด้วยรึเปล่าเนี่ย 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากสือเสวจิ้น +999!] 

 

 

สือเสวจิ้นคิดอะไรออกและทำตาเป็นประกาย แต่เขายังคงทำเสียงราบเรียบ [ฉันหาคนเดียวไม่เจอหรอกนะ เดี๋ยวโทรกลับไปอีกทีได้ไหม เตรียมใจเผื่อไว้ด้วยนะ] 

 

 

จากนั้นสือเสวจิ้นก็วางหูไป หลี่ว์ซู่ตบปากตัวเองเสียงดัง เขาว่าบัญชีธนาคารของเขาคงจะโดนอายัดแล้วล่ะ… 

 

 

มีเพียงพวกตระกูลใหญ่ที่ร่ำรวยเท่านั้นถึงจะโอนเงินทีละมากๆ ได้ภายในครั้งเดียว แต่เขาทำไม่ได้ เขาสามารถโอนเงินเข้าไปที่บัญชีของเสี่ยวอวี๋ได้แค่ห้าแสนหยวนต่อวันเท่านั้น แล้วจะต้องใช้เวลามากขนาดไหนล่ะ เงินเยอะเสียขนาดนี้… 

 

 

อย่างไรก็ตาม ตามที่หลี่ว์ซู่เข้าใจสือเสวจิ้นและเนี่ยถิงแล้ว เขาอยากรู้ว่าเขาจะแลกซื้ออาวุธวิเศษอะไรบ้างจากเงินที่เขามีตอนนี้ เขายอมได้หรอกถ้าไม่ได้อาวุธวิเศษมาเลย ถึงแม้มันจะมีค่ามากแต่ก็ไม่มีตลาดไหนวางขาย จู่ๆ เกิดอยากได้ขึ้นมาแล้วไปซื้อเลยน่ะทำไม่ได้หรอก มันก็คงจะมีเงื่อนไขแปลกๆ ในการแลกซื้ออาวุธวิเศษในอาณาจักรแห่งความมืดนั่น ในอาณาจักรแห่งความมืดนั้น ศิลาวิญญาณเอาไปแลกอะไรไม่ค่อยได้เท่าไหร่ ทว่าอาวุธวิเศษนั้นเป็นข้อยกเว้น 

 

 

อย่างทรายขาวทะเลลึกของแอนโธนี่เองก็ต้องแลกมาด้วยชีวิตของราชันฟ้าคนหนึ่งเลย แล้วชีวิตของราชันฟ้าคนหนึ่งจะมีค่าเท่าไหร่กันล่ะ คงไม่มีใครรู้ได้หรอก 

 

 

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมศิลาวิญญาณยังไม่ถูกยอมรับเป็นสกุลเงินแลกเปลี่ยน และเหตุผลอีกอย่างหนึ่งก็คือศิลาวิญญาณมีค่าแตกต่างกันตามแหล่งกำเนิด บางเม็ดมีพลังจิตวิญญาณมากกว่า บางเม็ดมีน้อยกว่า สำหรับยอดฝีมือแล้วอย่างเนี่ยถิงหรือฮาเวิร์ด ศิลาวิญญาณไม่ค่อยสำคัญสำหรับพวกเขาเท่าไหร่แล้ว พวกเขาเลยไม่ได้สนใจอะไรกับมันมาก 

 

 

นี่ไม่เหมือนกับนิยายเทพเซียนที่ศิลาวิญญาณจากทั่วทุกมุมโลกจะเหมือนกันหมดนะ ศิลาเองก็มีเกรดของมันอยู่ พวกศิลาระดับต่ำจะเป็นเกรด a1 ส่วนระดับกลางๆ คือ a10 และระดับสูงจะเป็น a100 โลกแห่งความเป็นจริงมันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอก… 

 

 

ศิลาวิญญาณนั้นก็เหมือนกับแร่ชนิดหนึ่ง เราสามารถพูดได้ว่ามีมันมีค่ามาก แต่ก็ไม่รู้ว่ามากเท่าไหร่เพราะขึ้นอยู่กับสภาพของมันด้วย เพราะฉะนั้นศิลาวิญญาณจึงไม่เหมือนกับทอง เนื่องจากทองสามารถถูกทำให้บริสุทธิ์มากขึ้นได้ 

 

 

ศิลาวิญญาณจากเครือข่ายฟ้าดินนั้นก็มีคุณภาพเหมือนๆ กัน แต่เรื่องนั้นไม่สามารถเอาไปเทียบได้กับศิลาวิญญาณที่ได้มาจากต่างประเทศ 

 

 

ผู้บำเพ็ญบางคนก็ตั้งใจซื้อศิลาระดับดาดๆ มาจากต่างประเทศและเอามาหลอกขายคนโง่ๆ ในประเทศ เพราะมีหลายคนที่ไม่สามารถบอกได้ว่าศิลานั้นมีความเข้มข้นมาแค่ไหน ศิลาระดับดาดๆ จึงจะมีราคาต่ำหน่อยในต่างประเทศ 

 

 

หลี่ว์ซู่เก็บศิลาไว้ด้วยสองเหตุผล เหตุผลแรกคือเขาสามารถพกมันไปต่างประเทศเผื่อว่ามีเหตุการณ์ต้องเจรจาต่อรองอะไรที่น่นด้วยได้ เหตุผลที่สอง ถ้าเขาเอาศิลาใส่ไว้ในตราแผ่นดินแล้ว เนี่ยถิงก็ไม่สามารถมาทำอะไรได้ 

 

 

เนี่ยถิงสามารถบีบให้เขายอมทิ้งศิลาได้เหรอ ฮ่าๆ เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้หรอก เงินเอาไปแลกซื้ออาวุธวิเศษได้ก็จริง แต่ศิลานั้นเอาไปแลกไม่ได้หรอก ถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นจริงๆ เขาจะเก็บข้าวของหนีไปเลย 

 

 

หลี่ว์ซู่นั่งรอในห้องทำงานที่ตลาดมืดทั้งวัน แล้วอยู่ๆ ก็เกิดเรื่องน่าดีใจสุดกู่ 

 

 

[แต้มอารมณ์จากเนี่ยถิง +1000!] 

 

 

ในที่สุดก็มา! 

 

 

สิบนาทีที่แล้วมีเส้นสีดำๆ ลากผ่านบนฟ้าไป เสียงสั่นของชุดเกราะของเนี่ยถิงที่กระทบอากาศดังจนเหมือนเสียงคำราม ราวกับเครื่องบินเพิ่งบินผ่านไป 

 

 

หลังจากที่เขาทะยานเข้าสู้น่านฟ้าบนถนนหลิวไห่ เส้นดำๆ นั้นก็ลดต่ำลงมาทันที สือเสวจิ้นที่กำลังอ่านหนังสือที่ระเบียงมองขึ้นไปและเห็นว่าเป็นเนี่ยถิง 

 

 

“เกิดอะไรขึ้นที่ภูเขาฉางไป๋น่ะ” 

 

 

เนี่ยถิงส่ายหัวไม่อยากพูดต่อ เขาถาม “สองสามวันนี้มีอะไรเกิดขึ้นหรือเปล่า” 

 

 

ท่าทีของสือเสวจิ้นเริ่มติดขัด “เกิดอะไรขึ้นที่ภูเขาฉางไป๋ครับ…” 

 

 

เนี่ยถิงมองสือเสวจิ้นด้วยความประหลาดใจ “ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นมันก็เกิดไปแล้ว อย่าเปลี่ยนเรื่อง” 

 

 

สือเสวจิ้นถอนหายใจ “ก่อนหน้านี้ที่หลี่ว์ซู่กับหลีอีเสี้ยวขายศิลากัน จำได้ไหม” 

 

 

“จำได้” เนี่ยถิงพยักหน้า “แล้วเกิดอะไรขึ้นล่ะ เขาขายมันให้กับตระกูลไหน ผลออกมาว่าใครเป็นคนคุมตลาดมืด” 

 

 

“ท่านอย่าตกใจ…” สือเสวจิ้นกลืนน้ำลาย “เหตุการณ์มันซับซ้อนนิดหน่อย…” 

 

 

เนี่ยถิงเริ่มเห็นลางไม่ดี แล้วสือเสวจิ้นก็พูดต่อ “หลี่ว์ซู่น่ะไม่ได้มีศิลาแค่ไม่กี่พันเม็ด เขาเรียกหกตระกูลใหญ่มาแล้วขายให้แต่ละตระกูลไปตระกูลละหมื่นเม็ด…” 

 

 

[แต้มอารมณ์จากเนี่ยถิง +1000!] 

 

 

ตระกูลละหมื่นเม็ดเนี่ยนะ แสดงว่าเขาขายไปทั้งหมดหกหมื่นเม็ดเลยน่ะสิ จากนั้นสือเสวจิ้นก็พูดต่อ “ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ หลังจากที่ขายศิลาไปหกหมื่นเม็ด เขาก็ยังเหลือศิลาอีกเยอะในมือ ถ้าให้เดาแล้วก็คงประมาณสองหมื่นเม็ด” 

 

 

เนี่ยถิงเงียบไป “งั้นก็หมายความว่าพวกตระกูลพวกนั้นได้กันไปทั้งหมดหกหมื่นเม็ดเลยสินะ” 

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเนี่ยถิง +1000!] 

 

 

เขาพยายามแทบตายไม่ให้ทรัพยากรสำหรับฝึกฝนมีล้นมือ ศิลาน่ะไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรหรอก แต่เขาไม่อยากให้พวกตระกูลใหญ่นำคนอื่นโด่งไปมากกว่านี้ 

 

 

ผู้บำเพ็ญจะมาหวังพึ่งศิลาอย่างเดียวเพื่อการเลื่อนระดับจากระดับ C เป็น B ไม่ได้ และหลังจากอยู่ระดับ B แล้วจะต้องเรียนรู้ด้วยตัวเองมากกว่าการใช้ศิลา หากเขายอมให้ตระกูลเหล่านี้มีผู้บำเพ็ญระดับ C มากเกินไปและขยายอำนาจครองตำแหน่งในเครือข่ายฟ้าดินหลายตำแหน่ง เครือข่ายฟ้าดินคงจะปวดหัวน่าดู 

 

 

ในตอนนี้แต่ละตระกูลก็มีกันตระกูลละหมื่นเม็ดแล้ว นั่นก็เพียงพอที่จะผลิตผู้บำเพ็ญระดับ C ออกมาแล้วล่ะ 

 

 

ความรู้จากหยินหยางและความเกี่ยวข้องของสามองค์ประกอบบอกไว้ว่า การเป็นระดับ F นั้นจะต้องฝึกฝนพลังให้ครบรอบเล็กแปดสิบเอ็ดรอบ และการที่จะไต่ระดับจาก F เป็น E เป็น D เป็น C นั้น ในแต่ละรอบจะต้องฝึกฝนทั้งหมดเก้ารอบใหญ่ และถ้าตระกูลใหญ่อยากจะเลื่อนระดับเป็นระดับ C ก็คงต้องใช้ศิลามากกว่าหกพันเม็ด 

 

 

หลังจากที่เลื่อนเป็นระดับ C แล้ว จากหยินหยางและความเกี่ยวข้องของสามองค์ประกอบจะต้องการให้คนระดับ C ไปบำเพ็ญเพียรมาเพิ่มเพื่อทดแทนสิ่งที่ขาดหายไประหว่างการเลื่อนระดับ ถ้าอยากจะใช้ศิลาเพื่อบีบให้ขึ้นเป็นระดับสูงสุดของระดับ C จริงๆ ก็ต้องใช้ทั้งหมดหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นเม็ด 

 

 

นี่ก็เลยทำให้ศิลาวิญญาณเป็นที่ต้องการเป็นอย่างมากในหมู่ผู้บำเพ็ญลับ แต่พวกยอดฝีมือไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ยอดฝีมือจะไม่ยอมเอาอาวุธวิเศษไปแลกกับศิลาวิญญาณหรอก เพราะศิลาพวกนี้ไม่มีความหมายสำหรับพวกเขาน่ะสิ 

 

 

ตอนแรกเนี่ยถิงจะให้สือเสวจิ้นใช้ศิลาเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง แต่พอเขาเลื่อนขึ้นมาอยู่ระดับสูงสุดของระดับ C แล้ว ก็เลยมีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้เลื่อนขั้นเป็นระดับ B ได้ ก็คือการใช้ความแข็งแกร่งจากทั้งประเทศมาเลื่อนระดับ สุดท้ายสือเสวจิ้นก็ยอมแพ้ไปก่อน 

 

 

เนี่ยถิงจะต้องให้ความสนใจกับศิลาวิญญาณมากๆ แล้วถ้าเขาต้องการจะมองภาพรวมของสถานการณ์ 

 

 

“ไม่หรอกครับ หลี่ว์ซู่ซื้อศิลาคืนมาจากพวกเขาได้สำเร็จด้วยราคาที่ต่ำกว่าที่ขายไปด้วย ตอนนี้เรายังไม่รู้ว่าเขาซื้อกลับมาได้แล้วกี่เม็ด” สือเสวจิ้นพูด “ตอนนี้แต่ละตระกูลเหลือศิลาอยู่กันโดยประมาณสามพันเม็ดเท่านั้น” 

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset