ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 568 กำจัดได้หนึ่งพันแต่เสียหายไปแปดร้อย

ตอนที่ 568 กำจัดได้หนึ่งพันแต่เสียหายไปแปดร้อย

 

 

เมืองหลวง บนถนนหลิวไห่

 

 

กองบัญชาการใหญ่ของเครือข่ายฟ้าดินตั้งอยู่ที่ตรอกหลิงจิงซึ่งเป็นที่ที่เนี่ยถิงและสือเสวจิ้นประจำการอยู่ ตามปกติแล้วจะมีสมาชิกน้อยมากที่จะเข้ามาที่กองบัญชาการใหญ่นี้ และผู้ที่จะมาส่วนใหญ่จะไม่ใช่ยอดฝีมือระดับ C อย่างห่าวจื้อเชาหรือจงอวี้ถัง เพราะพวกเขาต่างก็เป็นคนสำคัญที่ต้องประจำอยู่ตามภูมิภาคต่างๆ

 

 

มีสวนที่ทั้งเงียบและสงบอยู่ ต้นไม้น้อยใหญ่เพิ่งแตกกิ่งก้านและขึ้นหน่อใหม่ขึ้นมา คราวนี้สือเสวจิ้นไม่ได้กำลังอ่านหนังสือ เขาวางชุดชาไว้บนโต๊ะม้านั่งหินแล้วค่อยๆ ชงชา

 

 

เนี่ยถิงที่นั่งอยู่ข้างๆ ก็กำลังดูเอกสารอย่างรวดเร็ว เขาได้รับหน้าที่ทั้งหมดสามตำแหน่ง เขาเป็นยอดฝีมือระดับต้นๆ ของฝั่งตะวันออก เป็นหัวหน้าของเครือข่ายฟ้าดิน และยังเป็นผู้อำนวยการใหญ่ของห้องเต้าหยวนที่เมืองหลวงอีกด้วย

 

 

คนธรรมดาคงคิดว่าการจัดระเบียบหน้าที่ทั้งสามนี้ให้สมดุลนั้นเป็นเรื่องยาก ทุกคนเองก็มีขีดจำกัดความเหนื่อย หลายๆ คนทำสองที่พร้อมกันไม่ได้ด้วยซ้ำ

 

 

แต่เนี่ยถิงนั้นต่างออกไป เขามีประสิทธิภาพในจัดการงานสำคัญๆ อย่างที่ไม่มีใครเทียบติด

 

 

“ฉันมอบกระบี่เฉิงอิ่งให้เขาแล้ว” เนี่ยถิงพูดอย่างสงบ “อาจารย์กล่าวเอาไว้ว่ามีเพียงผู้ซื่อตรงเท่านั้นที่สามารถใช้กระบี่ได้ หลี่ว์ซู่เองก็ไม่ใช่คนไม่ดี แต่จะพูดเขาเป็นคนสัตย์ซื่อเองก็พูดได้ไม่เต็มปาก คิดว่าอาจารย์จะตำหนิพวกเราหรือเปล่า”

 

 

สือเสวจิ้นหัวเราะ “พ่อของผมเองก็ไม่ใช่คนซื่อสัตย์หรอก มีข้อบังคับเยอะแยะไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร ไม่ต้องมองผมแบบนั้นหรอก ถ้าผมไปเจอเขา เขาก็จะบอกแบบที่ผมบอกนี่แหละ คุณอาจจะกังวลใจ แต่ผมไม่นะ”

 

 

สำหรับเนี่ยถิงแล้ว กระบี่เฉิงอิ่งนี้มีความสำคัญและได้รับความไว้วางใจจากอาจารย์ของเขามาก ถ้าเปรียบเทียบความแข็งแกร่งของกระบี่นี้กับดาบซินถิงแล้ว ความแข็งแกร่งของดาบซินถิงเทียบกันไม่ติดเลย

 

 

แต่แล้วสือเสวจิ้นก็หัวเราะออกมา “คุณคิดว่าหลี่ว์ซู่จะทำหน้ายังไงตอนเจอไห่กงจื่อ พ่อผมบอกว่าไห่กงจื่อความอดทนต่ำ เราต้องตามใจเขา ตอนนั้นปู่ของผมอารมณ์เสียมากเลยจนเขาขู่ฆ่าตัวตายด้วย แต่เวลาพูดกับคนอื่น เขาก็ยังต้องเลือกเล่าแต่ด้านดีๆ ของกระบี่อยู่ดี”

 

 

เนี่ยถิงหลุดยิ้มออกมาทว่าเขาซ่อนรอยยิ้มนั่นไว้ “ถ้าไม่ใช่เพราะเรื่องนั้นฉันก็คงไม่เต็มใจมอบกระบี่เฉิงอิ่งให้เขาหรอก ปล่อยเขาจัดการของเขาไป นอกจากนั้นฉันก็อยากจะรู้นักว่าคนดื้อๆ แบบเขาเจอไห่กงจื่อเข้าไปแล้วจะทำยังไง”

 

 

 

 

บรรยากาศระหว่างหลี่ว์ซู่และไห่กงจื่อเริ่มแข็งกร้าวขึ้นมา หลี่ว์ซู่ถามเสียงเย็น

 

 

“คุณจะเชื่อฟังผมหรือเปล่า”

 

 

ไห่กงจื่อเลิกคิ้ว เสื้อคลุมสีขาวของเขาปลิวไสวแม้ไม่มีลมใดๆ “ไม่มีใครกล้าถามคำถามเช่นนี้กับข้ามาก่อน เจ้าเป็นคนแรกเลย!”

 

 

หลี่ว์ซู่แน่ใจว่ากระบี่เฉิงอิ่งที่เนี่ยถิงเอามาให้นี้ต้องมีความหมายแน่ๆ แต่เนี่ยถิงเองก็ไม่ได้สบายใจ บางทีเขาอาจรอดูอยู่ก็ได้ว่าหลี่ว์ซู่จะทำอย่างไรต่อ

 

 

หลี่ว์ซู่จะต้องใช้เรื่องตลาดมืดและศิลาวิญญาณเพื่อตอบโต้กลับ เขาไม่คิดหรอกว่าเนี่ยถิงจะยอมปล่อยเรื่องนี้ไป ก็เหมือนกับที่เขาปฏิเสธจะถูกเนี่ยถิงควบคุมนั่นแหละ

 

 

นี่เป็นสงครามระหว่างหลี่ว์ซู่กับเนี่ยถิง และหลี่ว์ซู่จะแพ้ไม่ได้!

 

 

“ไม่มีใครกล้าถามคุณก็เพราะคุณยังไม่เจอผมไง” หลี่ว์ซู่พูดอย่างเย็นชา เขามัวแต่ยุ่งอยู่กับไห่กงจื่อจนลืมเข้าไปเช็กแต้มอารมณ์ในระบบ พอลองเข้าไปดูบันทึกก็พบว่าเขาได้แต้มอารมณ์มาด้วย!

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเอ๋าไห่+399]

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเอ๋าไห่ +666]

 

 

หลี่ว์ซู่งง เอ๋าไห่ไหนเนี่ย ชื่อนี้เป็นชื่อที่ไม่ค่อยมีคนตั้งด้วยนะ หลี่ว์ซู่รู้สึกว่าเคยเห็นชื่อนี้อยู่แวบๆ อยู่สองสามครั้งตอนที่เดินทางไปโลกตะวันตก…

 

 

ไห่กงจื่อยิ้มออกมาก่อนนั่งลงบนม้านั่งในสวน “ไม่เป็นไร ถ้าไม่อยากให้กลับไปในกระบี่ ข้าก็ไม่กลับไปก็ได้”

 

 

หลี่ว์ซู่ทำให้ไห่กงจื่ออับอายจนกระทั่งเขาทนไม่ได้อีกต่อไป หลี่ว์ซู่เรียกเขาออกมาถี่ๆ โดยใช้หยดเลือด เขาเลยต้องออกมาปรากฏตัว ตอนนี้เขาไม่กลับเข้าไปในกระบี่แล้ว หลี่ว์ซู่จะทำอย่างไรต่อล่ะ

 

 

ขณะที่ไห่กงจื่อนั่งลง เขาก็เห็นหลี่ว์ซู่แบกถังมันฝรั่งที่ล้างแล้วออกมาจากบ้าน ไห่กงจื่อตกใจมาก เขาเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ดี “เจ้า…”

 

 

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็เอากระบี่เฉิงอิ่งนั่นปอกมันฝรั่ง…

 

 

ไห่กงจื่อโกรธมาก “เจ้าเอากระบี่เฉิงอิ่งไปปอกมันฝรั่งแบบนั้นได้อย่างไร! หลายปีที่ผ่านมา ข้าไม่เคยเห็นใครเอากระบี่เฉิงอิ่งไปใช้การเยี่ยงเจ้าเลย!”

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเอ๋าไห่ +999!]

 

 

หลี่ว์ซู่หัวเราะ “เป็นไปไม่ได้หรอกที่สมัยราชวงศ์ซางกับยุคชุนชิวจะไม่มีมันฝรั่ง ใช่มั้ยล่ะ ตอนนี้กระบี่เฉิงอิ่งอยู่ในมือของผมแล้ว ผมจะทำอะไรกับมันก็ได้”

 

 

ไห่กงจื่อพยายามระงับความโกรธ หลี่ว์ซู่ครุ่นคิดว่าจะใช้วิธีใดยั่วโมโหไห่กงจื่อดี ก่อนหน้านี้เขาคิดวิธีที่แย่กว่านี้ได้ แต่ปัญหาก็คือเขายังต้องใช้กระบี่นี้ในอนาคตด้วย

 

 

เขาอยากใช้ธารน้ำศักดิ์สิทธิ์หยดลงบนกระบี่ แต่ถ้าพูดกันตามตรง ผลที่ออกมาคงไม่ดีเท่าไหร่ เขาก็เลยยอมฝึกกระบี่นี้ อุตส่าห์ได้อาวุธวิเศษในตำนานแบบนี้มาทั้งทีก็คงต้องเจอปัญหามากหน่อย

 

 

และหลี่ว์ซู่เองก็ชอบลักษณะของกระบี่นี้ด้วย มันล่องหนได้!

 

 

เมื่อก่อนเขาเคยพูดว่าคนอื่นๆ คิดว่าเขาถนัดต่อสู้ระยะไกลและก็คงหลี่กเลี่ยงที่จะเข้าใกล้เขา พอพวกศัตรูทำแบบนั้น เขาก็เลยฝึกสู้ในระยะที่เข้าใกล้ขึ้นมา เป็นไง น่ากลัวไหมล่ะ

 

 

แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เขามีกระบี่เฉิงอิ่งนี้แล้ว หากพวกศัตรูเข้ามาใกล้เขา พวกนั้นก็จะตายไปโดยไม่ทันรู้ตัวด้วยซ้ำ

 

 

เขาชอบกระบี่นี้มาก มากกว่าเจ้าวิญญาณกระบี่นี้เป็นไหนๆ

 

 

หลี่ว์ซู่คิดว่าเนี่ยถิงอาจนัดแนะกับเจ้าวิญญาณแห่งกระบี่นี่มาไว้ก่อนแล้วว่าให้เขามากลั่นแกล้งหลี่ว์ซู่ เขารู้สึกว่าเนี่ยถิงสามารถทำอะไรเช่นนี้ได้แน่!

 

 

ไห่กงจื่อมองหลี่ว์ซู่ที่กำลังใช้กระบี่เฉิงอิ่งปอกมันฝรั่ง สีหน้าของเขาดูน่ากลัวขึ้นเรื่อยๆ หลังจากที่อดทนอดกลั้นมองดูหลี่ว์ซู่ปอกมันฝรั่งต่อหน้าอยู่นั้น จู่ๆ หลี่ว์ซู่ก็เดินเข้าครัวไปแล้วกลับมาพร้อมกับเขียงและผัก จากนั้นเขาก็เริ่มเอากระบี่นั้นหั่นผัก…

 

 

ตั้งแต่ที่ไห่กงจื่อเป็นวิญญาณแห่งกระบี่มา เขาไม่เคยเห็นใครเอากระบี่เฉิงอิ่งไปใช้งานได้น่าละอายแบบนี้มาก่อนเลย ถ้าใครได้กระบี่เฉิงอิ่งไปก็คงเก็บรักษาไว้อย่างดีแล้ว และนี่ก็เป็นเหตุผลว่าทำไมไห่กงจื่อถึงมีนิสัยแบบนี้ เขาไม่เคยโดนใครทำให้ยอมจำนนแบบที่หลี่ว์ซู่ทำมาก่อน!

 

 

หลังจากนั้นไห่กงจื่อก็ทนต่อไปไม่ไหว เขากลับเข้าไปในกระบี่เฉิงอิ่ง แต่ก็ถูกเรียกออกมาด้วยเลือดของหลี่ว์ซู่อีกครั้ง

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเอ๋าไห่ +999!]

 

 

ช่างเป็นการงัดข้อกันระหว่างมนุษย์และวิญญาณกระบี่ที่น่าดูอะไรขนาดนี้ หลี่ว์ซู่อยากจะสอนให้ไห่กงจื่อรู้และเขาจะไม่ปล่อยให้ไห่กงจื่อกลับไปในกระบี่ แต่เขาเองก็กลับไปในกระบี่อยู่ได้

 

 

ไม่ถึงสองวันหลังจากนั้น หลี่อีเสี้ยวก็เข้ามาเยี่ยมหลี่ว์ซู่ เขาผงะไป

 

 

“หลี่ว์ซู่ เกิดอะไรขึ้น สารรูปดูไม่ได้เลย!”

 

 

“พูดถึงตัวเองอยู่เหรอครับ” หลี่ว์ซู่ตอบกลับอย่างอ่อนแรง หน้าเขาซีดและเสียงที่ตอบออกมาก็เบามากๆ เขาดูกระสับกระส่ายแปลกๆ อยู่เหมือนกัน แต่เขาไม่ได้ทำอะไรร้ายแรงหรอก แค่เสียเลือดไปมากก็เท่านั้นเอง…

 

 

ทั้งหลี่ว์ซู่และเอ๋าไห่ต่างก็มีความอุตสาหะ พวกเขางัดข้อกันเป็นเวลาสองวันสองคืน ขนาดหลี่ว์ซู่ที่ถือว่าแข็งแกร่งระดับ B แล้วยังทนไม่ได้อีกต่อไป ขอสงบศึกไปก่อนวันหนึ่ง แค่วันนี้เท่านั้นแหละ…

 

 

หลี่ว์ซู่มองมันฝรั่งที่ปอกเรียบร้อยแล้วและผักที่ถูกสับกระจายไปทั่วสวนหลังบ้าน เขากำจัดศัตรูไปได้หนึ่งพัน แต่ต้องเสียหายไปแปดร้อย…

 

 

แต่หลี่ว์ซู่ก็ภูมิใจในตัวเอง เอ๋าไห่นั้นเทียบความแข็งแกร่งกับเขาไม่ได้ และเขาก็คงเป็นบ้าตายไปในสองวันนี้!

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเอ๋าไห่ +999!]

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset