ตอนที่ 579 ตรุษจีน
สองวันก่อนตรุษจีน หลี่ว์ซู่มาที่ถนนหลิวไห่ที่เมืองหลวง หลังจากนั้นเขาก็ปักหลักอยู่ที่นั่นต่อโดยไม่คิดจะกลับ…
หลี่ว์ซู่คิดว่าการที่เสี่ยวอวี๋ไปเก็ยตัวฝึกที่ค่ายฝึกฝน เธอคงไม่มีโอกาสได้กลับมาฉลองวันตรุษจีนด้วยกัน แต่เขาเองก็โดนเนี่ยถิงเล่นมาเหมือนกัน เลยหมดสนุกกับตรุษจีนเลย เพราะงั้นเขาไม่ยอมปล่อยให้เนี่ยถิงฉลองตรุษจีนอย่างเป็นสุขแน่
ใช่แล้ว เขารู้สึกว่าที่ตัวเองต้องมาเจ็บตัวแบบนี้ก้เพราะเนี่ยถิง เนี่ยถิงรู้ว่าไห่กงจื่อเป็นอย่างไร และเขาก็บอกให้หลี่ว์ซู่ใจเย็นในการฝึกด้วย ทว่าเขาไม่เคยบอกว่าไห่กงจื่อจะเป็นมังกรจีนในตำนานที่มีกรงเล็บทั้งห้า [1] หลี่ว์ซู่ไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่
จู่ๆ เนี่ยถิงก็ฉุกคิดอะไรขึ้นได้ “เกิดอะไรขึ้นกับไห่กงจื่อ”
ฮ่าๆ แน่ล่ะว่าหลี่ว์ซู่บอกเขาไม่ได้หรอกว่าเขาขังไห่กงจื่อเอาไว้ในหุบเหวแห่งความโกลาหล หลี่ว์ซู่ทำได้แต่หัวเราะ “สบายใจได้ครับ เขาไม่ตายหรอก แต่คงไม่ออกมาข้างนอกสักพัก”
สือเสวจิ้นมองเขาด้วยความตกใจ พ่อของเขาเคยเป็นผู้ถือครองกระบี่นี้มาก่อน เพราะฉะนั้นเขาย่อมรู้ดีว่าไห่กงจื่อเป็นอย่างไร
หลี่ว์ซู่บอกแบบนั้นแสดงว่าเขาต้องกักขังไห่กงจื่อไว้ที่ไหนสักแห่งอยู่ใช่ไหม หลี่ว์ซู่มีพลังน่าทึ่งแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“นาย…” สือเสวจิ้นลังเลพักหนึ่งแต่ก็ถามออกมาในที่สุด
หลี่ว์ซู่เปลี่ยนสีหน้าทันที “โจ๊กลูกเดือยเป็นไงครับ”
“ไม่ใช่ว่ามันยังไม่เสร็จเหรอ” สือเสวจิ้นพูดไม่ออก “โอ้ เสร็จแล้วนี่”
สือเสวจิ้นและเนี่ยถิงมองหน้ากัน พวกเขาพอจะเดาได้แล้วว่ามันเกิดอะไรขึ้น พวกเขารู้ว่าไห่กงจื่อไม่สามารถโจมตีผู้ถือครองกระบี่ได้เพราะหากทำเช่นนั้น เขาจะต้องฝึกตนหลังจากจู่โจมเจ้าของเป็นเวลานาน การทำร้ายผู้ถือครองกระบี่จึงส่งผลเสียมากกว่าให้ผลดี
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาพบเหตุการณ์เช่นนี้ ทว่าไห่กงจื่อคุ้นเคยกับพ่อของสือเสวจิ้นดี เขาเคยพูดกับพ่อของสือเสวจิ้นเรื่องนี้มาก่อน
ในตอนนั้น ไห่กงจื่อบอกว่าเขาจะไม่ทำแบบนั้นนอกเสียจากว่าทนไม่ไหวจริงๆ
แต่พอดูจากสถานการณ์ตอนนี้…
เนี่ยถิงและสือเสวจิ้นสับสนไปหมด หลี่ว์ซู่ทำอะไรลงไปกันแน่ ถึงขนาดทำให้ไห่กงจื่อปรี๊ดแตกได้ภายในเวลาไม่กี่วันแบบนี้เชียว
ผ่านไปครู่หนึ่ง สือเสวจิ้นก็กลับมาพร้อมกับถ้วยโจ๊กลูกเดือย “นายส่งไห่กงจื่อไปไว้ที่ไหน”
หลี่ว์ซู่ไม่ตอบคำถามของเขา “ช่วยส่งจานผักดองให้ผมหน่อยได้ไหม มีผักดองหรือเปล่าครับ”
สือเสวจิ้นพูดไม่ออก
[ได้แต้มอารมณ์จากสือเสวจิ้น +666!]
เขาและเนี่ยถิงเข้าใจแล้ว หลี่ว์ซู่กำลังอารมณ์ไม่ดีและอยากยั่วอารมณ์พวกเขา!
สือเสวจิ้นมองเนี่ยถิง เขาก็บอกหลี่ว์ซู่ไปแล้วไม่ใช่เหรอว่าเขามอบหนังสือตอบรับเข้าเรียนให้ได้ แล้วก็อนุญาตให้หลี่ว์ซู่เข้าวิทยาลัยได้แล้วด้วย แล้วนี่ยังจะมีอะไรอีก
เนี่ยถิงเหลือบมองสือเสวจิ้น ไม่ใช่ว่าไอ้เด็กนี่มาขอร้องให้มอบกระบี่เฉิงอิ่งให้กับเขาเหรอ แล้วเขายังต้องรับผิดชอบอะไรอีก
หลี่ว์ซู่มองเนี่ยถิงที มองสือเสวจิ้นที “พวกคุณทั้งคู่กำลังทำอะไรกันน่ะ มองตากันแบบนั้น”
หากคนอื่นได้ยินว่าเขากล้าพูดแบบนี้กับราชันฟ้าทั้งสองคน พวกเขาต้องกลัวจนฉี่แตก แต่หลี่ว์ซู่ไม่สนใจ เขาอยู่ใต้อาณัติชายสองคนตรงหน้า เขารู้ว่าทั้งคู่ต้องรู้สึกผิดบ้างล่ะ หลี่ว์ซู่หงุดหงิดจริงๆ ที่ต้องเห็นหน้าพวกเขาสองคนก่อนตรุษจีนแบบนี้!
ตกกลางคืน สือเสวจิ้นให้หลี่ว์ซู่นอนห้องที่เขาเคยนอนพักฟื้นก่อนหน้านี้ พอเรียบร้อยแล้วสือเสวจิ้นก็โล่งอกในที่สุด หลี่ว์ซู่ทำเอาเขาปวดหัวตลอดบ่าย ส่วนเนี่ยถิงนั้นก็หลับสนิททันทีในไม่กี่นาทีหลังหัวถึงหมอน พวกเขาเอาแต่คิดถึงวิธีเอาคืนกันทุกวินาที
ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปนอน ทว่าก่อนรุ่งสาง สือเสวจิ้นก็ได้ยินเสียงรบกวนอะไรบางอย่างดังมาจากข้างนอก…
ปุ้ง! เปรี๊ยะๆๆๆ
ปุ้ง! เปรี๊ยะๆๆๆ
มีคนกำลังจุดประทัด!
สือเสวจิ้นและเนี่ยถิงสะดุ้งตื่นจากห้วงนิทรา ทั้งคู่รู้สึกงุนงง เขาห้ามไม่ให้จุดประทัดเล่นในเมืองหลวงตั้งนานแล้วไม่ใช่เหรอ แล้วใครยังกล้าเล่นอีก แต่ฟังแล้วดูเหมือนเสียงจะมาจากแถวๆ นี้…
เดี๋ยวก่อน มีคนกำลังจุดประทัดอยู่ในสวน หลี่ว์ซู่!
[ได้แต้มอารมณ์จากเนี่ยถิง +999!]
[ได้แต้มอารมณ์จากสือเสวจิ้น +999!]
ไอ้เด็กเปรตนี่! ดึกๆ ดื่นๆ มาจุดประทัดเล่นในสวนแบบนี้ได้ไง สือเสวจิ้นกระชับเสื้อแล้วเดินออกไปข้างนอก พอเห็นหลี่ว์ซู่ก็ถึงกับเดือดขึ้นมา “ทำอะไรอยู่ รู้ไหมว่าในเมืองหลวงเขาไม่ให้จุดประทัดน่ะ”
หลี่ว์ซู่เองก็เซ็งเหมือนกัน “งั้นมันก็ไม่รู้สึกว่าเป็นตรุษจีนน่ะสิ”
สือเสวจิ้นรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติ เขามองดูเวลาจากนาฬิกาข้อมือ “นี่ตีสามแล้วนะ! ไม่มีใครเขามาเล่นประทัดกันตอนตีสามหรอก ใครๆ ก็เขาก็จุดกันตอนเที่ยงคืนทั้งนั้นแหละ มีแต่นายที่อยากเล่นตอนตีสาม ครอบครัวนายอยู่ถึงตีสามกันในวันก่อนตรุษจีนเหรอ ทำไมไม่รอฟ้าสว่างซะเลยล่ะ”
[ได้แต้มอารมณ์จากสือเสวจิ้น +999!]
“ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกครับ ผมรอถึงเช้าแน่ แล้วผมก็ซื้อประทัดมาแล้วด้วย” หลี่ว์ซู่หัวเราะตอบ
สือเสวจิ้นคิดแล้วก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ “นี่มันสองวันก่อนวันปีใหม่นะ ไม่คิดว่ามันเร็วไปหน่อยเหรอนี่จะมาเล่นประทัด”
ถ้ามีคนจำกัดการเล่นประทัดในบริเวณหนึ่ง เดี๋ยวพวกเขาก็อาจถูกปรับได้ แต่หลี่ว์ซู่ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าให้เนี่ยถิงจ่ายค่าปรับหรอก
สือเสวจิ้นมองไปที่หลี่ว์ซู่ที่เอากล่องประทัดออกมาจากตราแห่งแผ่นดินอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร เขาเพิ่งจะอยากเล่นอะไรตอนนี้ แถมตอนนี้เปลี่ยนจากประทัดเป็นพลุเสียด้วย
สือเสวจิ้นมองไปที่กล่องประทัด… มีประทัดอยู่ถึงแสนดอกด้วยกัน… เขาเดินกลับไปในบ้านแล้วรีบโทรศัพท์
“สวัสดีครับ ตำรวจใช่ไหม มาที่บ้านหน่อยได้ไหมครับ มีคนเล่นประทัดในบ้าน ครับ ครับ ครับ! มาปรับเขาด่วนเลยนะครับ ที่อยู่เป็นบ้านเลขที่สิบเจ็ด ถนนหลิวไห่ ครับ ครับ! ใช่แล้วครับ เป็นบ้านราชันฟ้าเนี่ย ไม่ต้องห่วงครับ ราชันฟ้าเนี่ยช่วยคุณแน่นอน!”
ผู้นำแห่งเครือข่ายฟ้าดินโดนบีบจนต้องโทรหาตำรวจด้วยตัวเอง!
พอเห็นแบบนั้นหลี่ว์ซู่ก็เก็บประทัด สือเสวจิ้นหัวเราะเสียงดัง “ไงเจ้าหนุ่ม กลัวเหรอ”
เขาไม่ได้โทรหาตำรวจจริงๆ หรอก ถ้าเป็นเรื่องใหญ่ขึ้นมาจะแย่เอา สือเสวจิ้นอยากทำให้หลี่ว์ซู่กลัวเท่านั้นแหละ แต่ก่อนที่สือเสวจิ้นจะหัวเราะเสร็จ หลี่ว์ซู่ที่นั่งบนโต๊ะหินก็มองขึ้นไปแล้วอ้าปากร้องว่า “ปุง! เปรี๊ยะๆๆๆ!”
“ปุ้ง! เปรี๊ยะๆๆๆ!”
สือเสวจิ้น “???”
นี่นายทำตัวเป็นประทัดมนุษย์งั้นเหรอ
หรือกำลังฝึกร้องเพลงล้อเลียน ทำอะไรของนายเนี่ย บ้าไปแล้วหรือไง!
สือเสวจิ้นเป็นแค่คนธรรมดาๆ เขาไม่สามารถทนอดหลับอดนอนติดๆ กันแบบนี้ได้หรอก
[ได้แต้มอารมณ์จากสือเสวจิ้น +999!]
เช้าวันต่อมาสือเสวจิ้นก็มีรอยคล้ำใต้ตาตอนตื่น เขามองไปยังเนี่ยถิง
“เร็วเข้าครับ สมัครเรียนให้เขาเถอะ เอาเขาไปจากที่นี่ที…”
เนี่ยถิงส่ายหัว “ฉันกลัวว่าแค่หนังสือตอบรับเข้าเรียนคงแก้ปัญหาในตอนนี้ไม่ได้แน่…”
คืนก่อนตรุษจีน สือเสวจิ้นก็เตรียมตัวโทรหาตำรวจถ้าหลี่ว์ซู่อยากจะเล่นประทัดอีก แต่หลี่ว์ซู่หายตัวไปแล้ว
“หลี่ว์ซู่ไปไหนกัน” สือเสวจิ้นถามอย่างสงสัย
“ป่าช้าปาเป่าชาน” เนี่ยถิงตอบอย่างใจเย็น “นี่คงเป็นเหตุผลที่แท้จริงว่าทำไมเขาถึงมาถึงที่เมืองหลวงได้”
หลี่ว์ซู่ยืนอยู่ต่อหน้าป้ายหลุมศพของหลิวซิว เขาค่อยๆ เอาชามจ๋าเจี้ยงเมี่ยน [2] วางไว้ที่หน้าป้ายหลุมศพ
“สหาย สงสัยนายคงเหงาน่าดูในวันตรุษจีนแบบนี้ ก็เลยเอาจ๋าเจี้ยงเมี่ยนมาให้ชามหนึ่ง ขอบคุณมากนะที่ตอนนั้นนายก้าวออกมาด้วยความกล้าหาญ ถ้าไม่ได้นาย ฉันคงลงหลุมไปแล้ว ไม่ใช่นายแบบนี้”
เขานั่งลงข้างบันไดแล้วพูดต่อ “ฉันไปเยี่ยมครอบครัวของลูกพี่ลูกน้องนายมา หลังจากที่นายจากไป ฉันบอกลูกพี่ลูกน้องนายว่าฉันจะเป็นพี่ชายดูแลเขาให้นับตั้งแต่นั้น แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ดีใจเท่าไหร่นะ…”
“หมดห่วงได้แล้วนะ รีบๆ ไปเกิดใหม่ได้แล้ว ถ้าชาติหน้าได้เป็นสหายร่วมรบกันอีกเราคงจะได้เห็นประเทศเราเจริญรุ่งเรือง และคงได้มากินจ๋าเจี้ยงเมี่ยนด้วยกัน พอเจอกันแล้วอย่าลืมหลิ่วตาทักทายล่ะ ฉันกลัวว่าตอนนั้นจะจำนายไม่ได้…”
——
[1] มังกรน้ำในตำนานของจีน
[2] อาหารจีนที่ทำจากเส้นบะหมี่หนาและโปะหน้าด้วยซอสดำจ๋าเจี้ยง