บทที่ 210 รู้สึกปวดใจ

บทที่ 210 รู้สึกปวดใจ
โดย

บทที่ 210 รู้สึกปวดใจ

“พี่โจวอย่าว่าแบบนี้เลย หากชาวบ้านคนอื่น ๆ กล้าทำเรื่องไร้ยางอายแบบนั้นขึ้นมา เราจะเป็นพยานให้พี่นะครับ!” หัวหน้าหมู่บ้านรีบก้าวมาหา

คนอื่น ๆ ที่มีความสัมพันธ์อันดีกับตระกูลโจวก็แสดงท่าทีเข้าข้างเช่นกัน

ตอนนี้ไม่มีใครกล้าขัดตระกูลโจวเลย ด้วยคนอย่างโจวชิงไป๋นั้นมีเส้นสายอยู่กับกรมตำรวจ

ฝ่ายผลิตหลายคนเองก็ขอความช่วยเหลือจากเขาตอนที่ต้องการยาฆ่าแมลงกับปุ๋ยด้วยไม่ใช่หรือ?

แล้วหลินชิงเหอตอนนี้ก็เป็นครูโรงเรียนมัธยมต้นประจำตำบล ซึ่งเด็กที่เธอสอนนั้นก็มีโอกาสสูงมากที่จะสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แล้วจะมีนักเรียนที่เธอสอนอยู่กี่คนล่ะ? นับว่าเธอมีเส้นสายมากขนาดไหนกัน?

แน่นอนว่าที่สำคัญที่สุดก็คือเจ้าใหญ่เด็กวัยรุ่นคนนี้

เขาเพิ่งจะสอบเข้าปีแรกของโรงเรียนมัธยมต้นได้และกำลังจะเลื่อนชั้นไปเรียนชั้นปีที่สองเพื่อเตรียมเข้าโรงเรียนมัธยมปลาย เด็กคนนี้นับว่าอัจฉริยะขนาดไหนกันล่ะ?

ถ้าเป็นสังคมยุคเก่าในอดีต เขาอาจจะกลายเป็นบัณฑิตระดับจังหวัดได้เลย!

คนที่มีสายตากว้างไกลต่างลงความเห็นว่าครอบครัวตระกูลโจวกำลังก้าวหน้า

ยิ่งกว่านั้นครอบครัวตระกูลโจวยังเป็นมิตรกับทุกคนในหมู่บ้านมาตลอด เมื่อใครก็ตามต้องการความช่วยเหลือ พวกเขาก็จะยื่นมือช่วย

ดังนั้นต่อให้คนบางคนมีความคิดบางอย่างอยู่ในใจ ตอนนี้พวกเขาก็ไม่กล้าเอ่ยอะไร เมื่อเห็นท่าทีของคนส่วนใหญ่ในหมู่บ้าน

จากนั้นคนเชือดหมูในหมู่บ้านก็ทยอยเดินทางมาชำแหละหมูป่าตัวนี้

การแบ่งเนื้อหมูของคนในหมู่บ้านตอนสิ้นปีของปีที่แล้วได้สำเร็จเสร็จสิ้นในระหว่างปีใหม่นี้แล้ว หากพวกเขาไม่ได้ซื้อเนื้อหมูป่าในปีนี้ ก็จะต้องคอยจนกว่าจะถึงฤดูผ่อนปรนของปีนี้

ดังนั้นคนหลายคนจึงมาซื้อเนื้อหมูป่ากลับไปเป็นจำนวนมาก

โจวต้งเองก็พาไฉ่ปาเม่ยไปซื้อเนื้อหมูป่ากับเขาด้วย หมูป่านี้อุดมไปด้วยสารอาหาร มันจึงเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบในการนำกลับไปตุ๋นให้ภรรยากินบำรุงน้ำนม

เนื้อหมูป่าแบ่งขายเป็นชั่ง แต่ในเมื่อขายให้กับคนในหมู่บ้านเดียวกัน โจวชิงไป๋จึงให้มากกว่ามาตรฐานด้วยการที่เขาเป็นคนมีอัธยาศัยดี ซึ่งก็เพิ่มมาไม่มากนักราว 50-100 กรัมเท่านั้น ขึ้นอยู่กับความสนิท

หากพวกเขามีความสนิทชิดเชื้อกัน เขาก็ให้เพิ่ม 50-100 กรัม แต่ถ้าไม่สนิทนัก เขาก็เพิ่มให้เพียง 25 กรัมเท่านั้น

นี่เป็นการค้าขายกันในหมู่บ้าน ซึ่งก็ช่วยไม่ได้ที่พวกเขาอาศัยอยู่ในพื้นที่เดียวกัน

เมื่อโจวต้งมาหา หลินชิงเหอก็ให้ขาหมูสองขาและบอกให้เขานำกลับไปตุ๋นจนเปื่อยเพื่อให้ภรรยาของเขากินบำรุงน้ำนม ซึ่งโจวต้งก็รู้สึกดีใจมาก

คุณป้าไฉ่ยืนอยู่ข้างเธอพอดี นางยิ้มกริ่มเมื่อเห็นดังนี้และเอ่ยขึ้น “ภรรยาชิงไป๋ มาคุยกันที่บ้านป้าบ่อย ๆ สิ”

“งั้นฉันไม่เกรงใจคุณป้าแล้วนะคะ” หลินชิงเหอตอบด้วยรอยยิ้ม

คนอื่น ๆ มาซื้อเนื้อหมูป่าเช่นกัน แม้แต่พี่ชายใหญ่ พี่ชายรอง และพี่ชายสาม พวกเขาจ่ายเงินตามปกติ แต่ได้เนื้อไปเยอะกว่าคนอื่นมาก

โดยทั่วไปแล้ว หมูป่าตัวนี้ถือเป็นของขายดีทีเดียว ทุกคนที่ซื้อเนื้อหมูป่าไปล้วนพอใจกันถ้วนหน้า

หมูป่าตัวใหญ่นี้มีน้ำหนักเกือบ 400 ชั่ง โจวชิงไป๋ขายมันตามระดับชั้นของเนื้อคือเนื้อชั้นหนึ่ง เนื้อชั้นรอง และเนื้อชั้นสาม ได้เงินจากการขายมามากกว่า 270 หยวน

น้องชายสามตระกูลหลินได้รับไป 50 หยวนและได้เนื้อติดมันชิ้นใหญ่น้ำหนักราว 4 ชั่งมา 1 ชิ้น

“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่เขย มันมากเกินไป” น้องชายสามตระกูลหลินหน้าแดงด้วยความอับอาย

บอกตามตรงว่าตอนที่เขาเห็นหมูป่าตัวใหญ่นี้ เขาก็ตกใจยืนนิ่ง เป็นเจ้าใหญ่ที่ดึงตัวเขาให้วิ่งหนี

หมูป่าตัวนี้ถูกพี่เขยไล่ล่าด้วยตัวคนเดียว ไม่อย่างนั้นแล้วร่างเล็กของเขาคงจะปลิวกระเด็นไปทางตะวันตกหากโดนมันพุ่งชนเพียงครั้งเดียว ล่าหมูป่าอะไรกันล่ะ?

มันเป็นตอนที่หมูป่าตัวนี้ถูกเคลื่อนย้ายมาที่บ้านเท่านั้นเขาถึงจะมีกำลังวังชากลับมา

“รับไว้เถอะ” โจวชิงไป๋พูด

หลินชิงเหอรับเงินและยัดใส่มือน้องชายสามตระกูลหลิน “พี่เขยบอกให้รับไว้ก็รับไว้เถอะ ตอนนี้ก็เย็นมากแล้ว ถ้านายไม่รีบกลับไป ภรรยากับลูก ๆ ของนายจะเป็นห่วงเอานะ”

“พี่ครับ นี่มันมากเกินไป” น้องชายสามตระกูลหลินเอ่ย

“เป็นนายเองที่มาชวนพี่เขยไปล่าสัตว์ ถ้านายไม่ทำเขาก็ไม่เจอกับหมูป่าตัวนี้หรอก ตอนนี้พอได้แล้วล่ะ รีบกลับไปได้แล้ว” หลินชิงเหอเอ่ยไล่

น้องชายสามตระกูลหลินรู้สึกอายอย่างมาก แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็รับเนื้อกลับไป

สะใภ้สามตระกูลหลินเป็นกังวลอย่างที่คิดไว้ ตอนนี้มันก็เย็นมากแล้วแต่สามีของหล่อนยังไม่กลับมา คงไม่ใช่ว่ามีอะไรเกิดขึ้นหรอกนะ?

สะใภ้สามตระกูลหลินไม่อาจคาดคิดได้เลยว่าชีวิตของหล่อนจะเป็นอย่างไรต่อไปถ้าสามีประสบอุบัติเหตุ

หล่อนรออยู่ที่ประตูบ้าน ไม่ว่าอากาศจะหนาวเหน็บขนาดไหนก็ไม่กลัว หลังรอมานานเกือบชั่วโมงหนึ่ง มันก็สิ้นสุดการรอคอยสามีกลับมาที่บ้าน

สะใภ้สามตระกูลหลินอยากจะร้องไห้เมื่อเห็นน้องชายสามตระกูลหลิน

แต่ก่อนที่หล่อนจะมีโอกาสได้ร้องไห้ออกมา หล่อนก็เห็นเนื้อชิ้นหนึ่งอยู่ในมือของเขาจนชะงักไป “ทำไมถึงมีเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้กลับมาด้วยล่ะคะ?”

น้องชายสามตระกูลหลินพาหล่อนเข้าบ้านและดื่มน้ำอุ่นเพื่อสร้างความอบอุ่นกับร่างกาย ตอนนี้เองเขาก็เล่าถึงประสบการณ์ชวนระทึกขวัญของวันนี้ให้หล่อนฟัง

พวกเขาไม่ได้จับไก่ฟ้าหรือกระต่ายป่าหรอก กลายเป็นว่าพวกเขาพบหมูป่าตัวใหญ่ที่เดินออกมาหาอาหารแทน

เรื่องนี้ทำให้สะใภ้สามตระกูลหลินถึงกับตื่นตระหนก หมูป่าตัวหนึ่งสามารถชนผู้ชายโตเต็มวัยได้หลายคนเลยนะ

“ตอนนั้นผมตกใจแทบตาย เจ้าใหญ่เป็นคนดึงผมขึ้นต้นไม้ ส่วนพี่เขยเป็นคนจัดการมันด้วยตัวเอง เขาให้เงิน 50 หยวนเป็นค่าตอบแทนที่ผมล่อมันมาตอนขากลับ” เขาหยิบเงินออกมาและเอ่ยด้วยความละอายใจ

“ฉันไม่รู้เลยค่ะว่าคุณโชคดีขนาดไหนกับการได้มาเจอพี่สาวและพี่เขยแบบนี้” สะใภ้สามตระกูลหลินเอ่ยขึ้นพลางจ้องมองเงิน ไหนจะยังมีเนื้อชิ้นใหญ่ขนาดนี้อีก หล่อนรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาเต็มอก​ขณะจ้องมองสามีคนโง่ของหล่อน

น้องชายสามตระกูลหลินยิ้มกริ่มและยื่นเงินให้ภรรยา​ “คุณเก็บเงินไว้เถอะ​ ปีหน้าเราควรส่งลูกสาวคนโตของเราเข้าโรงเรียนได้แล้วนะ”

“ตกลงค่ะ”​ สะใภ้สามตระกูลหลินปริปากจะแย้งแต่ก็พยักหน้าในท้ายที่สุด​เนื่องจากเห็นว่าพี่สาวสามเกี่ยวข้องกับการศึกษาอยู่

กล่าวทางด้านโจวชิงไป๋กับหลินชิง​เหอ​ แม้ว่าจะเพิ่งผ่านช่วงเวลาระทึกขวัญมา​ แต่พวกเขาก็ยังได้รับรายได้ก้อนโต

หลังให้น้องชายสามตระกูลหลินไป 50 หยวนแล้ว​ พวกเขาก็ยังมีรายได้เหลืออยู่ราว ๆ​ 200 หยวน

พวกเขาทำอาหารเตรียมไว้กินเองหลายอย่างเลยทีเดียว

ส่วนเจ้ารองกับเจ้าสามก็เอาแต่ก่อกวนพี่ชายคนโตให้เล่าถึงวีรกรรมของผู้เป็นพ่อเป็นครั้งที่ห้าว่าเขาล้มหมูป่าหนัก 400 ชั่งตัวนี้ด้วยตัวคนเดียวได้อย่างไร

ฝ่ายหลินชิงเหอลงมือถอดเสื้อผ้าโจวชิงไป๋เมื่ออยู่ในห้องของพวกเขาแล้ว

เธอไม่เชื่อหรอกว่าชายคนนี้จะไม่เป็นอะไรเลยหลังโค่นหมูป่าตัวใหญ่ลงได้แล้ว และเป็นอย่างที่คิด บนต้นขาของเขามีรอยถลอกอยู่จำนวนหนึ่ง

“ครั้งหน้าถ้าฉันเจอว่าคุณกล้าเสี่ยงชีวิตเพื่อเงินจำนวนเล็กน้อยเพียงแค่นี้ล่ะก็ ฉันจะไม่จบเรื่องนี้กับคุณนะคะ!” หลินชิงเหอหันหลังไปหยิบยาดองเหล้าสำหรับทาแผล เธอถลึงมองโจวชิงไป๋พลางทำเสียงฮึดฮัด

“แค่แผลเล็กน้อยน่ะ” โจวชิงไป๋ยังทำทองไม่รู้ร้อน

ตอนที่เขาอยู่ในกองทัพ เขาได้รับบาดเจ็บหนักกว่านี้อีก ครั้งนี้เขาระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ จึงไม่มีอาการบาดเจ็บแฝงใด ๆ แผลถลอกนี้ได้มาเพราะกระแทกกับก้อนหินโดยบังเอิญเท่านั้น

“คุณจะไม่จริงจังกับเรื่องนี้เหรอคะ?” หลินชิงเหอกล่าว

โจวชิงไป๋สังเกตท่าทีของเธอแล้วก็เอ่ยตอบ “ครั้งหน้าผมจะระวังตัวนะ”

หลินชิงเหอรู้สึกจนใจ เธอเข้าใจความหมายของเขาดี เป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะยอมแพ้กับหมูป่าตัวยักษ์ที่มาอยู่ตรงหน้าของเขาแล้ว

“ครอบครัวของเรามีเงินเก็บมากกว่า 5,000 หยวนแล้วค่ะ คุณไม่จำเป็นต้องทำแบบนี้หรอก คุณเป็นแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกปวดใจนะคะ” หลินชิงเหอเอ่ยขณะทายาดองเหล้าให้เขา

ชายคนนี้ชอบคิดว่าตัวเองเป็นคนเหล็กอยู่เรื่อย เขาไม่รู้หรือไงว่าตัวเขาเองก็ประกอบด้วยเลือดเนื้อเหมือนคนอื่นนั่นแหละ?

สายตาของโจวชิงไป๋ทอดมองภรรยาอย่างอ่อนโยนขณะที่เธอก้มหน้าลงทายาให้เขา

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

พ่อเทพมากค่ะ ล้มหมูป่าด้วยตัวคนเดียวแล้วยังแค่ถลอกกลับมา แต่อวดเก่งมากไม่ดีนะคะ แม่ไม่ปลื้ม

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset