บทที่ 292 รักใคร่มากเกิน

บทที่ 292 รักใคร่มากเกิน

บทที่ 292 รักใคร่มากเกิน

หลังกลับมาถึงบ้านในตอนเย็น โจวชิงไป๋ก็บอกหลินชิงเหอในเรื่องเดิมอีกครั้ง

หลินชิงเหอได้ยินดังนี้ก็ไปหาคุณป้าหม่า เธอยิ้มให้กับนาง “ถ้าคุณลุงหวังเต็มใจ ทางเราก็ไม่มีปัญหาค่ะ ฉันคงต้องรบกวนคุณลุงหม่าหาวันว่างเพื่อที่ทุกคนจะได้ไปกินเกี๊ยวร่วมกันที่ร้านเรานะคะ”

“ตกลงจ้ะ ถ้าเฒ่าหวังมาแล้วฉันจะบอกเขาให้นะ” คุณป้าหม่าเอ่ยอย่างดีใจ

ตระกูลหม่าของพวกเขามีความสัมพันธ์ดีเยี่ยมกับตระกูลหวังมาก่อน จึงไม่ต้องบอกเลย่ว่าพวกเขาเองก็หวังจะได้เห็นเฒ่าหวังผู้เป็นเพื่อนบ้านเก่าแก่ที่ดีคนนี้มีคนมาดูแลเขายามแก่เฒ่า

จากคำพูดของนางก็คือ เขามีเงินมากแล้วอย่างไรล่ะ? ตอนที่เขาอยากให้ใครสักคนมารินน้ำอุ่นแก้วหนึ่งให้ก็คงจะไม่มี การอยู่คนเดียวนับว่าช่างลำบากจริง ๆ

และในสิ้นเดือนพฤษภาคม ความสัมพันธ์ระหว่างพ่อทูนหัวและบุตรอุปถัมภ์ก็เริ่มต้นขึ้น

โจวข่าย โจวเฉวี่ยน และโจวกุยหลายเปลี่ยนสรรพนามมาเรียกเขาว่าคุณตาหวัง

ส่วนโจวชิงไป๋ยังคงเรียกว่าคุณลุงอยู่เช่นเดียวกับหลินชิงเหอ คุณลุงหวังอ่อนกว่าท่านพ่อโจวไม่กี่ปี แต่สุขภาพของเขาแข็งแรงสู้ท่านพ่อโจวไม่ได้

ช่วยไม่ได้ที่ไม่กี่ปีก่อนหน้านี้เขาต้องอยู่อย่างลำบาก

หลังรับรู้ความสัมพันธ์นี้ เฒ่าหวังก็เลิกกินอาหารที่โรงอาหารของมหาวิทยาลัย และโจวข่ายก็เป็นคนมารับเขาไปกินข้าวที่ร้านเกี๊ยว

เย็นวันนั้นเอง ทั้งครอบครัวก็ได้มารวมตัวกันกินแกงเนื้อแกะกับหัวไชเท้าเคียงกันกับซาลาเปาฝีมือของโจวชิงไป๋

นับตั้งแต่เปิดร้านเกี๊ยว โจวชิงไป๋ก็ได้ชำนาญในวิชาสองตัวอักษรอย่าง ปรุงอาหาร ตอนนี้แม้แต่อาหารเช้าเขาก็เป็นคนทำ โดยที่หลินชิงเหอใช้ให้โจวข่ายไปบรรจุอาหารเช้าจากที่ร้านกลับมากินที่บ้านในตอนเช้า นับว่าครอบครัวนี้หยุดเปิดเตาทำอาหารที่บ้านไปอย่างสมบูรณ์

อาหารสามมื้อในแต่ละวันล้วนเป็นฝีมือของโจวชิงไป๋

อย่างเช่นแกงเนื้อแกะกับหัวไชเท้าและซาลาเปาไส้ผักของวันนี้ก็เป็นผลงานชิ้นเยี่ยมของโจวชิงไป๋

หลินชิงเหอพบว่าสามีของเธอช่างเป็นสมบัติล้ำค่า เธอกำลังคิดว่าชิงไป๋ของเธอยังมีทักษะด้านไหนอีกที่เธอยังไม่ค้นพบ?

“ทำไมวันนี้มีเนื้อแกะด้วยล่ะคะ?” หลินชิงเหอถามหลังกินจนอิ่มหนำสำราญแล้ว

ซาลาเปาไส้ผักกับแกงเนื้อลูกแกะหัวไชเท้าช่างอร่อยจริง ๆ

“ผมเห็นตอนไปเดินดูของก็เลยซื้อมาน่ะ” โจวชิงไป๋บอก

บอกได้ว่าเขาเองก็เห็นความเปลี่ยนแปลง เมืองหลวงมีการพัฒนาเปลี่ยนไปทุกวันจริง ๆ คนขายของหาบเร่มีมากขึ้น ทุกอย่างสามารถขายได้หมด

แม้เนื้อแกะนี้จะมีเพียงเล็กน้อย แต่มันก็ยังมีขาย

ไม่เพียงแต่หลินชิงเหอจะพอใจ เด็ก ๆ กับเฒ่าหวังก็พอใจด้วย

“ทักษะทำอาหารของป๊าดีขนาดนี้ทำไมเราไม่สังเกตมาก่อนนะครับ เป็นเพราะความรักที่มากเกินของม้าล้วน ๆ เลย” โจวกุยหลายเอ่ย

“ม้าน่ะหรือรักมากเกิน? ในอดีตตอนที่อยู่ชนบทป๊าต้องออกไปแต่เช้าตรู่และกลับมามืดค่ำทุกวัน ม้าจะใจจืดใจดำปล่อยให้เขากลับมาทำงานที่บ้านหลังเสร็จจากงานในทุ่งนาได้ยังไงล่ะ?” หลินชิงเหอแย้ง

“ก็เป็นแบบนั้นแหละครับ ตอนที่ป๊าว่าง มือป๊าก็ไม่ได้ห่างจากฝุ่นและความสกปรกเลยนะครับ” โจวกุยหลายเอ่ย

“ม้าไม่เถียงกับลูกแล้ว เถียงไปเดี๋ยวตัวเองโง่ลง” หลินชิงเหอตำหนิกลับ

เฒ่าหวังเห็นแล้วก็ยิ้มและเอ่ยขึ้น “ลุงกลับก่อนล่ะ”

“ไปส่งคุณตาทูนหัวกลับสิลูก” หลินชิงเหอบอก

สองพี่น้องคนเล็กส่งเขากลับมหาวิทยาลัย ส่วนโจวข่ายอยู่ช่วยล้างจานและดูแลร้าน ขณะที่หลินชิงเหอพาโจวชิงไป๋ออกไปดูหนัง

ทั้งคู่มีโอกาสน้อยครั้งที่จะอยู่ด้วยกันแบบโลกนี้มีเราสองเพียงระยะหนึ่ง

เมื่อพวกเขากลับมาในตอนเย็น ก็ได้รับคำบ่นจากเด็กชายทั้งสามเป็นการต้อนรับ

“จะว่าไปแล้วหน้าร้อนนี้ม้าวางแผนจะไปเที่ยวกับป๊า แล้วก็จะฝากร้านให้ลูก ๆ ดูแลล่ะ” หลินชิงเหอบอกพวกเขา

ชั่วพริบตาเดียวก็ถึงเดือนมิถุนายน โดยที่เหลืออีกครึ่งเดือนกว่าก็จะเป็นช่วงวันหยุดยาว หลินชิงเหอจึงวางแผนล่องใต้กับโจวชิงไป๋

ร้านของพวกเขาไม่ได้ปิด แต่ทิ้งให้อยู่ในความดูแลของเด็กหนุ่มซุกซนพวกนี้

“ม้ากำลังจะทิ้งลูกเลี้ยงอย่างเรา ๆ เพื่อไปอยู่ในโลกสองคนกับป๊างั้นเหรอครับ?” โจวเฉวี่ยนเอ่ยด้วยหลากอารมณ์ผสมปนเปกัน

“ลูกโตถึงขนาดนี้แล้ว ป๊ากับม้าที่แก่ตัวลงจะออกไปท่องโลกกว้างในตอนที่ยังเดินเหินไหวไม่ได้หรือยังไง? ตอนที่ลูกโตเป็นผู้ใหญ่เราก็ต้องช่วยดูแลหลาน ๆ ให้ เป็นแบบนี้แล้วเราจะมีเวลาอีกตอนไหนล่ะ? ม้าต้องใช้โอกาสในตอนนี้ล่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยอย่างมั่นใจ

“ดูแลลูก ๆ ของพวกลูกไปเถอะ” โจวชิงไป๋เสริม

เขาวางแผนจะท่องเที่ยวกับภรรยาในอนาคตข้างหน้า และไม่ต้องการถูกก่อกวนโดยหลาน ๆ ของเขา พวกเขาให้กำเนิดหลาน ๆ มาได้ก็ต้องเลี้ยงดูเด็กพวกนั้นเองได้

“เรายังเด็กอยู่นะครับ! ป๊ากับม้าอย่าเพิ่งพูดถึงเรื่องระยะยาวกับเราได้ไหม?” โจวกุยหลายเอ่ย

“ก็ได้ งั้นไปเรียนซะ จากนั้นก็อย่าลืมแปรงฟันและปิดไฟก่อนเข้านอนล่ะ” หลินชิงเหอเอ่ยตัดบทดังนี้และเมินพวกเขาเสีย

เธอเข้าไปในห้องพร้อมกับโจวชิงไป๋

อากาศตอนนี้ค่อนข้างร้อนแล้ว หลินชิงเหอจึงหยิบพัดลมไฟฟ้าออกมาจากมิติและยินดีไปกับความเย็นจากมัน

เวลานี้เป็นของพวกเขาสองสามีภรรยาแล้ว

“ถึงมีพัดลมไฟฟ้าและเย็นกว่าเดิม แต่ก็ไม่เย็นเท่าเครื่องปรับอากาศหรอกค่ะ” หลินชิงเหอให้ความเห็น

“พัดลมนี้ค่อนข้างดีทีเดียวนะ” โจวชิงไป๋เอ่ย

ผลิตภัณฑ์ล้ำยุคแบบนี้นับว่าดีมากแล้วในความคิดของเขา

“ในมิติของฉันยังมีอีก 2 ตัวนะคะ เมื่อไหร่เราจะหยิบออกมาดี?” หลินชิงเหอถาม

เครื่องหนึ่งเป็นของเจ้ารอง ซึ่งตอนนั้นเขาอยู่กับโจวเสี่ยวเหมย ดังนั้นเธอจึงอยากให้เขาสักตัว

ส่วนอีกเครื่องหนึ่งเธอกะจะให้เจ้าใหญ่ที่อยู่อีกห้อง ตอนนี้ให้สามพี่น้องไปตัวหนึ่งก็น่าจะเพียงพอแล้ว ส่วนที่เหลือเธอก็จะให้เฒ่าหวังไป

เฒ่าหวังยังคงอยู่ในหอพักของมหาวิทยาลัยที่เป็นห้องเดี่ยวที่ค่อนข้างจะอุดอู้

ดังนั้นพัดลมไฟฟ้าจึงเป็นของจำเป็น

“เราค่อยตัดสินใจหลังกลับมาจากทางใต้แล้วกันครับ” โจวชิงไป๋ตอบ

แม้ว่าอากาศจะร้อน แต่ทุกคนก็ยังอยู่ได้ ดังนั้นไม่ต้องรีบหรอก

หลินชิงเหอเชื่อฟังโจวชิงไป๋

“นอนเถอะค่ะ พรุ่งนี้คุณต้องตื่นแต่เช้านะคะ” หลินชิงเหอบอก

แต่โจวชิงไป๋ที่กินเนื้อแกะและแกงเนื้อแกะไปมากในคืนนี้ก็อยู่ไม่สุขอย่างเห็นได้ชัด

“คุณนี่ไม่รู้จักเหนื่อยเลยนะคะ” หลินชิงเหอพองแก้ม

“สบายมาก ไม่เหนี่อยเลยครับ” โจวชิงไป๋หัวเราะ

ทั้งคู่จึงนัวเนียกันอยู่พักหนึ่งก่อนจะนอนกอดกัน ในวันอากาศร้อนเช่นนี้ ความสัมพันธ์ของพวกเขานับว่าดีทีเดียว

ชั่วพริบตาเดียวก็ถึงวันหยุดฤดูร้อน

ทางบ้านตระกูลโจวส่งโทรเลขมาบอกว่าพวกเขาสบายดีและรับรู้ว่าทั้งสองคนจะไม่กลับมาในช่วงวันหยุดฤดูร้อนนี้ โจวชิงไป๋กับหลินชิงเหอจึงสามารถเดินทางลงใต้ได้

“ความรักของสองคนนี้ไร้ที่ติจริง ๆ” คุณป้าหม่าเอ่ยด้วยอารมณ์

“ทำไมพวกเขาถึงไม่พาผมไปด้วยนะ? ผมโตขนาดนี้แล้วคงไม่รบกวนพวกเขาหรอก” โจวกุยหลายบ่น

เขาเองก็อยากตามไปด้วย

“พี่ใหญ่กับฉันไม่กวนพวกเขาเหมือนกัน ทั้งคู่อยากจะมีช่วงเวลาคู่รักของพวกเขาก็เลยไม่อยากพาใครไปด้วยน่ะ ยอมรับชะตาชีวิตของเราเถอะ” โจวเฉวี่ยนเอ่ย

“ผ่านมาหลายปีแล้วฉันก็ยังไม่ชินกับเรื่องนี้เลยแฮะ” โจวข่ายให้ความเห็นแบบหนุ่มโสด

“เมื่อก่อนนี้ก็เป็นเหมือนกันหรือ?” เฒ่าหวังถาม

“เป็นแบบนี้มาตลอดแหละครับ ทั้งคู่น่ะเป็นรักแท้ ส่วนพวกเราเป็นแค่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมา” โจวข่ายตอบด้วยอาการสงบ

เมื่อได้ยินคำพูดนี้จากพี่ใหญ่ ทั้งโจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลายก็ถอนหายใจ

เฒ่าหวังกับคุณป้าหม่าอดไม่ได้ที่จะหัวเราะ จากนั้นพวกเขาก็ถามเด็ก ๆ เกี่ยวกับพ่อแม่ของพวกเขามากกว่านี้

โจวกุยหลายเด็กซุกซนจึงเอ่ยตอบ “ม้าผมตามใจป๊าจริง ๆ นะครับ หล่อนถึงกับเก็บนมผงไว้ให้ป๊าถุงหนึ่งโดยเฉพาะและชงให้กินกลางดึกด้วย หล่อนคิดว่าพวกเราไม่รู้ แต่จริง ๆ แล้วพวกเรารู้กันหมดแหละครับ”

…………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

น่าสงสารเด็ก ๆ เค้านะคะที่เกิดมาเพื่อเป็นก้างของพ่อกับแม่ ยอมรับชะตากรรมนี้เถอะค่ะลูก ๆ ๕๕๕

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset