บทที่ 358 เจ้าใหญ่กลับมาแล้ว
โจวข่ายกลับมาที่บ้านในวันที่ 23 ธันวาคม
เขากลับมาตั้งแต่เช้าตรู่ ซึ่งตอนนั้นหลินชิงเหอยังนอนหลับอยู่ เมื่อเธอตื่นขึ้นมาก็เห็นเขานั่งดูทีวีอยู่บนโซฟาในห้องนั่งเล่นแล้ว
หลินชิงเหอชะงักครู่หนึ่งก่อนเอ่ยออกมา “เจ้าใหญ่?” ด้วยความไม่แน่ใจว่าเป็นเพราะเธอคิดถึงลูกชายคนโตมากเกินไปจนเกิดภาพหลอนหรือเปล่า?
“ม้า” โจวข่ายเลิกคิ้วและเอ่ยทักทาย
ใช่แล้วล่ะ เขากลับมาแล้วจริง ๆ เธอไม่ได้ฝันไป
หลินชิงเหอเดินมาหาเพื่อมองลูกชายคนโตให้ชัด ๆ แล้วเอ่ยขึ้น “ทำไมลูกคล้ำถึงขนาดนี้เลยล่ะ?”
ผิวของโจวข่ายดูคล้ำลงจริง ๆ สีผิวของเขาคล้ำลงไม่น้อย ต่อให้เป็นฤดูหนาวแล้วเขาก็ยังไม่หายคล้ำ ยังเหมือนกับตอนฤดูใบไม้ร่วงไม่เปลี่ยนแปลง
แต่ต้องบอกว่าเขาดูกระฉับกระเฉงมีชีวิตชีวาอย่างมาก
“ฝึกทหารน่ะครับ” โจวข่ายตอบสั้น ๆ
หลินชิงเหอรับรู้แล้วก็ถามต่อ “ลูกกินข้าวเช้ามาหรือยัง? แล้วป๊ารู้ไหมเนี่ยว่าลูกกลับมาแล้ว?”
“ผมไปที่ร้านเกี๊ยวก่อนจะกลับมาที่นี่น่ะครับ” โจวข่ายพยักหน้าและเอ่ยต่อ “ผมตั้งใจรอให้ม้าเห็นตัวผมก่อนแล้วค่อยไปที่บ้านคุณปู่คุณย่า”
“งั้นลูกก็ไปเถอะ ม้าจะตุ๋นกระเพาะหมูยัดไส้ไก่ให้เป็นมื้อกลางวัน” หลินชิงเหอบอก
โจวข่ายยิ้มกริ่ม เขาได้ยินเรื่องที่แม่ของเขาพูดถึงเขาทุกวันในหลายวันที่ผ่านมาจากปากน้องชายที่ร้านเกี๊ยวแล้ว ตอนนี้เขากลับมาถึง เธอก็ปฏิบัติกับเขาราวกับสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่ง
โจวข่ายไปเยี่ยมบ้านคุณปู่คุณย่า ส่วนหลินชิงเหอมาที่ร้านเกี๊ยวเพื่อกินอาหารเช้าหลังจากล้างหน้าแล้ว จากนั้นก็เริ่มทำตุ๋นกระเพาะหมูยัดไส้ไก่
คุณป้าหม่าก็ได้พูดขึ้นมาอย่างร่าเริง “ตอนนี้เสี่ยวข่ายดูบึกบึนขึ้นเยอะเลยนะจ๊ะ”
“เขาก็เป็นแบบนี้แหละค่ะ แถมยังดำราวกับถ่านอีกด้วย แล้วจากนี้ไปเขาจะหาภรรยาได้ยังไงเนี่ย” หลินชิงเหอเอ่ยด้วยรอยยิ้ม
แม้เธอจะพูดแบบนั้น แต่ลูกชายก็ดูไร้ที่ติในใจของเธออยู่ดี ถ้ามีใครคนอื่นกล้ามาดูถูกเขาก็ลองดูสิ?
คุณป้าหม่าเอ่ยขึ้น “คุณจะกังวลเรื่องอื่นก็ได้แต่ไม่ใช่เรื่องที่เขาหาเมียไม่ได้แน่ ๆ จ้ะ เสี่ยวข่ายเป็นแบบนี้แล้วก็ไม่ต้องกังวลอะไรเลย มีสาว ๆ ตาดีเยอะแยะที่อยากจะแต่งงานกับเขา”
หลินชิงเหอยิ้มกว้าง จากนั้นก็เริ่มจัดการล้างกระเพาะหมูกับไก่อย่างคล่องแคล่ว
“คุณจะทำอาหารนี้อย่างไรคะเนี่ย?” คุณป้าหม่าเห็นแล้วก็ไม่เข้าใจ
“ที่ต้องทำคือยัดไก่เข้าไปในกระเพาะหมูก่อนจะเอาไปตุ๋นน่ะค่ะ มันอร่อยแล้วก็ยังบำรุงกระเพาะด้วย คุณป้าลองตุ๋นให้คุณลุงกับคนที่เหลือกินบ้างก็ได้นะคะ” หลินชิงเหอตอบ
เห็นลูกชายมีสุขภาพร่างกายดีแล้ว หลินชิงเหอก็รู้ว่าอาหารที่เขากินคงไม่ย่ำแย่ แต่ต่อให้เป็นแบบนี้หลินชิงเหอก็ยังอยากหุงหาอาหารดี ๆ ให้เขากินอยู่ดี
ไม่ใช่แค่ตุ๋นกระเพาะหมูยัดไส้ไก่เท่านั้น หลินชิงเหอยังออกไปซื้อหัวหมูมาหนึ่งหัวด้วย อาหารกลางวันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นหัวหมูนี้จึงถูกเก็บไว้ทำเป็นอาหารเย็น
เจ้าใหญ่ชอบกินเนื้อหัวหมูตุ๋นมาก ตอนนี้เขากลับมาบ้านเธอก็ต้องทำให้เขากินสิถูกไหม?
โจวกุยหลายกลับมาดูที่ร้านเกี๊ยว เมื่อเห็นอาหารแล้วเขาก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมาเต็มอก “พี่ใหญ่โชคดีจังเลยที่ได้เป็นคนโปรดของครอบครัวขนาดนี้”
“ถ้านายไม่ได้กลับมาที่บ้านนาน ๆ แล้วค่อยกลับมา เรากับม้าก็จะรักนายด้วยเหมือนกันนะ” โจวเฉวี่ยนยิ้ม
โจวเอ้อร์นีที่ช่วยงานอาสะใภ้สี่อยู่ก็ถึงกับกลั้นยิ้ม “ตอนนี้เจ้าใหญ่กลับมาแล้ว คุณปู่คุณย่าที่อยู่บ้านนั้นจะต้องดีใจมากแน่ ๆ เลย”
แน่นอนว่าท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวต่างดีใจมาก หลานชายคนโตของพวกเขากลับมาคราวนี้ พวกเขาถึงกับดีใจจนตัวลอยเลยทีเดียว
แม้จะมีหลานอยู่หลายคน แต่โจวข่ายคือหลานชายคนโตคนโปรด เขาได้รับความรักจากท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวอย่างแท้จริง
ดังนั้นต่อให้เจ้าของร่างเดิมจะทำเรื่องแย่ ๆ มากมายในอดีต แต่หล่อนก็ยังเชิดหน้าอยู่ได้เพราะว่ามีหลานชายคนนี้อยู่
เมื่อหลานชายคนโตกลับมาบ้าน ท่านแม่โจวถึงกับตาแดง
“อยู่ที่นั่นคงจะลำบากสินะ ตอนที่พ่อของหลานไปเป็นทหาร ย่าก็คิดเหมือนกันว่ามันจะต้องลำบาก ตอนนี้หลานไปอยู่ที่นั่นแล้ว ย่าก็รู้สึกทนไม่ได้” ท่านแม่โจวเอ่ยขณะสวมกอดหลานชายคนโต
แม้ท่านพ่อโจวจะรู้สึกดีใจเช่นกัน แต่เขาก็ไม่ได้เข้าไปหาหลานชาย ได้แต่พูดเอ็ดขึ้นมา “พอแล้วล่ะคุณ”
“อะไร? ฉันจะพูดอะไรหน่อยไม่ได้เหรอ?” ท่านแม่โจวเหลือบค้อน
โจวข่ายยิ้ม “คุณย่าครับ ที่ค่ายไม่ได้ลำบากอย่างที่ย่าคิดหรอก ผมปรับตัวให้เข้ากับการฝึกพิเศษได้แล้วล่ะครับ”
มันเป็นการฝึกที่เพิ่มความยากลำบากเข้าไปตามมาตรฐานของการฝึกกองกำลังพิเศษ ซึ่งเขาก็ปรับตัวเข้ากับมันได้อย่างสมบูรณ์แล้ว จึงรู้สึกมีความสุขไปกับมัน
เขาชอบการฝึกแบบนี้
มากเสียจนเขาถูกเพื่อนร่วมหอพักเรียกว่าไอ้คนคลั่งฝึกพิเศษ
“ฝึกพิเศษเหรอ? ถ้าหลานทำได้ก็เยี่ยมไปเลย แล้วการฝึกพิเศษนี่มันยากมากไหม?” ท่านแม่โจวถาม
“ไม่ยากหรอกครับ” โจวข่ายไม่อยากฝืนตอบคำถามของย่า เขาจึงเปลี่ยนประเด็น “ตอนนี้ร้านซาลาเปาของอาเขยเล็กกับอาเล็กเป็นอย่างไรบ้างครับ?”
“กิจการเป็นไปดีมากเลยล่ะ ปู่กับย่าช่วยดูแลเฉิงเฉิงกับคนอื่น ๆ ให้ พวกเขาก็เลยจัดการกันได้” ท่านแม่โจวตอบ
“ดีแล้วล่ะครับ พยายามทำงานที่นี่แล้วอนาคตจะได้ไม่ย่ำแย่” โจวข่ายพยักหน้า
ท่านแม่โจวยิ้มและเอ่ยออกมา “อาเล็กก่อนหน้านี้เคยกังวลนิดหน่อย แต่ตอนนี้หล่อนไม่กังวลแล้ว หล่อนมีความสุขมาก แม่ของหลานดูแลหล่อนด้วยเหมือนกัน บางครั้งหล่อนก็ให้เสื้อผ้าไปขายที่ร้านแผงลอยริมถนน อาเล็กของหลานได้เงินมาเยอะเลยล่ะ”
โจวข่ายยิ้ม
“หลานจะกินข้าวเที่ยงที่นี่ไหม?” ท่านแม่โจวถามต่อ
“ไม่ล่ะครับ คุณปูุ่คุณย่ากินตามปกติเถอะ ม้าบอกว่าจะทำตุ๋นกระเพาะหมูยัดไส้ไก่ให้ผมกินบำรุงกระเพาะ ผมจะกลับไปกินครับ” โจวข่ายบอก
ท่านแม่โจวคุ้นเคยกับรสชาติอาหารของสะใภ้สี่แล้ว นางจึงพยักหน้า “น่าจะบำรุงหลานได้ล่ะ”
“ที่นี่อากาศหนาวลงแล้ว คุณปู่คุณย่าคุ้นชินแล้วหรือยังครับ?” โจวข่ายยังถามต่อ
“ที่นี่หนาวกว่าเมืองบ้านเกิดของเรามากนัก แต่เราไม่หนาวจนแข็งหรอก แม่ของหลานเอาเสื้อผ้าบุฝ้ายกับกางเกงตัวใหม่มาให้เราทั้งคู่แล้ว แล้วยังมีรองเท้าบุฝ้ายคู่ใหญ่ที่อุ่นมาก ๆ ด้วย” ท่านแม่โจวยิ้มกริ่ม
หล่อนแย่งพูดในสิ่งที่ท่านพ่อโจวอยากจะพูดจนหมด แต่เขาก็ไม่ได้เก็บมาคิดเล็กคิดน้อย
โจวข่ายอยู่ที่เป็นเวลาครู่หนึ่งก่อนจะเดินไปพร้อมกับท่านพ่อโจว แล้วมาหยุดอยู่ที่ร้านซาลาเปาของซูต้าหลิน
ความจริงแล้วไม่จำเป็นต้องนำทางท่านพ่อโจวไป แต่ชายชราบอกว่าอยากออกไปเดินเล่นข้างนอก เขาจึงนำคุณปู่ไป
เมื่อออกไปข้างนอกบ้าน พวกเขาก็ได้เจอกับเฒ่าหูผู้เป็นเพื่อนบ้าน ซึ่งชายชรากำลังกวาดหิมะอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาสองคนแล้วเขาก็เอ่ยถาม “เฒ่าโจว พ่อหนุ่มนี่เป็นใครกันเหรอ?”
“เสี่ยวข่ายหลานคนโตของฉันเอง นี่คุณปู่หูนะ” ท่านพ่อโจวแนะนำ
“สวัสดีครับคุณปู่หู” โจวข่ายทักทายอย่างสุภาพ
“เป็นเด็กหนุ่มที่ดูดีจริง ๆ ตัวสูงมาก ฉันได้ยินพ่อของหลานฉันบอกว่าเธออยู่โรงเรียนเตรียมทหารงั้นเหรอ?” เฒ่าหูเอ่ยถาม
เห็นชัดว่าท่านพ่อโจวกับท่านแม่โจวคงจะเที่ยวพูดไปทั่วตามประสา แต่โจวข่ายก็ยังพยักหน้าให้ความร่วมมือ “ครับ ตอนนี้ผมได้หยุดเรียน ก็เลยกลับมาอยู่กับคุณปู่คุณย่าน่ะครับ”
“ช่างเป็นหลานกตัญญูจริง ๆ” เฒ่าหูพยักหน้า
ท่านพ่อโจวพาหลานชายไปที่ร้านซาลาเปาอย่างอารมณ์ดี
จากนั้นแม่เฒ่าหูก็เดินออกมาจากบ้านแล้วถามขึ้น “คุณกำลังพูดกับใครอยู่น่ะ?”
“เฒ่าโจว หลานคนโตเขากลับมาแล้วก็มาหาเขา เป็นเด็กที่ตัวสูงมากเลย” เฒ่าหูตอบ
“สูงขนาดไหนน่ะ?” แม่เฒ่าหูถามอย่างใคร่รู้
“สูงกว่าลูกชายเราครึ่งหัวได้ เดาว่าไม่น่าเกิน 190 เซนติเมตร” เฒ่าหูตอบ “อีกอย่างเขายังเป็นคนหน้าตาดีด้วย ดูกระฉับกระเฉงและสุภาพเรียบร้อย ในอนาคตข้างหน้าเฒ่าโจวจะต้องโชคดีแน่”
แม่เฒ่าหูรู้สึกอิจฉา ทุกวันนี้นางได้ยินท่านแม่โจวพูดถึงแต่หลานชายคนโตบ่อย ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเรื่องจริงขึ้นมา
………………………………………………………………………………
สารจากผู้แปล
เจ้าใหญ่กลับมาแล้ว แถมคล้ำลงด้วย ไม่เป็นไรหรอก ผิวคล้ำแบบนี้ก็ดูหล่อไปอีกแบบนะคะ
ครอบครัวครึกครื้นทันทีที่เจ้าใหญ่กลับมา สมกับเป็นหลานรักอันดับหนึ่งของพ่อแม่โจวจริง ๆ ค่ะ
ไหหม่า(海馬)