บทที่ 260 ข้ามแม่น้ำเสร็จก็ทำลายสะพาน

บทที่ 260 ข้ามแม่น้ำเสร็จก็ทำลายสะพาน
โดย

บทที่ 260 ข้ามแม่น้ำเสร็จก็ทำลายสะพาน

ท่านแม่โจวไม่พูดอะไรมันก็ดีอยู่แล้ว แต่พอนางพูดขึ้นมา โจวชิงไป๋ก็ยิ่งคิดถึงภรรยาของเขามากขึ้น

ภายนอกเขาดูไม่เปลี่ยนแปลงและไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ แต่ท่านแม่โจวคือใครกันล่ะ? โจวชิงไป๋ออกมาจากท้องของนางนะ

นางบอกได้ว่าลูกชายของนางกำลังคิดอะไรอยู่

ครั้งนี้หลินชิงเหอทิ้งอาหารอร่อย ๆ ไว้ให้เป็นจำนวนมากทีเดียว

ไม่ใช่เพราะอยากให้สามีของเธอกินให้มากขึ้นและใช้โอกาสในตอนนี้พักผ่อนให้เพียงพอหรอกหรือ?

หญิงสาวกับลูกชายคนโตของเธอมาถึงเมืองหลวงในเวลาไม่นาน

พวกเขามาถึงมหาวิทยาลัยในตอนเย็นของวันที่เก้า

หลินชิงเหอยื่นโรตีเนื้อให้ลูกชายคนโต และอาหารเย็นก็มีเพียงเท่านี้

เธอกลับไปที่หอพักพร้อมกับห่อสัมภาระ

ในนั้นมีของไม่มากนัก จึงไม่จำเป็นต้องให้ลูกชายคนโตมาส่งเธอที่หอ เมื่อกลับมาถึง หวังลี่ก็รออยู่แล้ว

หล่อนดีใจมากที่เห็นเธอกลับมา “ฉันรู้ว่าเธอจะกลับมาที่นี่ตอนนี้ล่ะ”

“วันหยุดหน้าหนาวครั้งนี้เธอไม่ได้กลับไปเหรอ คิดถึงบ้านไหม?” หลินชิงเหอยิ้ม

“ก็คิดถึงนะ แต่ไม่เป็นไรหรอก ทั้งพ่อกับลูกชายจะมาหาฉันหลังปีใหม่นี้น่ะ” หวังลี่ยิ้มกริ่ม

ก่อนการไถพรวนประจำฤดูใบไม้ผลิ ก็ยังเป็นไปได้ที่จะเดินทางมาหา

โจวชิงไป๋จะทำแบบนั้นเหมือนกัน แต่หลินชิงเหอห้ามไว้ การเดินทางบนถนนมันต้องใช้เวลาไปกลับกี่วันกันล่ะ? ช่างทรมานร่างกายนัก ให้เขาพักอยู่บ้านจะดีกว่า ตอนปีใหม่พวกเขาก็เพิ่งเจอกันไปแล้วนี่ถูกไหม?

“เธอกลับไปก่อน คงจะไม่รู้เรื่องนี้สินะ” หวังลี่กระซิบกระซาบ

“เกิดอะไรขึ้น?” หลินชิงเหอถามเมื่อรู้สึกได้ถึงข่าวร้าย

“ในวันสิ้นปีของปีที่แล้ว วันที่ยี่สิบเจ็ด สามีของเฉินเสวี่ยพาลูกชายกับลูกสาวมาตามหาหล่อนกันให้ทั่ว เขาอยากพาหล่อนกลับไปฉลองปีใหม่ที่บ้านน่ะ” หวังลี่เอ่ย

“แล้วหลังจากนั้นมันแย่ไหม?” หลินชิงเหอไม่สนใจมากนักเมื่อได้ยินเรื่องนี้ แต่เธอก็ยังถามตามน้ำไป

เดิมทีเธอคิดว่าจะมีการพัฒนาใหม่ ๆ เกิดขึ้นในช่วงปีใหม่เสียอีก

“เธอเดาสิ” หวังลี่เอ่ย “ทั้งสามมาที่นี่เพียงเพื่อจะมารับหล่อนกลับไปฉลองปีใหม่ ให้ทายว่าหล่อนทำยังไง?”

โดยไม่รอให้หลินชิงเหอถาม หล่อนก็พูดต่อ

เฉินเสวี่ยเอ่ยเรื่องขอหย่าในทันที ข่าวนี้ทำให้ชายคนนั้นสะเทือนใจอย่างใหญ่หลวง

ไม่ใช่ว่าเขารับไม่ได้ เมื่อเขามาถึงเขาก็ทำใจไว้แล้ว เพราะเรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นทั่วประเทศ ไม่ใช่เรื่องที่เกิดเฉพาะในท้องถิ่น

และในเมื่อเฉินเสวี่ยภรรยาของเขาได้มาเรียนแล้ว หล่อนก็จะไม่มีวันกลับไป ความคิดแบบนี้ทำไมเขาถึงจะบอกไม่ได้ล่ะ?

แต่การขอหย่าแบบนั้นมันเป็นไปไม่ได้ ชายคนนั้นจึงอยากจะสานสัมพันธ์ให้กลับมาเป็นเหมือนเดิม

เขาพาลูก ๆ มาพาตัวเฉินเสวี่ยกลับ แต่เฉินเสวี่ยปฏิเสธ หล่อนแข็งใจและเอ่ยปฏิเสธไป

ซึ่งก็ไม่มีใครรู้ว่าใครเป็นคนบอกชายคนนั้นในเรื่องที่เฉินเสวี่ยอยู่กับบัณฑิตหนุ่มอีกคนหนึ่ง กับเรื่องที่หล่อนตั้งครรภ์และแท้งลูก

ก่อนที่ชายคนนั้นจะกลับไป เขาก็บังเอิญเจอกับผู้ชายคนใหม่ของเฉินเสวี่ยและทำการอัดเขาจนถึงขั้นต้องส่งเข้าโรงพยาบาล

จากนั้นเขาก็พาลูก ๆ กลับไป

ก่อนที่เขาจะกลับ เขาก็ได้เตือนเฉินเสวี่ยว่าอย่าเสียใจภายหลัง นับจากวันนี้เป็นต้นไป เด็กสองคนนี้จะไม่มีวันเห็นหล่อนเป็นแม่ของพวกเขาอีก!

คนจำนวนมากที่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ต่างถอนหายใจ

“เด็กสองคนนั้นฉลาดไม่น้อย โดยเฉพาะคนเป็นลูกชาย ฉันเดาว่าถ้าโตขึ้นไปเขาต้องกลายเป็นคนมีพรสวรรค์แน่ หล่อนคิดอะไรอยู่นะถึงได้ทิ้งสามีและลูก ๆ ไปแบบนั้น?” หวังลี่เอ่ย

ในความคิดของหล่อน ชายคนนั้นสามารถแบกรับความรับผิดชอบและยังไม่ไร้จุดหมายเหมือนชาวนาทั่วไป ความจริงแล้วเขามีพื้นฐานครอบครัวดีมากทีเดียว ครอบครัวของเขาสามารถอยู่กันได้อย่างสุขสบาย

แต่เฉินเสวี่ยก็ไม่พอใจ บางทีอาจเป็นเพราะชายคนนั้นกับเด็กสองคนเป็นเหมือนตราบาปของหล่อนที่ครั้งหนึ่งเคยก้มหัวให้กับความเป็นจริง

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนนี้ที่หล่อนชุบตัวใหม่ หล่อนถึงอยากปกปิดความอับอายในอดีตนัก

หลินชิงเหอสามารถเดาได้โดยไม่ต้องถามเลย ไม่อย่างนั้นจะมีผู้ชายมากมายอยากทอดทิ้งภรรยาหลังจากที่พวกเขาได้ดิบได้ดีแล้วทำไมล่ะ?

เพราะภรรยาเป็นคนที่เห็นช่วงเวลาย่ำแย่และน่าอับอายที่สุดของพวกเขา กลับกันมือที่สามเป็นคนเห็นพวกเขาหลังจากที่ประสบความสำเร็จแล้ว

คนบางคนข้ามแม่น้ำเสร็จก็ทุบสะพานทิ้งเพื่ออยากจะกลบฝังอดีตอันดำมืดของตัวเอง

“เป็นแบบนี้แล้ว สองคนนั้นจะสามารถอยู่ด้วยกันได้ไหม?” หวังลี่นินทาต่อ

หลินชิงเหอครุ่นคิดอย่างจริงจังก่อนเอ่ยขึ้นมา “พวกเขาก็ยังคงต้องแยกกันล่ะ”

“ทำไมล่ะ? สองคนนั้นรักกันปานจะกลืนกินยิ่งกว่าทองขนาดนั้น พวกเขามั่นคงไม่หวั่นไหวมากเลยนะ ไม่น่าจะแยกจากกันง่าย ๆ ได้เลย?” หวังลี่เอ่ย

“ต่อให้พวกเขารักกันจริงและตั้งใจแค่ไหน มันก็ไม่เปลี่ยนความจริงที่ว่าชื่อเสียงของพวกเขาเน่าเฟะมาตลอดได้หรอก ในวันข้างหน้าพวกเขาจะได้สมัครงาน ด้วยนิสัยของพวกเขาแล้วจะได้อยู่กันยืดขนาดไหนล่ะ? ถึงตอนนั้นแต่ละคนก็หวังแต่จะหาประโยชน์ใส่ตัวเองแล้ว” หลินชิงเหอตอบ

หวังลี่รู้สึกถึงอารมณ์ที่คุกรุ่นขึ้นมา หล่อนหยุดพูดเกี่ยวกับสองคนนั้นและเปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที “หลังจากนี้เธอมีแผนยังไงบ้าง?”

“ฉันวางแผนว่าจะทำงานในมหาวิทยาลัยน่ะ” หลินชิงเหอยิ้มและบอกหล่อนล่วงหน้า

หวังลี่ไม่ประหลาดใจ หล่อนพยักหน้ารับ “ด้วยผลการเรียนของเธอแล้ว เธอก็น่าจะได้ทำงานในมหาวิทยาลัยล่ะ ส่วนฉันจะกลับไปที่อำเภอบ้านเกิด”

“ด้วยระดับการศึกษาของเธอแล้วน่าจะไปอยู่ที่มณฑลดีกว่านะ ที่นั่นเจริญพัฒนามากกว่าเยอะ” หลินชิงเหอบอก

“แต่มันไกลจากบ้านมากน่ะสิ” หวังลี่ลังเล ซึ่งใจจริงแล้วหล่อนก็อยากจะไปเหมือนกัน

หลินชิงเหอยิ้ม หวังลี่ช่างรักครอบครัวนัก เหมือนกับเธอเลย ไม่แปลกใจว่าทำไมพวกเธอสองคนถึงเข้ากันได้ดี

“ถ้าได้อยู่ในเมืองมันก็จะเป็นประโยชน์กับการศึกษาของลูกเธอในอนาคตนะ ถ้าเธอกลัวว่าสามีจะไม่มีงานทำ ก็ให้เขาเปิดร้านสิ ที่บ้านเกิดของเขามีผลผลิตเกษตรเยอะแยะเลยใช่ไหม? ก็แค่ขนผลผลิตพวกนี้ไปขาย มันทำเงินได้นะ” หลินชิงเหอเสนอแนะ

“เป็นเจ้าของกิจการเหรอ? ฟังดูไม่มีศักดิ์ศรีเลย” หวังลี่ส่ายหน้าในทันทีหลังได้ยินดังนี้

“ถ้าเธอยังคิดว่าการพึ่งสองมือและมันสมองของตัวเองในการทำงานเป็นเรื่องน่าอายล่ะก็ เธอก็ทำเป็นว่าไม่ได้ยินสิ่งที่ฉันพูดแล้วกัน อย่างไรเสียฉันวางแผนจะพาสามีกับลูก ๆ มาที่นี่ แล้วตอนนั้นเราก็จะเปิดร้านให้เขาขายอุปกรณ์การเรียน” หลินชิงเหอพูด

“นี่…มันจะได้ผลเหรอ?” หวังลี่ยังคงสงสัย

“ในอนาคตข้างหน้าก็มองสถานการณ์นี้ไว้แล้วกัน ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอก” หลินชิงเหอยิ้ม

หวังลี่พยักหน้า ตอนนี้ยังเร็วเกินไปจริง ๆ

ตอนนี้พวกเธอกลับมาเรียนแล้ว ก็เป็นธรรมดาที่การเรียนการสอนรอบใหม่จะเริ่มต้น

หลินชิงเหอกับหวังลี่เริ่มมีชีวิตอยู่ในสามสถานที่

หอพัก ห้องเรียน และหอสมุดเป็นสถานที่สามแห่งที่เธอแวะเวียนไปมาอยู่ตลอด

“หัวสมองฉันตื้อไปหมดแล้ว ชิงเหอ ทำไมเธอไม่เหนื่อยเลยล่ะ?” หลังกลับมาจากหอสมุดในวันนั้น หวังลี่ก็เดินตรงไปที่เตียงนอนและเอ่ยอย่างหมดแรง

“ลูกชายคนโตฉันเพิ่งให้ไข่มาสองฟอง ฟองหนึ่งของเธอนะ” หลินชิงเหอยื่นไข่ต้มให้หล่อน

“งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ” หวังลี่ยิ้มและรับไข่ต้มใบนั้นมากิน “จะว่าไปแล้ว เสี่ยวข่ายเอาไข่ต้มนี่มาจากไหนเหรอ?”

“เขาได้ไข่มาตะกร้าหนึ่งจากบ้านของเพื่อนร่วมชั้นน่ะ แล้วเขาก็ขอให้เพื่อนของเขาต้มไข่ให้กิน 2 ฟอง” หลินชิงเหอตอบขณะปอกเปลือกไข่

“เธอเข้ากับลูกดีมากเลยนะ เขาเป็นเด็กดีจริง ๆ” หวังลี่เอ่ยอย่างอิจฉา

“สามีกับลูกชายของเธอจะมาถึงวันพรุ่งนี้นี่ใช่ไหม” หลินชิงเหอยิ้มกริ่ม

“ก็น่าจะวันพรุ่งนี้แหละ” หวังลี่ยิ้มกว้างเช่นกัน

……………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

อนาคตเฉินเสวี่ยจะไปได้สวยหรือไม่สวยก็ต้องคอยดูกันต่อไปค่ะ แต่ส่วนมากคนแบบนี้มักจบไม่สวย

ดูท่าโตขึ้นไปเจ้าใหญ่จะได้เป็นเขยของบ้านนั้นแน่ ๆ เลยค่ะ เล่นให้ไข่มาทั้งตะกร้าแบบนี้

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset