บทที่ 541 ผู้ชายที่ซื่อตรงดั่งเหล็กกล้า

บทที่ 541 ผู้ชายที่ซื่อตรงดั่งเหล็กกล้า

“เขาบอกว่าจะมาอยู่ด้วยเหรอ?” หลินชิงเหอพูดขณะมองน้องชายสามหลิน

น้องชายสามหลินเม้มปาก และเอ่ยขึ้น “พ่อบอกว่าเขาอยู่ที่ชนบทไม่มีคนดูแล พี่ชายใหญ่กับพี่ชายรองก็ดูแลไม่เป็นน่ะครับ”

“ก่อนหน้านี้คนที่คุณพ่อกับคุณแม่ให้ความสำคัญที่สุดก็คือบ้านรอง เพราะต้องการให้บ้านรองดูแลตอนแก่ บ้านสามของพวกเราแม้ว่าจะเป็นน้องเล็กสุด แต่ก็ไม่เคยได้รับประโยชน์อะไรจากพวกเขาเลยสักครึ่งเดียว พอตอนนี้แก่แล้วกลับมาให้บ้านของพวกเราเลี้ยงดูงั้นเหรอ?” สะใภ้สามหลินเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นเยียบ

ที่จริงสะใภ้สามหลินไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว แต่เหตุการณ์ตอนอยู่ไฟหลังคลอดยังทำให้หล่อนจำฝังใจเสมอมา

หลังจากครอบครัวของหล่อนมาเปิดร้านในอำเภอ คนที่หล่อนให้ความใส่ใจในบรรดาครอบครัวนั้นทั้งหมดก็คือหลินชิงเหอพี่สาวสามีคนนี้ ดังนั้นหล่อนจึงไม่เคยให้ในสิ่งที่ควรให้กับท่านพ่อหลินและท่านแม่หลินเลย แต่หล่อนก็ไม่ขัดขวางสามีแต่อย่างใดหากว่าเขาจะให้

หล่อนคิดว่าเป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว

ต้องเข้าใจว่าในตอนที่อยู่ไฟหลังคลอดลูกสาวทั้งสองคน แม้แต่โจ๊กร้อน ๆ สักคำหล่อนก็ไม่เคยได้กิน ซึ่งเรื่องในครั้งนั้นหล่อนไม่มีทางลืมไปตลอดชีวิต

พอตอนนี้กลับต้องการให้กตัญญูแบบนี้ สะใภ้สามหลินจึงรู้สึกว่ามันเกินขอบเขตที่หล่อนจะรับได้ คนแบบนี้ยิ่งพวกหล่อนทำดีด้วยเขาก็ยิ่งเข้าหาไม่จบไม่สิ้น

ก่อนหน้านี้เขาบอกว่าจะมาที่อำเภอ แต่ถูกหล่อนปฏิเสธไปแล้ว ครั้งนี้ก็พูดถึงเรื่องจะมาในอำเภออีก บอกว่าอยู่อย่างลำบากมา 2-3 ปีแล้ว อยากจะมีชีวิตดี ๆ บ้าง

คนอื่น ๆ ต่างก็พูดให้นำชายชราคนนี้มาด้วย เรื่องนี้สร้างความโกรธเคืองให้กับสะใภ้สามหลินจนหล่อนมีใบหน้าบูดเบี้ยวในตอนที่พวกเขาพูดทันที

ทุกคนคงทนดูไม่ได้ที่เห็นว่าครอบครัวหล่อนมีชีวิตที่ดี เลยคิดจะผลักภาระมาให้!

“ตอนนี้พ่ออยู่ที่บ้านคนเดียว…” น้องชายสามหลินพูด

“คุณพูดว่าอยู่คนเดียวได้ยังไง คนอื่น ๆ ตายหมดแล้วหรือไงคะ? ถ้าเขาทำตัวเรียบร้อย มีเมตตาคิดถึงลูกหลานบ้างฉันยังพออดทนได้ แต่เขาก็คือเขา คุณให้เขามาอยู่ที่นี่แสดงว่าคุณไม่อยากมีชีวิตที่ดีแล้วใช่ไหม ฉันก็อยากใช้ชีวิตอย่างที่ไม่ต้องกังวลอะไรเหมือนกันนะคะ!” สะใภ้สามหลินพูด

“น้องสาม อย่าทำให้ภรรยาของนายต้องกังวลเลย” ไม่ต้องถามก็รู้ว่าหลินชิงเหออยู่ข้างสะใภ้สามหลิน

ถ้าให้พ่อมาอยู่ที่นี่ งั้นก็อย่าหวังว่าจะได้ทำกิจการของที่นี่เลย คนคนนั้นไม่มีทางทำตัวเรียบร้อยได้หรอก

“พี่ครับ ผมรู้ว่าภรรยาของผมลำบาก แต่ว่าพี่ใหญ่กับพี่รองพึ่งพาอะไรไม่ได้เลยนะครับ” น้องชายสามหลินถอนหายใจ

“พึ่งไม่ได้ได้ยังไงกัน พวกเขาเป็นผู้ชายนะ และคุณก็อายุน้อยสุด พวกเขาพึ่งไม่ได้อย่างนั้นเหรอ? แล้วหลานชายหลานสาวมากมายพวกนั้นล่ะคะ!” สะใภ้สามหลินแค่นเสียงหึ

“ก็ได้ ๆ ผมไม่เอาพ่อมาแล้วก็ได้ คุณพอใจแล้วใช่ไหม เพราะพี่สาวสามกับพี่เขยมาที่นี่ใช่ไหม คุณถึงตั้งใจชวนทะเลาะแบบนี้?” น้องชายสามหลินพูด

“ถ้าคุณตรงไปตรงมาไม่ลังเลแบบนี้ตั้งแต่แรก ฉันกับคุณจะมีอะไรให้ต้องทะเลาะกันคะ?” สะใภ้สามหลินส่งเสียงหึ หลังจากนั้นก็เดินตรงไปและเรียกหลินชิงเหอให้ไปด้วยกัน

ผู้หญิงสองคนตรงไปที่ห้องครัวทำนู่นทำนี่ ซึ่งสะใภ้สามหลินก็ทำอาหารไปด้วยพูดไปด้วย “พี่สาวสามอย่าเพิ่งเข้าใจฉันผิดว่าฉันเป็นผู้หญิงใจร้ายทอดทิ้งคนแก่นะคะ พ่อแม่สามีสองคนนั้นไม่เคยมีบุญคุณกับฉันสักนิดเดียว ฉันแค่ไม่อยากให้ตัวเองถูกเอารัดเอาเปรียบ”

“ฉันเข้าใจว่าทำไมเธอต้องทำแบบนี้ ถ้าพวกเขาดีต่อพวกเธอ การกตัญญูก็เป็นเรื่องที่สมควรทำ แต่พวกเขาไม่เคยมีบุญคุณอะไรกับเธอ เธอก็ได้ทดแทนให้พวกเขาไปแล้วส่วนหนึ่ง เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว” หลินชิงเหอพูด

ถ้าท่านพ่อท่านแม่โจวเป็นเหมือนกับท่านพ่อท่านแม่หลิน การที่เธอส่งเงินกลับมาให้ก็ถือว่าไม่เลวแล้ว แต่ถ้าให้พูดจากใจจริง เธอยอมรับว่าต่อให้บางครั้งท่านแม่โจวจะทำให้คนอื่นรำคาญใจไปบ้าง แต่นางก็ไม่ใช่แม่สามีที่เลวร้าย

ท่านพ่อโจวยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ไหนแต่ไรมาเขาไม่เคยก้าวก่ายชีวิตของลูกชายตัวเองเลย อีกทั้งไม่ลำเอียงกับลูกชายคนไหนเป็นพิเศษด้วย

ถึงแม้ลูกชายที่เขาค่อนข้างเป็นห่วงจะเป็นโจวชิงไป๋ แต่โจวชิงไป๋ก็สามารถสร้างเนื้อสร้างตัวได้ด้วยตัวเอง

หลังจากโจวชิงไป๋กลับมา ท่านแม่โจวก็มอบเงินให้เขาเช่นกัน แต่เงินเหล่านั้นแท้จริงก็เป็นเงินเบี้ยเลี้ยงของโจวชิงไป๋เอง เพียงแต่พวกเขาไม่เอามาใช้และเก็บเอาไว้ก็เท่านั้น เพราะต้องการทดแทนบุญคุณของลูกชาย แต่ถ้าพวกเขานำเงินออกมาใช้นั่นก็เป็นความตั้งใจของพวกเขาเอง

ดังนั้นหลินชิงเหอไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบพาพวกเขามาดูแลที่ปักกิ่งก็ได้

แต่บางครั้งท่านแม่โจวก็มักจะมีความน้อยอกน้อยใจอยู่บ้างในบางครั้ง ตอนได้ยินโจวเสี่ยวเหมยบอกว่าจะไปบ่อน้ำร้อนแล้วไม่พานางไปด้วย นางก็คิดไปเองว่าโดนทอดทิ้งแล้ว

ซึ่งหลินชิงเหอเป็นคนที่ทิ้งนางเอง…

นางจู้จี้ขี้บ่นเกินไป และต้องพูดไม่หยุดตลอดการเดินทางไปบ่อน้ำร้อนแน่ ดังนั้นเธอจึงไม่พานางไปด้วย

“ไม่อยากย้ายทะเบียนบ้านมาที่อำเภอเหรอจ๊ะ” หลินชิงเหอถาม

“อยากสิคะ หลังจากปีใหม่ปีหน้าฉันจะย้ายค่ะ ค่าย้ายก็ต้องเตรียมไว้เหมือนกัน” สะใภ้สามหลินพูด หล่อนคิดว่าต่อไปหล่อนคงจะไม่กลับไปแล้ว กลับไปก็ไม่มีความหมาย

“ย้ายมาได้ก็ดีจ๊ะ และก็ต้องจำไว้ว่าข้าง ๆ ยังมีบ้านดี ๆ อยู่อีกไหม” หลินชิงเหอพูด

“พี่ต้องการซื้อเหรอคะ?” สะใภ้สามหลินพูด

“ฉันไปอยู่ที่ปักกิ่งแล้ว ทางนี้ก็คงจะไม่ซื้อแล้วละจ๊ะ แต่ต่อไปถ้าพวกเธอย้ายมาที่นี่ ซื้อบ้านไว้สองหลังก็ดีเหมือนกัน” หลินชิงเหอพูด

ในอนาคตราคาบ้านในอำเภอไม่ได้สูงลิ่วเท่าบ้านที่อยู่ในเมือง แต่ในตอนนี้ก็นับว่าไม่ถูก ในเมื่อร้านค้าสามารถทำกำไรได้แล้วก็ซื้อบ้านเก็บเอาไว้เสียหน่อยเถอะ ต่อจากนี้หากกิจการเกิดได้รับผลกระทบอะไรขึ้นมาจะได้ไม่มีปัญหา

“ตอนนี้ค่าบ้านแพงไม่น้อยเลยนะคะ” สะใภ้สามหลินพูด

“หากมีเงินเหลือละก็ ซื้อบ้านเก็บเอาไว้สักสองหลังก็ไม่เลวจ๊ะ ต่อไปมันจะยิ่งแพงกว่านี้ ถือเสียว่าซื้อเก็บไว้ให้ลูก ๆ ของพวกเธออย่างไรล่ะ” หลินชิงเหอพูด

สะใภ้สามหลินพยักหน้าพูด “งั้นฉันจะดู ๆ ไว้นะคะ ถ้ามีที่ไหนดี ๆ ฉันจะซื้อเอาไว้”

ต่อมาหลินชิงเหอก็ถามถึงคะแนนการเรียนของหลานสาว

“คะแนนธรรมดามากค่ะ ฉันกับพ่อของพวกหล่อนก็ไม่รู้หนังสือ ถ้าพวกหล่อนเรียนไหวฉันก็จะส่งเรียนต่อ แต่ถ้าพวกหล่อนเรียนไม่ไหวจริง ๆ งั้นก็ไม่มีทางเลือก คงต้องให้ออกมาช่วยงานกันแล้วล่ะคะ” สะใภ้สามหลินพูด

หลินชิงเหอพยักหน้า และพูดขึ้น “นิสัยน้องสามฉันซื่อตรงไร้เล่ห์เหลี่ยม บางครั้งก็เปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้ ตอนที่เธอควรจะห้ามปรามเขาก็อย่าได้เกรงใจเขา”

สะใภ้สามหลินเม้มริมฝีปาก เธอยิ้มและพูด “ปกติฉันไม่ทะเลาะกับเขาหรอกค่ะ เขาเองก็ทุกข์ใจเหมือนกัน เพียงแต่เรื่องนี้ฉันไม่มีทางถอยแน่ค่ะ”

เมื่อก่อนเคยลำบากมาแล้ว ตอนนี้มีชีวิตดี ๆ มาอยู่ในกำมือแล้ว ใครกล้ามาเอามันไปหล่อนจะไล่มันไปพ้น ๆ

หลินชิงเหอได้ยินแล้วก็พอใจมาก มีสะใภ้สามหลินที่เป็นแบบนี้เธอก็ไม่ต้องเป็นห่วงอะไรแล้ว แม้ว่าน้องชายสามของเธอจะใจอ่อนไปหน่อยก็ตาม

พวกเขากินข้าวเย็นที่นี่ หลังกินเสร็จก็นั่งดูทีวีด้วยกัน ประมาณสามทุ่มก็พากันเข้าไปพักผ่อน เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าไปขึ้นรถไฟ

“ถึงจะกลับมาเยี่ยมบ้าน ก็มีแค่คุณที่ไม่ขัดหูขัดตาฉันที่สุด” หลินชิงเหอที่เอนตัวลงนอนก็พูดขึ้นกับโจวชิงไป๋

โจวชิงไป๋ขมวดคิ้วพูด “มีตอนที่ผมขัดหูขัดตาคุณด้วยเหรอ?”

หลินชิงเหอโบกมือ “นั่นต้องมีอยู่แล้วค่ะ” แม้ว่าจะน้อยมาก แต่บางครั้งที่ชายคนนี้ทำให้เธอโกรธ เขาก็จะทำหน้าเด๋อด๋า ไม่รู้ว่าเธอโกรธด้วยเรื่องอะไร

เป็นผู้ชายที่ซื่อตรงดั่งเหล็กกล้า*จริง ๆ

*钢铁直男 เป็นคำแสลง แปลว่า ผู้ชายซื่อ ๆ ไม่ค่อยเข้าใจความคิดผู้หญิง

โจวชิงไป๋ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขน “ถ้าคุณเห็นผมขัดหูขัดตาก็บอก ผมจะขอโทษคุณ”

หัวใจของหลินชิงเหออ่อนยวบ เธอกอดตอบเขาแล้วพูดขึ้น “ชิงไป๋ พวกเราต้องมีความสุขอย่างนี้ตลอดไปนะคะ”

“อืม” โจวชิงไป๋กอดภรรยาตัวเอง เป็นสามีภรรยามาหลายปีแล้ว ความรู้สึกของพวกเขายังคงยั่งยืน กระทั่งยิ่งนานวันยิ่งดีกว่าเดิมด้วยซ้ำ

เช้าวันต่อมาพอกินข้าวเช้าเสร็จ ก็นั่งรถไฟกลับปักกิ่งไป

แต่ตอนที่พวกเขาขึ้นรถไฟไปปักกิ่ง หู่จือก็กำลังพาเฉินซานซานลงจากรถไฟ

ในตอนที่ไปหาคุณอาสามของเขาที่อำเภอนั่นเองทำให้เขาได้รู้ว่า คุณน้าสี่กับคุณน้าสะใภ้สี่ของเขาเพิ่งจะกลับไป คลาดกันไปเพียงนิดเดียว

………………………………………………………………………………………………………………………….

สารจากผู้แปล

โชคดีที่สะใภ้สามหลินไม่ใช่คนใจอ่อน ไม่งั้นน้องชายสามหลินซวยแน่

พ่อซื่อตรงอย่างเหล็กกล้าจริง ๆ นั่นแหละค่ะ ไม่ได้ความแพรวพราวของแม่ช่วยไว้คงไม่ได้มีชีวิตดีขนาดนี้

อ้าว หู่จือพาสาวกลับมาเยี่ยมบ้านพ่อแม่เหรอคะ

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset