บทที่ 316 แบบร่างเสื้อผ้า

บทที่ 316 แบบร่างเสื้อผ้า

บทที่ 316 แบบร่างเสื้อผ้า

กลับมาที่หลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ พวกเขาได้ไปถึงเมืองหลวงในอีก 2-3 วันถัดมา

โจวข่ายและน้องชายของเขาไม่ได้ไปรับ เพราะพวกเขาต่างไม่รู้ว่าหลินชิงเหอและคนอื่น ๆ จะกลับมาในตอนนี้

คู่สามีภรรยาพาหลานสาวและหลานชายของพวกเขากลับไปที่อะพาร์ตเมนต์ มันเดินทางไปได้ง่ายมาก แค่ต้องเปลี่ยนรถประจำทางไม่กี่ต่อเท่านั้น

“ถึงสักที” หลินชิงเหอถอนใจออกมาอย่างโล่งอกเมื่อมาถึงอาคารอะพาร์ตเมนต์

โจวข่ายและน้องชายไม่อยู่บ้าน พอเห็นพวกเขาไม่ได้อยู่ที่บ้านก็เดาได้ว่าพวกเขาต้องอยู่ที่ร้านเกี๊ยวกันแน่ นี่ก็เป็นเวลาเปิดร้านแล้วด้วย

“น้าสะใภ้มีทีวีด้วยหรือครับ?” หู่จือพูดด้วยแววตาเป็นประกาย

“ใช่จ้ะ” หลินชิงเหอยิ้ม “ตอนเย็นเธอสามารถดูได้นะถ้าเธอต้องการ”

“อาสะใภ้สี่คะ เจ้าใหญ่กับคนอื่น ๆ อยู่ไหนเหรอคะ?” เอ้อร์นีถาม

“ช่วงเวลานี้พวกเขาน่าจะอยู่จะร้านเกี๊ยวกันน่ะจ้ะ” หลินชิงเหอบอก

เธอเดินไปดูที่ข้างบ้าน คุณป้าหม่าก็ไม่ได้อยู่ที่บ้าน ดังนั้นร้านเกี๊ยวคงเปิดอยู่

“พวกเธอสามคนไปเตรียมตัว พวกเราจะไปอาบน้ำที่โรงอาบน้ำก่อน” หลินชิงเหอพูด

สิ่งแรกที่เธออยากจะทำเมื่อกลับมาถึงที่นี่คือการอาบน้ำ หลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว จึงรู้สึกสบายตัวขึ้นมาก

โจวชิงไป๋เตรียมตัวและไปหยิบเสื้อผ้าของเขามา หลินชิงเหอพาหลานสาวไปที่โรงอาบน้ำของผู้หญิง ในขณะที่โจวชิงไป๋พาหู่จือไปที่โรงอาบน้ำของผู้ชาย

เมื่อถึงเวลานัดหมายพวกเขาก็ออกมาเจอกัน พวกเขารู้สึกกระปรี้กระเปร่าและสะอาดสะอ้านขึ้น

“ไปกินอาหารที่ร้านเกี๊ยวกันนะ” หลินชิงเหอประกาศออกมา

โจวข่ายและน้องชายทั้งสองของเขาเปิดร้านเริ่มธุรกิจเรียบร้อยแล้ว ทุกคนต่างกำลังยุ่ง เฒ่าหวังและคุณป้าหม่าก็อยู่ที่นั่นด้วย

“กลับมากันแล้วหรือจ๊ะ?” คุณป้าหม่าต้อนรับด้วยรอยยิ้มเต็มหน้า

“อากาศหนาวขนาดนี้ คุณป้าไม่ใช้น้ำอุ่นล้างล่ะคะ?” หลินชิงเหอเอ่ย

“ป้าใช้แล้ว ไม่เย็นหรอก” คุณป้าหม่าตอบกลับอย่างร่าเริง

“ฉันซื้อครีมทาผิวมาเผื่อด้วยกระปุกหนึ่ง คุณป้าเอาไปใช้นะคะ” หลินชิงเหอกล่าวต่อ

“ไม่จำเป็นต้องใช้หรอกจ้ะ” คุณป้าหม่ารีบตอบกลับทันที

“จำเป็นสิคะ อากาศหนาวจัดขนาดนี้ ลำบากคุณป้าแย่เลยค่ะ” หลินชิงเหอพูด จากนั้นเธอจึงทักทายเฒ่าหวังและแนะนำเขากับโจวเอ้อร์นีและคนอื่น “นี่คือพ่อทูนหัวของอาสี่ของพวกเธอ แล้วก็เป็นคุณปู่ทูนหัวของโจวข่ายกับน้อง ๆ ด้วย พวกเธอเรียกว่าคุณปู่หวังก็ได้จ้ะ”

โจวเอ้อร์นี หู่จือและสวี่เชิ่งเหม่ยเอ่ยเรียกคุณปู่หวัง

เฒ่าหวังยิ้มพร้อมกับพยักหน้า

“คนนี้คือเพื่อนบ้านเก่าแก่ที่ใจดีของพวกเรา คุณป้าหม่า พวกเธอต้องเรียกว่าคุณยายหม่า” หลินชิงเหอแนะนำ

พวกเขาต่างก็ทักทายอย่างสุภาพ

คุณป้าหม่ายิ้มและถามว่า “เด็ก ๆ พวกนี้คือ?”

“คนนี้เอ้อร์นีเป็นลูกสาวคนรองของพี่สะใภ้ใหญ่ของฉันค่ะ คนนี้เชิ่งเหม่ย ลูกสาวของพี่สาวคนโต ส่วนเด็กหนุ่มคนนี้หู่จือเป็นลูกชายของพี่สาวคนรองค่ะ” หลินชิงเหอยิ้มพร้อมเล่าว่า “ฉันวางแผนจะเปิดร้านเพิ่มอีกร้านหนึ่งเป็นร้านเสื้อผ้าค่ะ ฉันเลยว่าจะให้พวกเขาไปเฝ้าที่ร้านเมื่อถึงเวลานั้น”

คำพูดนี้เพื่อให้ความมั่นใจกับคุณป้าหม่าและยังให้ความกระจ่างกับโจวเอ้อร์นีและคนอื่นด้วย

โจวเอ้อร์นีและคนอื่น ๆ ต่างก็รู้สึกประหลาดใจอย่างเห็นได้ชัด

“อาจะบอกกับพวกเธอหลังจากพวกเรากลับไปบ้าน อาเพลียมากเลยหลังจากนั่งรถไฟมานานขนาดนี้ กินกันก่อนเถอะ” หลินชิงเหอกล่าว

โจวข่ายส่งเกี๊ยวให้ลูกพี่ลูกน้องของเขา

โจวข่ายนั้นอายุน้อยกว่าโจวเอ้อร์นี แต่เขาอายุมากกว่าหู่จือและสวี่เชิ่งเหม่ยแค่นิดหน่อย จะอย่างไรก็ตามนับว่าพวกเขามีอายุเท่า ๆ กัน

โจวชิงไป๋กับหลินชิงเหอก็กินเกี๊ยวด้วยเช่นกัน

หลังจากที่ลงจากรถและได้อาบน้ำแล้ว การได้กินเกี๊ยวร้อน ๆ สักชามเป็นอะไรที่ไม่สามารถจะพอใจได้มากไปกว่านี้ได้แล้ว

“ป๊ากับม้าไม่ได้บอกอะไรไว้ล่วงหน้า ตอนนี้จะไปซื้อผ้าห่มก็ไม่ทันแล้วครับ” โจวเฉวี่ยนเอ่ย “พวกเขาจะต้องไปอยู่ที่บ้านพักรับรองแขกแล้วล่ะ”

“ป๊าของลูกเอาผ้านวมกับที่นอนมาด้วย เหมาะสำหรับเอาให้เอ้อร์นีกับเชิ่งเหม่ยใช้ จากนั้นลูกค่อยเอาของทั้งหมดมาไว้ที่นี่ ส่วนหู่จือก็นอนเบียดกับพวกลูกได้” หลินชิงเหอจัดแจง

ร้านเกี๊ยวบังเอิญเหมาะกับการอาศัยอยู่ได้สองคนและไม่มากไปกว่านี้ การจัดเตรียมที่พักอาศัยให้เอ้อร์นีและเชิ่งเหม่ยอยู่แบบนี้ก็ยังนับว่ามีพื้นที่กว้างขวาง

ส่วนที่บ้านจะมีลูกชายของเธอสามคนและหู่จือ สำหรับพวกเขา 4 คนแล้วมันค่อนข้างจะแออัดไปสักหน่อยจริง ๆ แต่ว่าพวกเขาเป็นเด็กผู้ชาย มันคงไม่หนักหนาอะไรนักถ้าจะอยู่กันแบบแออัด

“อาสี่ของพวกเธอรู้จักกับเพื่อนบ้านในละแวกนี้ทั้งหมด ไม่ต้องกลัวนะจ๊ะ ตอนที่พวกเรากลับไปแล้วตอนกลางคืน ร้านจะถูกใส่กุญแจล็อกเอาไว้ พวกเธอขึ้นไปบนชั้นสองแล้วนอนแต่หัวค่ำ อาสี่เธอจะมาเปิดประตูร้านในตอนเช้าตรู่วันพรุ่งนี้” หลินชิงเหอบอก

พวกหล่อนเป็นเด็กสาวที่มีอายุ 17 และ18 ปีกันแล้ว ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องระวังมากเกินไปนัก

อีกอย่างคือโจวชิงไป๋เป็นคนที่น่าคบหา เขาเข้ากันได้ดีกับเพื่อนบ้านรอบ ๆ ร้าน จากนั้นเขาจะไปแจ้งพวกเพื่อนบ้านเอาไว้ ถ้ามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นมาจริง ๆ ใครจะนิ่งเฉยอยู่ได้? ผู้คนในยุคนี้ยังคงมีความกระตือรือร้นอยู่มาก

“ตกลงค่ะ” โจวเอ้อร์นีจดจำไว้

ขณะที่สวี่เชิ่งเหม่ยกำลังตั้งความหวังกับทีวีที่บ้าน เธอไม่เคยได้ดูทีวีมากก่อนเลย

เฒ่าหวังไม่ได้อยู่ต่ออีกนานนัก เขากลับไปตอนราว ๆ หนึ่งทุ่ม

ร้านเกี๊ยวยังไม่ปิดจนกระทั่งเวลาสองทุ่ม

ทั้งครอบครัวกลับไปที่บ้านหลังจากนั้น พวกเขาดูทีวีกันในขณะที่กินส้ม จนกระทั่งเลยเวลาสามทุ่มไปแล้วโจวข่ายและหู่จือจึงถือเสื้อผ้าของโจวเอ้อร์นีกับสวี่เชิ่งเหม่ยและผ้าห่มฝ้ายกลับไปที่ร้านเกี๊ยว

จากที่นี่เดินไปร้านเกี๊ยวใช้เวลาเดินไปแค่ประมาณ 10 นาทีเท่านั้น ใกล้มาก ๆ

“พี่เอ้อร์นี ตอนอยู่ที่นี่ไม่ต้องกลัวนะครับ พรุ่งนี้ตอนเช้าตรู่ร้านก็จะเปิดแล้ว” โจวข่ายบอก

“ไม่กลัวหรอกจ้ะ” โจวเอ้อร์นียิ้ม

เมื่อตอนที่พวกเขามาถึงร้านเกี๊ยวเพื่อกินอาหารเย็น หล่อนกับสวี่เชิ่งเหม่ยได้ขึ้นไปทำความสะอาดชั้นบนไว้แล้ว ถึงแม้ห้องจะเรียบง่ายมากและมีเพียงแค่เตียงไม้เท่านั้น แต่มันก็ไม่หนาวเลยเมื่อมีที่นอนและผ้านวมให้ด้วย

กระติกน้ำร้อน ถ้วยเคลือบและอื่น ๆ ถูกซื้อมาให้ใหม่สำหรับพวกหล่อน

ถ้ากล่าวอย่างตรงไปตรงมาแล้ว สภาพความเป็นอยู่เช่นนี้นั้นดีกว่าตอนอยู่ที่บ้านมาก

“ทีวีกำลังน่าสนุกเลยตอนนี้” สวี่เชิ่งเหม่ยเอ่ย

โจวเอ้อร์นีไม่ได้สนใจมากนัก “รีบนอนกันเถอะ พรุ่งนี้เราต้องตื่นกันแต่เช้าเพื่อไปทำความสะอาดอีกร้าน”

คุณอาสะใภ้สี่พูดไว้ว่าพวกเขาพาคนมาที่นี่หลายคนก็เพื่อจะให้ไปดูแลที่อีกร้านหนึ่ง ไม่ใช่ที่ร้านเกี๊ยว

“อืม” สวี่เชิ่งเหม่ยพยักหน้าและญาติผู้พี่ผู้น้องทั้งคู่ก็เข้านอน

ส่วนที่บ้าน ทั้งหลินชิงเหอและโจวชิงไป๋ต่างเหนื่อยล้า หลินชิงเหอยังมีเรื่องที่ต้องทำอีกมากในวันพรุ่งนี้ ดังนั้นพวกเขาจึงเข้านอนไปก่อน

สำหรับพวกเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านนอกนั้นพวกเขาไม่ได้ใส่ใจอะไรกับทั้งสองสามีภรรยาเลย และเป็นเพราะหู่จือให้ความสนใจกับทีวี ดังนั้นโจวข่ายและน้อง ๆ จึงดูทีวีเป็นเพื่อนเขาจนถึงเวลาสี่ทุ่มจึงเข้านอน

โจวชิงไป๋มาที่ร้านแต่เช้าในวันรุ่งขึ้น หลินชิงเหอก็ไม่ได้ตื่นสายและตื่นขึ้นมาตอน 6 โมงเช้า เนื่องจากภาคการศึกษาใหม่จะเปิดในวันพรุ่งนี้แล้ว ดังนั้นวันนี้เธอจึงมีงานที่ต้องทำเยอะมาก

เธอปล่อยให้หลานชายและหลานสาวทำความสะอาดอยู่ที่ร้าน ส่วนตัวเธอถือผ้ามาหาคนงานหญิงที่เกษียณแล้วในชุมชน

หล่อนมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคุณป้าหม่า และคุณป้าหม่าเป็นคนแนะนำหล่อนให้กับพวกเธอ

“ผ้าพวกนี้ ทำตามขนาดของฉันนะคะ ฉันไม่รู้ว่าคุณจะสามารถตัดเสร็จในสามวันนี้ได้หรือเปล่าน่ะค่ะ?” หลินชิงเหอส่งแบบร่างไปให้

ภาพพวกนี้เป็นแบบร่างของเสื้อผ้าที่เธอวาดขึ้นในตอนที่เธออยู่ที่บ้านเกิด ขนาดของเสื้อผ้าและอื่น ๆ จะเป็นขนาดเดียวที่เหมาะสำหรับทุกคน

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset