ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ – ตอนที่ 580 หนังสืออนุญาตรับเข้าเรียนในกรณีพิเศษ

ตอนที่ 580 หนังสืออนุญาตรับเข้าเรียนในกรณีพิเศษ

 

 

ที่หลี่ว์ซู่มาที่เมืองหลวงก็ด้วยเหตุผลสองอย่าง อย่างแรกคือเขาอยากจะมาเยี่ยมหลิวซิวและใช้เวลาช่วงเข้าปีใหม่ไปพร้อมๆ กับหลิวซิวที่ตายเพื่อเขา อย่างที่สองก็คือเขาอยากมากวนประสาทเนี่ยถิงและสือเสวจิ้น

 

 

ตอนที่สือเสวจิ้นได้ยินเนี่ยถิงบอกเขาว่าหลี่ว์ซู่จะไปที่ป่าช้าปาเป่าซาน เขาก็เงียบไป ผ่านไปชั่วครู่เขาจึงพูดว่า “หลี่ว์ซู่เป็นเด็กจิตใจดีนะครับ สงสัยคุณจะตัดสินใจถูกจริงๆ ถ้าเขาได้เป็นคนที่รับผิดชอบเรื่องงานต่างประเทศ เราคงไม่ต้องเสียกำลังทหารที่ต้องสละชีวิตในต่างประเทศไปเยอะเท่าไหร่”

 

 

“หากเป็นคนไร้หัวใจก็คงเป็นคนที่สนใจแต่ชีวิตตัวเองหรือคิดแต่จะทำให้เป้าหมายตัวเองสำเร็จโดยไม่สนใจชีวิตของคนรอบข้างเลย” เนี่ยถิงพยักหน้าเห็นด้วย “คนแบบนี้คงเป็นแค่นักฆ่าเท่านั้นแหละ มาเป็นผู้นำคนไม่ได้”

 

 

สือเสวจิ้นมองเนี่ยถิง “คุณกำลังพูดถึงเฉาชิงฉืออยู่ใช่ไหม แล้วทำไมคุณถึงยังเตรียมสอนเคล็ดลับดาบให้เธออยู่ล่ะ”

 

 

“เธอไม่ใช่คนไร้หัวใจ แต่เธออยากทำเป้าหมายให้สำเร็จมากเกินไปโดยไม่คำนึงถึงวิธีการว่าจะถูกหรือผิด เธอยอมสละชีวิตตัวเองด้วยซ้ำ อย่าว่าแต่ชีวิตคนอื่นเลย” เนี่ยถิงพูดอย่างใจเย็น “เพราะฉะนั้นต้องทำงานรับผิดชอบหน้าที่ในต่างประเทศดูจะไม่เหมาะกับเธอเท่าไหร่ เธอน่ะเหมาะกับการเป็นคมดาบที่คมที่สุดของเครือข่ายฟ้าดินต่างหาก”

 

 

“แล้วพวกหัวกะทิคนอื่นๆ ล่ะครับ” สือเสวจิ้นถามอย่างสงสัย “ครั้งนี้เรายอมสละหัวกะทิระดับ A ไปสองคน ผมยังรู้สึกผิดอยู่ไม่หายเลย แต่คนอื่นๆ นั้นเปลี่ยนแปลงเร็วเกินไป เมื่อบางคนต้องผ่านความเป็นความตายกันมาก็เกิดการปะทุพลังขึ้น ตอนนี้พวกที่มีประสบการณ์รบในเครือข่ายฟ้าดินยังสู้พวกเขาไม่ได้เลย โลกนี้นี่ไม่ยุติธรรมจริงๆ พวกหัวกะทิเก่งกาจขึ้นมาเทียบชั้นพวกที่ฝึกมาอย่างหนักและใช้เวลานานได้ไวมาก”

 

 

“เรารู้กันดีน่าว่ามันไม่มีอะไรยุติธรรมในโลกนี้หรอก ไม่อย่างนั้นแล้วทำไมป่านนี้นายยังไม่ได้รับผลตอบแทนจากการฝึกบำเพ็ญอีกล่ะ” เนี่ยถิงพูดขณะพลิกหน้าเอกสารในมือ “ส่วนเรื่องหัวกะทิสองคนที่เราเสียไป เราให้แผนที่พวกเขาจะสามารถปกป้องตัวเองได้เรียบร้อยแล้ว แต่พวกเขาไม่ฟังเราเอง เราอนุญาตให้พวกเขาถอยกลับมาได้ แต่พวกเขาอยากจะทำตามใจตัวเอง ถ้าให้เลือกระหว่างพวกกะทิพวกนั้นกับหลี่ว์ซู่ ฉันคงเลือกหลี่ว์ซู่มากกว่า”

 

 

“แต่ถ้าเขาไม่เต็มใจจะทำ คุณจะทำยังไงล่ะ” สือเสวจิ้นส่ายหัว “ไม่มีคนอื่นให้เลือกแล้วเหรอครับ ผมมีความรู้สึกว่าถ้าเวลาผ่านไปแล้ว หลี่ว์ซู่คงสู้พวกหัวกะทิไม่ได้”

 

 

“ฉันไม่คิดอย่างนั้นหรอกนะ นายไม่รู้สึกเหรอว่าหลี่ว์ซู่ซุกซ่อนความลับไว้เยอะมาก” เนี่ยถิงเงยหน้าขึ้นมองแล้วพูดอย่างใจเย็น “ในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายน่ะ คนที่ถ่อมตัวในความสามารถของตัวเองมักจะเป็นคนที่ชนะเสมอแหละ จนป่านนี้เราก็ยังไม่รู้เลยว่าหลี่ว์ซู่ไปทำท่าไหนถึงได้ฆ่าทาคาชิมะ ทาอิรัตสึได้ เราไม่รู้เลยว่าเขาร่ำเรียนวิชาจากหอเกียรติกระบี่มาแค่ไหน เรารู้แต่ว่าตอนนี้เขาอาจจะเลื่อนเป็นระดับ B แล้วก็ได้ แต่ก็ยังไม่รู้แน่ๆ ว่าจริงๆ แล้วเขาเข็งแกร่งมากเท่าไหร่ หมาเห่าน่ะไม่กัดหรอกรู้ไหม แต่เขาเป็นหมาไม่เห่านี่สิ ฉันอาจจะเปรียบเปรยไม่ค่อยถูก แต่ฉันมั่นใจว่าหลี่ว์ซู่เหมาะกับตำแหน่งนี้แน่ เขาจะเอาพลังที่แท้จริงออกมาได้ตอนเวลาสำคัญจริงๆ เท่านั้น”

 

 

“ถ้าอย่างนั้นให้พวกหัวกะทิพวกนั้นกลับไปที่ฐานของตัวเอง แล้วก่อนที่ค่ายฝึกจะจบลงก็อย่าลืมบอกพวกเด็กนักเรียนธรรมดาๆ ของห้องเต้าหยวนด้วยว่าอย่าได้ประมาทเด็ดขาด บอกพวกเขาไปว่าโลกข้างนอกนั่นมีคนเก่งกาจกว่าพวกเขาหลายเท่า เพราะบางคนอาจจะพอใจกับผลลัพธ์แล้วหลังการฝึกจบลง” สือเสวจิ้นพูด “แต่อย่ากดดันพวกเขามากเกินไปนะครับ หากกดดันมากๆ เดี๋ยวจะเป็นการทำร้ายพวกเขาไปได้”

 

 

“อืม” เนี่ยถิงพยักหน้ารับรู้

 

 

“งั้นพวกเราจะทำยังไงกับหลี่ว์ซู่ดี เราปล่อยเขาอยู่ในหน่วยรักษาความปลอดภัยในเมืองลั่วต่อไปดีไหมครับ” สือเสวจิ้นเม้มปากด้วยความรำคาญ “หรือว่าเราจะให้เขาไปเรียนอย่างที่อยากดีครับ ตอนนั้นคุณไม่อยากให้เขาไปเรียน เราก็เลยต้องมาปวดหัวกันแบบนี้ ผมว่าเขาไม่จำเป็นต้องไปเรียนก็ได้ แต่พอคุณยืนกรานว่าจะไม่ให้เขาไป ทีนี้แหละเขาเลยอยากไปมาก แล้วคุณก็ต้องตัดสินใจเรื่องนี้ก่อนที่เขาจะได้ทันพูดอะไรด้วย”

 

 

น้ำเสียงของเนี่ยถิงเปลี่ยนเป็นเย็นชาทันที “นี่จะให้ฉันยอมแพ้งั้นเหรอ เขาไม่จำเป็นต้องไปเรียน เขาไปอยู่ต่างประเทศคนเดียวได้ ทำไมจะต้องให้เขาไปเรียนแล้วมาเสียเวลาอยู่ที่นี่ด้วย”

 

 

“ไห่กงจื่อน่ะโดนขังอยู่นานมากแล้ว จะยอมแพ้ไปก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมเคยพูดแล้วนะว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นเพราะคุณไม่อยากให้เขาไปเรียน สิ่งที่เขาอยากได้จากคุณตอนนี้ก็คือหนังสือรับเข้าเรียนจากคุณโดยตรง”

 

 

“ตอนนั้นนายเป็นคนบอกให้ฉันเอากระบี่เฉิงอิ่งให้เขาเองไม่ใช่เหรอ” เนี่ยถิงเริ่มทำสีหน้าน่ากลัว

 

 

“จะโทษผมคนเดียวก็ไม่ได้นะ ดูเขาสิ ถ่อมาตั้งไกลถึงเมืองหลวงนี่เพื่อจะมาใช้เวลาปีใหม่กับหลิวซิว จะให้กระบี่เฉิงอิ่งไปก็คงไม่เป็นไรหรอกใช่ไหมละครับ” สือเสวจิ้นเริ่มรู้สึกหนาวๆ ร้อนๆ

 

 

เนี่ยถิงก็เริ่มเข้าใจขึ้นมาแล้วว่าหลี่ว์ซู่จะคิดอย่างไร เขาเลยพูดออกไป “งั้นรอให้เขากลับมาก่อนก็แล้วกัน”

 

 

เนี่ยถิงรู้สึกว่าที่หลี่ว์ซู่ทำไปทั้งหมดก็เพื่อหลิวซิว เขาประทับใจที่หลี่ว์ซู่มาถึงที่นี่เพื่อหลิวซิวมาก แต่เขาก็ยังยืนกรานเรื่องที่จะส่งเขาไปต่างประเทศอยู่ดี

 

 

ทว่าดูเหมือนว่าหลี่ว์ซู่จะไม่อยากรับข้อเสนอนี้ในตอนนี้ เนี่ยถิงต้องหาทางอื่น

 

 

วันรุ่งขึ้นหลี่ว์ซู่ก็ยังไม่กลับมา ไม่มีใครรู้ว่าเขาหายไปไหน

 

 

เนี่ยถิงรู้ว่าหลี่ว์ซู่มีหน้ากากนั่น หลี่ว์ซู่คงจะหายไปจากเมืองหลวงได้ไม่ยากนักหรอก แต่เนี่ยถิงกลับรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีแปลกๆ หลี่ว์ซู่จะไปก่อเรื่องใหญ่ในเมืองหลวงอีกหรือเปล่านะ ตอนนี้เนี่ยถิงเลยต้องมานั่งในห้องควบคุมที่ตรอกหลิงจิง คอยส่องดูกล้องวงจรปิดในทุกๆ ซอกมุมของเมืองหลวง

 

 

แต่ต่อให้หาทั้งวันแล้วก็ไม่เจออะไร

 

 

เกิดอะไรขึ้นกันแน่นะ เนี่ยถิงขมวดคิ้วและก็กลับไปที่บ้านบนถนนหลิวไห่ รอคอยจะพูดกับหลี่ว์ซู่ เนี่ยถิงคิดไปถึงตอนที่หลี่ว์ซู่พูดว่าเขาไม่สามารถทนให้มีหลิวซิวอีกพันๆ คนตายที่ต่างประเทศได้อีก นั่นก็เลยเป็นเหตุผลที่เขาไม่อยากไปต่างประเทศ เนี่ยถิงคงจะไปนั่งคุยกับหลี่ว์ซู่จริงๆ จังๆ ได้เพื่อโน้มน้าวให้เขาไปต่างประเทศ และการที่เขาไปก็จะทำให้เขาช่วยชีวิตคนแบบหลิวซิวได้อีกหลายคน หรือเขาอาจจะพูดไปว่าความสามารถของหลี่ว์ซู่นั้นแข็งแกร่งมากพอที่จะปกป้องคนแบบหลิวซิวได้ทั้งหมดแน่นอน

 

 

ฟังดูเป็นการเปิดประเด็นที่ดีแฮะ

 

 

แต่เนี่ยถืงเพิ่งจะมาคิดวิธีพูดดีๆ ได้ตอนที่หลี่ว์ซู่หายตัวไปนี่แหละ

 

 

ทั้งเนี่ยถิงและสือเสวจิ้นไม่จำเป็นต้องไปเยี่ยมหาญาติในวันปีใหม่วันแรก พวกเขาต่างพักผ่อนอยู่ในห้องของตัวเอง ก่อนรุ่งสางเนี่ยถิงก็ตกใจตื่นขึ้นมาเพราะได้ยินเสียงอะไรเคลื่อนไหวอยู่ข้างนอก เหมือนกำลังมีคนเลื่อนเก้าอี้มาที่ประตู…

 

 

“ปุ้ง! เปรี๊ยะๆๆ!”

 

 

“ปุ้ง! เปรี๊ยะๆๆๆๆ!”

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากเนี่ยถิง +999!]

 

 

[ได้แต้มอารมณ์จากสือเสวจิ้น +999!]

 

 

สือเสวจิ้นซุกตัวอยู่ในเสื้อผ้าของเขาด้วยความรำคาญขณะที่เปิดประตูออกมา เขาเห็นหลี่ว์ซู่นั่งอยู่ที่ประตูและทำเสียงประทัดจากปากของเขาเอง สือเสวจิ้นไม่อยากเชื่อ “นี่นายหายไปเป็นวัน แต่ยังจำได้ว่าต้องกลับมาดึกๆ ดื่นๆ เพื่อทำเสียงน่ารำคาญแบบนี้เนี่ยนะ!”

 

 

เนี่ยถิงที่มีหน้าบูดเป็นตูดโยนกระดาษใส่หลี่ว์ซู่ กระดาษนั้นคือหนังสืออนุญาตรับเข้าเรียนในกรณีพิเศษ เขาเอ่ยว่า “เอาไป แล้วรีบๆ ไปหาจงอวี้ถังซะ อย่าลืมดูแลไห่กงจื่อดีๆ ล่ะ ตำนานบอกว่าไห่กงจื่อไม่ได้ถูกผนึกอยู่ในกระบี่ด้วยฝึมือคนอื่นหรอก เขาเสียสละชีวิตตัวเองเพื่อปกป้องคนอื่น พอตายแล้วก็บังคับให้วิญญาณตัวเองไปอยู่ข้างในนั้นและใช้กระบี่เฉิงอิ่งเป็นโลกหลังความตาย”

 

 

หลี่ว์ซู่ตะลึง นี่คือเรื่องราวที่แท้จริงของไห่กงจื่องั้นเหรอ ตอนนั้นที่เขามองดูในไข่มุกสีดำ เขายังเห็นไห่กงจื่อก้มเก็บถั่วแขกอยู่เลย…

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

ท่านเทพ ละเว้นข้าเถอะ

หลี่ว์ซู่ เป็นเด็กกำพร้าที่หาเลี้ยงตัวเองมาโดยตลอด และก็คงจะหาเลี้ยงตัวเองเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ ถ้าเขาไม่ได้ประสบอุบัติเหตุรถชนเข้าเสียก่อน… แต่เฮ้ย! เขาไม่เป็นอะไรเลยนี่ ไม่เจ็บ ไม่ปวด และไม่ตาย แถมวิญญาณไม่ได้หลุดออกจากร่างด้วย! จะมีก็แต่สัญลักษณ์รูปต้นไม้ที่จู่ๆ ก็ปรากฏขึ้นมาบนฝ่ามือและพลังพิเศษในตัวที่ตื่นขึ้นมาเท่านั้น! ทว่าเขาไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่ได้รับพลังพิเศษนี้มา เพราะคนอื่นๆ เองก็เริ่มกลายเป็นผู้มีพลังแล้วเหมือนกัน นี่มันเรื่องบ้าอะไร เกิดอะไรขึ้นกับโลกใบนี้กันแน่ นี่เรากำลังจะก้าวเข้าสู่ยุคของผู้มีพลังพิเศษกันแล้วงั้นเหรอ หลี่ว์ซู่ได้แต่คิดแล้วก็สงสัย ว่าแต่พลังที่ได้มานี่มันฝึกยังไงกันล่ะ เอ๊ะ ต้องสะสมแต้มอารมณ์ด้านลบงั้นเหรอ แค่กวนโมโหคนอื่นก็เพิ่มพลังได้แล้วงั้นเหรอ แบบนี้ก็เข้าทางหลี่ว์ซู่สุดๆ ไปเลยน่ะสิ!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset