บทที่ 524 คาดหวังแฝดมังกรหงส์

บทที่ 524 คาดหวังแฝดมังกรหงส์

โจวเอ้อร์นีตั้งครรภ์ลูกแฝด ซึ่งถ้าอิงนโยบายการวางแผนครอบครัวในปัจจุบันนี้ ใครบ้างที่ได้ยินแล้วจะไม่อิจฉา

โจวซานนีรู้ก็เกิดความอิจฉาแทบทนไม่ไหว

แต่ท้องนี้ของหล่อนไม่ได้ใหญ่เท่าโจวเอ้อร์นี และถือว่าอยู่ในเกณฑ์ปกติ ดังนั้นก็ไม่ต้องหาวิธีเอาชนะอะไรแล้ว

แม้ว่าการมีท้องแฝดจะมีความสุข แต่ก็มาพร้อมกับแรงกดดันไม่น้อยเลย โดยเฉพาะในช่วงหลัง ๆ ที่ท้องจะใหญ่ขึ้น ซึ่งเมื่อถึงตอนนั้นโจวเอ้อร์ก็ไม่ต้องไปโรงงานเสื้อผ้าแล้ว

หล่อนอาศัยอยู่ที่บ้านของท่านพ่อท่านแม่โจว เพราะว่าท้องใหญ่มากจนทำอะไรไม่สะดวก จึงไม่ได้ไปอยู่กับหวังหยวนที่โรงงาน

ที่นี่ดูแลหล่อนอย่างดี อีกทั้งหล่อนยังรู้สึกง่วงและเหนื่อยง่ายเป็นพิเศษด้วย

“หลานสาวบ้านเธอใกล้จะคลอดแล้วสิเนี่ย?” แม่เฒ่าจูถามท่านแม่โจว

เมื่อต้นปีแม่เฒ่าจูยังอยากจะให้หลานชายห่าง ๆ ของนางคบกับโจวซื่อนีอยู่เลย ถึงกับต้องให้แม่เฒ่าหูเป็นแม่สื่อให้เลยทีเดียว

แต่ใครจะรู้ว่าพอกลับไปบอกเรื่องนี้แล้ว หลานชายห่าง ๆ ของนางกลับมีแฟนแล้วเป็นตัวเป็นตน แถมหญิงคนนั้นยังทำงานและเป็นคนปักกิ่งด้วย

แม่เฒ่าจูรู้สึกยินดีที่ตัวเองไม่ได้พูดออกมา ไม่อย่างนั้นจะไม่กลายเป็นการเสียเวลาหลานชายของนางหรือ?

แต่เมื่อมองท้องของโจวเอ้อร์นี นางก็ถามออกมาอย่างไม่คิดอะไร

“นั่นยังอีกสักระยะจ้ะ” ท่านแม่โจวพูด

“ขนาดนี้นับว่าไม่เล็กแล้วนะ” แม่เฒ่าจูแย้ง

ท่านแม่โจวจึงตอบกลับไปว่า “ต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว นี่ท้องแฝดนะ มันต้องใหญ่กว่าคนปกติอยู่แล้ว”

“หะ? ท้องแฝด?” แม่เฒ่าจูนิ่งอึ้งไปแล้ว สายตานางจ้องไปยังท้องของโจวเอ้อร์นี คิดไม่ถึงเลยว่าหญิงสาวชนบทคนนี้จะโชคดีขนาดนี้ ได้แต่งงานกับคนรวยในเมืองหลวงยังไม่พอ นี่ยังท้องลูกแฝดด้วยงั้นเหรอ?

“ใช่จ๊ะ แต่ก็ไม่แปลก ตระกูลโจวเราเคยมีท้องแฝดมาแล้ว เมื่อก่อนพ่อสามีกับแม่สามีก็เคยมีลูกแฝด ฉันน่ะก็เคยท้องลูกแฝดเหมือนกัน ตอนนี้คนรุ่นหลังจะท้องลูกแฝดก็ไม่แปลก”

อย่าพึ่งสงสัยอะไรทั้งสิ้น นี่เป็นแค่การคุยโม้ เนื่องจากแม่เฒ่าจูไม่สามารถกลับไปพิสูจน์ความจริงที่บ้านเกิดนางได้ ดังนั้นนางจะคุยโม้อย่างไรก็ได้

โจวเอ้อร์นีที่กำลังกินมะเขือเทศอยู่ถึงกับแทบสำลัก

แม่เฒ่าจูเองก็สงสัยเช่นกัน “ทำไมฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยล่ะ?”

“เป็นเรื่องเล่าของบรรพบุรุษน่ะ เรื่องไหนแปลก ๆ ฉันก็เอามาเล่าหมดแหละ” ท่านแม่โจวโบกมือ

โจวเอ้อร์นีกินมะเขือเทศเงียบ ๆ แสดงออกว่าเรื่องนี้ตนไม่รู้อะไรด้วย

แม่เฒ่าจูกลับไปด้วยท่าทางเศร้าสร้อย

พอกลับไปแล้วนางก็พูดเรื่องนี้กับพ่อเฒ่าจู “บรรพบุรุษตระกูลโจวเคยมีแฝดด้วย ถ้าหลานชายพวกเรายังไม่มีคนรัก ให้จับคู่กับโจวซื่อนีก็เป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลย”

เพราะมีการวางแผนครอบครัวนี่เอง ใครจะสามารถมีลูกแบบส่ง ๆ ได้ นอกเสียจากว่าไม่ต้องการสืบทอดมรดกแล้ว ถ้าไม่ได้สืบทอดมรดกแล้วจะเอาอะไรกิน?

แค่ตั้งท้องครั้งหนึ่งแล้วได้ท้องแฝดเลยก็เพียงพอแก่ความต้องการได้แล้ว ใครล่ะจะไม่อยากได้เด็กเยอะ ๆ

พ่อเฒ่าจูไม่ได้สนใจนาง ถ้าสามารถเชื่อมสัมพันธ์กับตระกูลโจวได้อย่างไรก็ต้องเป็นเรื่องดีอยู่แล้ว แต่ถ้าทำไม่ได้ก็ไม่จำเป็นต้องพูดอะไรอีก

ส่วนในลานบ้านตระกูลโจวตอนนี้นั้น ท่านแม่โจวที่คุยโม้จนพอใจแล้วก็ได้หันมาถามโจวเอ้อร์นี “เอ้อร์นีกินบะหมี่ไหมจ๊ะ ย่าจะลงครัวไปเอาบะหมี่มาให้กิน”

“ฉันลงครัวเองก็ได้ค่ะ” โจวเอ้อร์นีพูด

“ท้องหนูใหญ่ขนาดนี้ทำอะไรไม่สะดวกหรอก ให้ย่าเอามาให้ดีกว่า” ท่านแม่โจวตอบ แขนขาของนางยังคงคล่องแคล่วอยู่มาก

เมื่อส่งบะหมี่ผักกวางตุ้งใส่ไข่ชามหนึ่งให้หล่อนแล้ว นางก็มองหลานสาวกินและเอ่ยขึ้น “ตอนนี้ชีวิตหนูช่างมีความสุขจริง ๆ เลย”

นางเริ่มจะกลับมาคิดมากอีกแล้ว ซึ่งเรื่องนี้ไม่ควรกลับมาคิดหรือ ก่อนหน้านี้ตอนที่ตัวเองท้อง ไม่ต้องพูดถึงว่าวันหนึ่งจะได้กินข้าวหลายมื้อขนาดนี้เลย วันหนึ่งแค่ได้กินข้าวสามมื้อก็ถือว่าไม่เลวแล้ว

ตอนนี้ชีวิตช่างมีความสุขจริง ๆ ที่ในหนึ่งวันได้กินข้าวหลายมื้อขนาดนี้ หิวเมื่อไรก็มีข้าวให้กิน

โจวเอ้อร์นีเพียงยิ้มบาง ๆ หลังจากนั้นเธอก็ทานบะหมี่จะหมดชาม แม้แต่น้ำซุปก็ยังดื่มจนหมดเกลี้ยง

ความอยากอาหารของหล่อนดีเกินไปแล้ว ปริมาณที่กินแทบจะเท่ากับอาหารของคนสองสามคนเลยทีเดียว แต่ว่าหล่อนกลับอ้วนขึ้นไม่มาก เพราะทั้งหมดถูกเอาไปเลี้ยงลูกในท้องหมด

วันนี้โจวกุยหลายหอบเอาสาหร่ายใบพายแห้งปึกหนึ่งกับอาหารสดอาหารแห้งอีก 2 ชั่งมาให้

“พี่เอ้อร์นี ตอนนี้พี่รู้สึกยังไงบ้าง” โจวกุยหลายถาม

“ไม่มีปัญหาอะไรเลย ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก” โจวเอ้อร์นียิ้มและพูด “ของพวกนี้ลงบัญชีไว้หมดแล้วเหรอ?”

“ไม่ลงหรอกครับ คุณแม่ให้เอามาให้” โจวกุยหลายพูด

“ควรจะลงเอาไว้นะ ฉันทานฟรีมานานแล้ว ร้านค้าต้องเสียไปตั้งเท่าไหร่” โจวเอ้อร์นีพูด

“เหอะ ๆ ท้องแฝดท้องแรกของครอบครัวเรา ยังไงก็ต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษน่ะครับ” โจวกุยหลายหัวเราะ

ไม่เพียงฝั่งของโจวเอ้อร์นี หลินชิงเหอก็เรียกให้หลี่อ้ายกั๋วมาเอาไปบำรุงให้โจวซานนีด้วย

เมื่อถึงเดือนที่สิบ ท้องของโจวซานนีก็เริ่มเกิดการเคลื่อนไหวแล้ว

เพราะนี่เป็นท้องแรกของหล่อนจึงไม่ได้คลอดเร็วขนาดนั้น เจ็บท้องก็เจ็บแค่ 1 วัน หลังจากนั้นก็จะเริ่มคลอดอย่างช้า ๆ

แต่นับตั้งแต่วันที่เจ็บท้องคลอดวันแรก โจวซานนีก็ไปนอนที่โรงพยาบาลแล้ว เพราะขาและเท้าของหลี่อ้ายกั๋วไม่ค่อยดี เกิดภรรยาคลอดขึ้นมาตอนดึกดื่นเที่ยงคืนแล้วเขาจะทำอย่างไร?

หลินชิงเหอจึงเรียกโจวซื่อนีมาดูร้านในตอนกลางวัน พอตกเย็นปิดร้านแล้ว เธอก็ให้หู่จือไปนอนเฝ้าที่ร้าน หลี่อ้ายกั๋วจะได้ไปเฝ้าโจวซานนีที่โรงพยาบาล

ตั้งแต่เริ่มเจ็บท้องจนคลอดลูกรวมแล้วเป็นเวลา 2 วัน ระยะเวลานี้ไม่ถือว่าช้า จากนั้นเด็กทารกอ้วนท้วนสมบูรณ์น้ำหนัก 6 ชั่งกว่าก็ถือกำเนิดขึ้น

หลี่อ้ายกั๋วมีความสุขจนแทบไม่ไหว

หลินชิงเหอมาเยี่ยมพร้อมกับโจวชิงไป๋ โจวเสี่ยวเหมยกับซูต้าหลินก็แวะเวียนมาเยี่ยมแล้วเช่นกัน และกลับไปบอกกับท่านพ่อท่านแม่โจวว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีไม่ต้องเป็นกังวล

ท่านแม่โจวยิ้มไม่หยุด และนำมาเล่าให้กับแม่เฒ่าจูที่กำลังกวาดพื้นหน้าบ้าน “หลานสาวคนที่สามของฉันคลอดลูกแล้ว อ้วนท้วนสมบูรณ์หนักตั้ง 6 ชั่งแน่ะ”

“โอ้โห นั่นน่ายินดีจริง ๆ จ้ะ แถมได้ลูกผู้ชายด้วย” แม่เฒ่าจูพูด

“นี่ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก ตระกูลโจวเราชอบให้กำเนิดเด็กผู้ชายน่ะ เธอดูบ้านเจ้าสี่ของฉันสิ ลูก ๆ เขาเป็นเด็กผู้ชายหมดเลยนะ” ท่านแม่โจวพูด

โจวเอ้อร์นีได้ฟังแล้วก็พูดอะไรไม่ออก นั่นก็มีแค่อาสะใภ้สี่ของหล่อนที่มีลูกชายเยอะอยู่คนเดียว คนอื่นยังมีลูกสาวเยอะกว่าอีก

ยกตัวอย่างก็เช่นครอบครัวของหล่อนที่มีลูกสาวถึง 3 คน สุดท้ายแล้วถึงจะคลอดสองพี่น้องโจวหยางกับถู่โต้วนั่นออกมา ดังนั้นหล่อนจึงทำเพียงอยู่เงียบ ๆ ไม่เงยหน้าขึ้นมา

โจวเอ้อร์นีลูบท้องของตัวเองอย่างรู้สึกกังวล หล่อนไม่ใช่คนที่ให้ความสำคัญต่อลูกชายมากกว่าลูกสาว แต่รู้ว่าแม่สามีทางนั้นของหล่อนต้องการหลานผู้ชาย

ท่านแม่โจวที่คุยโม้เสร็จกลับมาแล้วมองเห็นท่าทางของหล่อน นางจึงพูดขึ้นว่า “ไม่ต้องกังวล หนูมีตั้งสองคน อย่างไรก็ต้องมีสักคนเป็นเด็กผู้ชายอยู่แล้ว”

แต่ทั้งหมดทั้งมวลแล้วครรภ์ของโจวเอ้อร์นีนับว่าพัฒนาเร็วเพราะเป็นท้องแฝด ซึ่งเป็นไปได้ว่าจะคลอดเร็วยิ่งกว่าคนปกติ แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ครบกำหนดคลอดดีเลย

ประมาณสิ้นเดือนน่าจะได้คลอดแล้ว

หวังหยวนก็ไปเยี่ยมโจวซานนีเช่นเดียวกัน เด็กคนนี้แข็งแรงมาก มีน้ำหนักถึง 6 ชั่งเลยนะ หนักขนาดนี้จะไม่แข็งแรงได้อย่างไร

“ไม่รู้ว่าของเราสองคนจะคลอดเมื่อไหร่นะ” หวังหยวนพูดขึ้นพร้อมแนบหูเข้ากับท้องภรรยาเพื่อฟังเสียงการเคลื่อนไหว

“คุณคิดว่าเป็นเด็กผู้ชายหรือว่าเด็กผู้หญิงคะ” โจวเอ้อร์นีพูด

“อะไรก็ได้ทั้งนั้น แน่นอนว่าถ้าให้ดีผมอยากได้แฝดมังกรหงส์” หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้ม มีทั้งลูกผู้ชายกับลูกผู้หญิง ไม่ใช่ว่ากำลังดีเหรอ

โจวเอ้อร์นีเองก็คาดหวังว่าจะเป็นแฝดมังกรหงส์เช่นกัน

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

ซานนีคลอดลูกแล้ว ยินดีด้วยค่ะ แถมเป็นเด็กผู้ชายตัวอ้วนมากด้วย ตอนผู้แปลเกิดยังหนักไม่เท่านี้เลย

รู้สึกช่วงนี้ท่านแม่โจวจะมีเรื่องให้โม้กับเพื่อนบ้านหลายเรื่องเชียวนะคะ

รอเอ้อร์นีคลอดเลยค่ะ ว่าจะได้แฝดมังกรหงส์หรือเปล่า สมัยนั้นคงยังไม่มีเครื่องอัลตราซาวด์มั้งคะ ไม่งั้นก็จะได้รู้ก่อนว่าเป็นแฝดมังกรหงส์หรือเปล่า

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset