บทที่ 360 ยังเด็กอยู่

บทที่ 360 ยังเด็กอยู่

บทที่ 360 ยังเด็กอยู่

แม่ตุ๊กตาคือฉายาที่โจวข่ายใช้เรียกเวิงเหม่ยเจี่ย เพราะว่าหล่อนสวยน่ารักเหมือนตุ๊กตา

เวิงเหม่ยเจี่ยเม้มปากด้วยความขบขันขณะกลอกตามองค้อนเขา

โจวข่ายนั่งอยู่ที่บ้านนั้นมากกว่า 1 ชั่วโมงก่อนจะขอตัวกลับ

เวิงกั๋วเหลียงอยากนัดเขาไปที่โรงอาบน้ำด้วยกัน

มันเป็นธรรมเนียมของที่นี่ ว่าสหายสนิทจะนัดกันไปที่โรงอาบน้ำและผลัดกันอาบน้ำให้แก่กัน

ทันทีที่โจวข่ายกลับไปแล้ว เวิงกั๋วเหลียงก็เอ่ยขึ้น “โจวข่ายมีความสามารถขนาดนี้ เมื่อไหร่ที่เขาออกจากโรงเรียนเตรียมทหาร เขาก็จะได้เลื่อนขั้นทันทีหากมาร่วมกับเรา”

เขาจบการศึกษาพร้อมกับโจวข่ายในปีนี้ หลังจบการศึกษาแล้วเขาก็จะเข้ากองทัพ

ตอนนี้จึงถือว่าเป็นช่วงวันหยุดสำหรับเขาด้วยเหมือนกัน

“ตอนนี้เสี่ยวข่ายกลับมาแล้ว ลูก ๆ สองพี่น้องต้องไปเยี่ยมบ้านเขาบ้างนะ” คุณแม่เวิงพูด

“พี่รองไปคนเดียวก็พอแล้วค่ะ หนูคงไม่ต้องไปด้วยหรอกมั้งคะ?” เวิงเหม่ยเจี่ยเอ่ยอย่างเอียงอาย

“ไปพร้อมกันเถอะ” คุณแม่เวิงเอ่ยตัดบท

หล่อนยังไม่เคยเจอหน้าหลินชิงเหอเลย แต่เคยเห็นรูปของหลินชิงเหอ โจวชิงไป๋ และคนอื่น ๆ แล้ว

ในช่วงพิธีจบการศึกษา เวิงกั๋วเหลียงก็ได้ไปถ่ายรูปกับครอบครัวของหลินชิงเหอ หนึ่งในนั้นเป็นรูปหมู่ ส่วนที่เหลือเป็นรูปของเวิงกั๋วเหลียงกับโจวข่าย

ความจริงแล้วในยุคนี้แทบไม่มีพ่อแม่ที่ไหนมาร่วมยินดีกับพิธีจบการศึกษาของลูกเลย

คุณพ่อเวิงกับคุณแม่เวิงจึงไม่เคยคิดในเรื่องนี้ แต่ทันทีที่ลูกชายของพวกเขานำรูปถ่ายกลับมา พวกเขาก็รู้สึกเสียดายที่ไม่ได้ไปร่วม

แต่ต้องบอกว่าหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ในรูปถ่ายช่างดูไร้ที่ติ

โจวชิงไป๋ดูสูงสง่ามั่นคง ขณะที่หลินชิงเหอดูเฉลียวฉลาดและรู้จักแต่งตัว บอกได้ว่าพวกเขาเป็นคู่รักที่มีรูปร่างหน้าตาดีมากที่เดียว

ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมพวกเขาถึงเลี้ยงดูลูกออกมาได้ยอดเยี่ยมแบบนี้

วันต่อมา เวิงกั๋วเหลียงกับเวิงเหม่ยเจี่ยจึงมาหาที่บ้านพร้อมกับกล่องขนม

หลินชิงเหอรู้จักเวิงกั๋วเหลียงที่จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยปักกิ่ง แต่เธอยังไม่รู้จักเวิงเหม่ยเจี่ย

แต่ทั้งคู่ดูคล้ายกันมาก จนบอกได้ว่าเป็นพี่น้องกันแค่มองผ่านครู่เดียว

“นี่คือน้องสาวเพื่อนลูกที่ลูกเคยบอกว่าเหมือนตุ๊กตาน่ะเหรอ?” หลินชิงเหอมองเวิงเหม่ยเจี่ยด้วยความดีใจขณะถามลูกชายคนโต

“ครับ หล่อนคือเวิงเหม่ยเจี่ย” โจวข่ายยิ้มพลางพยักหน้าอย่างภาคภูมิ

เวิงเหม่ยเจี่ยแสดงความเคารพตามพี่ชายและเอ่ยทักทายอาจารย์หลินด้วยท่าทางเอียงอายเล็กน้อย

“หนูไม่ต้องเรียกฉันว่าอาจารย์หลินตามพี่ชายหนูก็ได้จ้ะ เรียกฉันว่าคุณอาหลินก็ได้” หลินชิงเหอยิ้มกริ่ม

“ค่ะคุณอาหลิน” เวิงเหม่ยเจี่ยเรียกตาม

“หนูเป็นคนสวยอยู่นะ ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเจ้าใหญ่ถึงบอกว่าหนูเป็นสาวข้างบ้านที่สวยที่สุดเท่าที่เขาเคยเห็นมา นั่งลงก่อน ดื่มชาน้ำผึ้งเกรปฟรุต(1)ให้ชุ่มคอกันก่อนดีไหมจ๊ะ?” หลินชิงเหอถาม

“อาจารย์หลินไม่ต้องบริการถึงขนาดนี้ก็ได้ครับ แค่น้ำเปล่าก็พอแล้ว” เวิงกั๋วเหลียงปฏิเสธด้วยรอยยิ้ม

“ไม่มีปัญหาหรอก พวกเธอนั่งลงก่อน ฉันจะไปทำเครื่องดื่มมาให้” หลินชิงเหอยิ้ม

เธอเดินไปล้างแก้วจำนวนหนึ่ง จากนั้นก็ลงมือทำชาน้ำผึ้งเกรปฟรุตมา 2-3 แก้ว ซึ่งเกรปฟรุตนี้เป็นเกรปฟรุตที่เธอซื้อมาในช่วงฤดูของมันแล้วเก็บไว้ในมิติ

แน่นอนว่าเธอนำออกมาเพื่อคั้นน้ำให้ทุกคนดื่ม ปกติแล้วเธอจะหยิบมันออกมาไว้ในห้อง พวกเด็ก ๆ จึงไม่รู้ว่ามันมีทั้งหมดเท่าไหร่

ถ้ามันหมด เธอก็เหลือเก็บไว้อยู่อีกเป็นจำนวนมาก

หลังเทใส่แก้วแล้ว หลินชิงเหอก็หยิบยื่นให้พวกเขาคนละแก้ว

เวิงกั๋วเหลียงกับเวิงเหม่ยเจี่ยเป็นคนที่สุภาพมาก พวกเขาเอ่ยขอบคุณเธอก่อนจะดื่ม

“รสชาติใช้ได้ไหมจ๊ะ?” หลินชิงเหอถามเวิงเหม่ยเจี่ย

“อร่อยมากค่ะ คุณอาหลินซื้อที่ไหนเหรอคะ?” เวิงเหม่ยเจี่ยพยักหน้า

“อาไม่ได้ซื้อหรอก นี่อาทำเอง ในห้องก็ยังมีอีก เดี๋ยวอาจะไปหยิบมาให้โหลหนึ่งนะ” หลินชิงเหอตอบ

“ไม่เป็นไรค่ะคุณอาหลิน อาเก็บไว้เถอะค่ะ” เวิงเหม่ยเจี่ยเอ่ยอย่างเกรงใจ

แค่ได้ดื่มก็พอแล้ว ไม่จำเป็นต้องนำกลับไปด้วยหรอก

“ชาน้ำผึ้งเกรปฟรุตนี่บำรุงความงามดีนะ มันมีสรรพคุณเยี่ยมมากเลย ถ้าหนูไม่อยากดื่มก็เอากลับไปให้แม่หนูสักโหลก็ได้ รสชาติลงตัวพอดีไม่หวานหรือเปรี้ยวเกินไป หล่อนคงจะชอบ” หลินชิงเหอยังคงยืนกราน

เวิงเหม่ยเจี่ยยิ้มและไม่ปฏิเสธ “ขอบคุณคุณอาหลินนะคะ”

สองพี่น้องมานั่งสนทนาด้วยเป็นเวลามากกว่า 2 ชั่วโมงก่อนจะกลับไป

ระหว่างทางเดินกลับ เวิงเหม่ยเจี่ยก็คุยกับพี่รองของหล่อนอย่างร่าเริง “หนูไม่รู้มาก่อนเลยนะคะว่าคุณอาหลินจะใจดีขนาดนี้”

“อาจารย์หลินเป็นคนคุยสนุกและตรงไปตรงมาแบบนี้แหละ พี่คิดว่าหล่อนชอบเธอนะ” เวิงกั๋วเหลียงบอก

มีนักศึกษาสาวจำนวนหนึ่งที่ใกล้ชิดสนิทสนมกับโจวข่าย แต่อาจารย์หลินก็ไม่แสดงท่าทางใด ๆ แต่ครั้งนี้อาจารย์หลินกลับแสดงความเป็นมิตรมาก

สองพี่น้องกลับไปที่บ้านพร้อมกับชาน้ำผึ้งเกรปฟรุต 1 โหล

“นี่อะไรน่ะ?” คุณแม่เวิงที่กำลังดูทีวีอยู่ได้เห็นโหลชาน้ำผึ้งเกรปฟรุตที่ลูกสาวนำมาให้แล้วก็เอ่ยขึ้น

“ชาน้ำผึ้งเกรปฟรุตนี้คุณอาหลินเอามาให้แม่ค่ะ หล่อนทำให้พวกเราดื่มคนละถ้วยแล้วก็อร่อยมากด้วยค่ะ” เวิงเหม่ยเจี่ยพูด

“อุ๊ยตาย” คุณแม่เวิงยิ้มกว้างในทันทีก่อนจะถามต่อ “อาจารย์หลินอยู่ที่บ้านหรือเปล่าจ๊ะ?”

“ตอนที่เราไปถึง หล่อนกำลังสอนภาษาอังกฤษให้โจวข่ายอยู่ครับ” เวิงกั๋วเหลียงตอบ

“สอนภาษาอังกฤษให้เสี่ยวข่ายงั้นเหรอ?” คุณแม่เวิงถึงกับงุนงง

“ถึงโจวข่ายจะเรียนจบแล้ว แต่อาจารย์หลินก็มีความเห็นว่าเขาไม่ควรทิ้งภาษาอังกฤษไป หล่อนก็เลยให้เขาอ่านหนังสือภาษาอังกฤษ 2 เล่มน่ะครับ” เวิงกั๋วเหลียงอธิบาย

คุณแม่เวิงรู้สึกประทับใจมาก หล่อนเอ่ยอย่างอดไม่ได้ “นั่นจะไม่หนักเกินไปเหรอ? เขาต้องฝึกและเรียนวิชาทหาร แถมยังต้องอ่านหนังสือภาษาอังกฤษอีกด้วย”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” เวิงกั๋วเหลียงไม่สนใจเรื่องนี้นัก การมีงานเยอะไม่ใช่ปัญหา เขาเองยังรู้สึกอิจฉาโจวข่ายขึ้นมาหน่อย ๆ เลย

“ตอนที่ลูกไปอยู่ที่นั่น อาจารย์หลินมีท่าทางกับลูกอย่างไรบ้าง?” คุณแม่เวิงถามอีกครั้ง

“ทำไมแม่พูดแบบนี้ล่ะครับ? อาจารย์หลินเป็นมิตรกับเรามากอยู่แล้ว” เวิงกั๋วเหลียงตอบ “อาจารย์หลินจะให้ชาน้ำผึ้งเกรปฟรุตโหลนี้กับเหม่ยเจี่ย แต่เหม่ยเจี่ยปฏิเสธ หล่อนก็เลยบอกให้พวกเรานำกลับมาให้แม่แทนน่ะครับ”

“คุณอาหลินใจดีแถมยังคุยสนุก หล่อนยังบอกว่าถ้ามีเวลาว่างจะมาเยี่ยมแม่ด้วยนะคะ” เวิงเหม่ยเจี่ยพยักหน้า

“งั้นแม่ต้องต้อนรับเขาดี ๆ แล้วล่ะ” คุณแม่เวิงเอ่ยอย่างมีความสุข

ไม่เพียงคุณแม่เวิงจะดีใจ หลินชิงเหอเองก็เช่นกัน

เธอพูดกับลูกชายคนโตว่า “น้องสาวเพื่อนลูกดูน่ารักไม่น้อยเลยนะ แถมยังใจกว้างและวางตัวดี แสดงว่าครอบครัวของหล่อนเลี้ยงดูหล่อนมาดีถึงได้เป็นผู้หญิงเรียบร้อยแบบนี้”

โจวข่ายยิ้มกริ่ม “ม้า ถ้าม้าชอบหล่อนมากขนาดนี้ ก็รับหล่อนมาเป็นลูกสาวอุปถัมภ์เลยสิครับ”

หลินชิงเหอมองลูกชายด้วยสายตาตำหนิ เด็กคนนี้ยังไม่รู้จักโตเลยจริง ๆ

“ลืมเรื่องอุปถัมภ์ไปเถอะ” หลินชิงเหอโบกมือและตัดสินใจเอ่ยเตือนลูกชายคนโต “ถ้าอนาคตลูกจะหาภรรยาล่ะก็ หาให้ได้แบบนี้นะ ทั้งอ่อนโยนใจกว้าง งดงามและวางตัวดี”

โจวข่ายแทบจะพ่นชาที่ดื่มเข้าไปแล้วออกมา เขามองมารดาด้วยสีหน้าจนใจ “ม้า ผมอายุแค่ 17 เองนะ ม้าคิดอะไรอยู่ครับเนี่ย?”

“ก็ได้ ๆ” หลินชิงเหอยักไหล่และไม่พูดต่อ

เตือนแค่รอบเดียวถือว่าพอแล้ว ในอนาคตเด็กสาวคนนี้จะเข้าไปเป็นแพทย์สนาม หล่อนจะเหมาะสมกับลูกชายคนโตของเธอขนาดไหนกันนะ ยิ่งกว่านั้นที่นั่นยังมีหนุ่มโสดอยู่มากมาย หากเธอไม่ส่งสัญญาณให้เขาล่ะก็ เขาคงจะมาเสียดายทีหลังหากมีคนได้หล่อนไปครองก่อนอย่างแน่นอน

………………………………………………………………………………………………………………………

(1)เกรปฟรุต พืชตระกูลเดียวกันกับส้มชนิดหนึ่ง

สารจากผู้แปล

ทั้งคุณแม่เวิงกับแม่ไฟเขียวกันเต็มที่เลยค่ะ งานนี้เหม่ยเจี่ยคงได้เป็นว่าที่สะใภ้ใหญ่ของแม่แน่ ๆ ติดอย่างเดียวขอให้เจ้าใหญ่รู้ใจตัวเองเร็ว ๆ แล้วค่ะ ไม่อย่างนั้นเดี๋ยวจะนกนะคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset