บทที่ 554 ซูสีไทเฮา

บทที่ 554 ซูสีไทเฮา

“ตอนเอ้อร์นีกับซานนีท้องไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยค่ะ แต่ของฉันมีตั้งหลายเรื่องแค่มองก็รู้ว่ามากกว่าคนทั่วไปเยอะเลย” หลินชิงเหอพูดอย่างอับจนหนทาง

“ไม่อะไรที่เหนือกว่าคนอื่นหรอกจ๊ะ อีกอย่างไม่ใช่ว่าเธอเต็มใจเองเหรอ แค่ฉันเห็นใครคนไหนอ้วกจนหมดไส้หมดพุงแล้วก็รู้สึกทรมานแทน” พี่สะใภ้ใหญ่โจวพูด หลังจากนั้นก็เปลี่ยนมาพูดเรื่องโจวซื่อนีแทน

“ฝ่ายชายแม้ว่าอายุจะมากว่าซื่อนีไม่น้อย แต่นอกนั้นเขาไม่มีตรงไหนให้ติเลยค่ะ หน้าตาพี่สะใภ้ใหญ่คงไม่เคยเห็น แต่พี่มองหวังหยวนก็พอแล้ว เขาไม่ต่างอะไรกับหวังหยวนแม้แต่นิดเดียว ทั้งยังดูภูมิฐานกว่าหวังหยวนด้วยส่วนหนึ่ง” หลินชิงเหอพูด

สิ่งที่สามารถมองเห็นได้จากบนร่างกายของหวังหยวนก็คือกลิ่นอายความเป็นคุณชายจากเมืองหลวง โดยเฉพาะพอมีเจ้าเด็กแฝดสองคนนั้น เขาก็ยิ่งแผ่กลิ่นอายความอ่อนโยนของผู้ชายที่แต่งงานแล้วออกมา บวกกับเขาเป็นคนหล่อหน้าตาดีแถมยังรวยอีกด้วย หลินชิงเหอยังเคยแอบเตือนโจวเอ้อร์นีลับหลังเลย

แม้ว่าชีวิตคู่นั้นสิ่งสำคัญที่สุดคือต้องมีความไว้เนื้อเชื่อใจกัน แต่ป้องกันชีวิตคู่ไว้ก่อนก็เป็นสิ่งจำเป็น

ยิ่งยุคสมัยที่มีการพัฒนา คนประเภทบ้านสาม* ก็เริ่มจะโผล่ออกมาให้เห็นแล้ว

(*บ้านสาม หมายถึง บ้านเมียน้อย)

ไม่ต้องกล่าวไปไกลมาก ในเขตเล็ก ๆ ก็มีบ้านที่สามอยู่คนหนึ่ง

ผู้ชายคนนั้นมีครอบครัวอยู่แล้ว เอาผู้หญิงมาเลี้ยงดูไว้ที่นี่ ใน 1 สัปดาห์ก็จะมาหา 1 หรือ 2 ครั้ง และผู้หญิงคนนั้นการกินอยู่อะไรก็ดีไปหมด

แน่นอนในตอนแรกหลินชิงเหอยังไม่รู้ แต่พวกป้า ๆ ในเขตชุมชนเล็ก ๆ ที่เธออยู่เอาเรื่องนี้มาพูดกันให้สนุกปาก คุณป้าหม่าย่อมต้องทราบเช่นเดียวกัน ข่าว 99% ในเขตเล็ก ๆ นี้ก็ได้ยินมาจากคุณป้าหม่าทั้งสิ้น

“สำหรับพ่อแม่ของผู้ชาย พวกเขาเป็นเพื่อนสนิทของฉันกับชิงไป๋เองค่ะ ไม่มีเรื่องแม่ยายไม่ชอบลูกสะใภ้แน่ เจ้าใหญ่เองก็เป็นแฟนกับลูกสาวบ้านนั้นด้วย” หลินชิงเหอพูด “ถ้าซื่อนีกับเวิงกั๋วต้งไปด้วยกันได้ดี ก็จะกลายเป็นทองแผ่นเดียวกัน”

พี่สะใภ้ใหญ่โจวดีใจมากพูดอย่างเกรงใจว่า “เรื่องความรักของเอ้อร์นีกับซื่อนี ก็ได้เธอเป็นคนช่วยดูให้ทั้งนั้นเลย”

“นี้เป็นเพราะวาสนาของพวกหล่อนด้วยค่ะ” หลินชิงเหอพูดกลั้วหัวเราะ

คุยกับพี่สะใภ้ใหญ่อีกสักพัก หลินชิงเหอก็วางสายไป หลังจากนั้นก็เดินไปที่ร้านเกี๊ยว

คุณป้าหม่ายิ้มแล้วพูดขึ้น “ควรออกมาเดินเล่นอย่างนั้นบ่อย ๆ นะคะ จะเอาแต่นอนไม่ได้”

“ฉันเดินสั้น ๆ แค่นี้ก็รู้สึกพะอืดพะอมแล้วค่ะ” หลินชิงเหอพูด

“ตอนนี้อากาศยังเย็นอยู่ รอฤดูใบไม้ผลิก็ดีขึ้นแล้ว” คุณป้าหม่าพูดปลอบใจ

“เฮ้อ” หลินชิงเหอถอนหายใจ

“ถอนหายใจอะไรกันจ๊ะ? นี่มันเรื่องดีนะ แม่ของเสี่ยวตั้นยังอยากจะมีอีกเลย มีแค่คนเดียวมันน้อยเกินไปจริง ๆ” คุณป้าหม่าพูด

หวงเสี่ยวหลิ่วอยากจะมีอีกสักคนหนึ่งจริง ๆ เพราะว่ามีคนเดียวมันน้อยเกินไปหน่อย โดยเฉพาะหลังจากหล่อนได้ยินหลินชิงเหอตั้งท้อง หวงเสี่ยวหลิ่วก็แอบไปพูดหม่าเฉิงหมินเรื่องนี้เหมือนกัน

หม่าเฉิงหมินเลยมาหาคุณป้าหม่าเพื่อขอคำปรึกษา เพราะว่าเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ

คุณป้าหม่าได้ยินก็ถามด้วยความประหลาดใจยิ่ง “พวกเธอยังไม่ได้ทำหมันหรือ?” หล่อนก็นึกว่าพวกเขาทำหมันไปแล้ว ไม่อย่างนั้นอะไรคืออยากมีอีกคนหนึ่ง?

หม่าเฉิงหมินพูดอย่างกระอักกระอ่วนว่าเขาหลบหนีมาได้ เพียงไปหยิบที่โรงพยาบาลก็ได้แล้วไม่ต้องเสียเงินสักหยวน

คุณป้าหม่าไม่ออกความคิดเห็น ถ้ามีอีกคนละก็หวงเสี่ยวหลิ่วก็ต้องกลับไปดูแลครรภ์บ้านแม่ที่ชนบทแล้ว รอใกล้จะถึงเดือนคลอดแล้วค่อยกลับมาเตรียมการคลอด

เพราะถ้าระยะครรภ์ไม่มากล่ะก็หล่อนต้องถูกจับทำแท้ง นอกเสียจากระยะครรภ์มากแล้ว เรื่องนี้ก็เพียงแค่จ่ายเงินค่าปรับไปก็เท่านั้น

“ตอนที่ฉันฉลองปีใหม่ ได้ยินย่าเฒ่าจางนั่นพูดเรื่องบางอย่างด้วยล่ะ” คุณป้าหม่าพูดเสียงเบา

“พูดอะไรเหรอคะ?” หลินชิงเหอพูด

“ก็จางเหมยเหลียนที่แต่งงานกับสวี่เชิ่งเฉียงนั่นไง จนถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่ท้องเลยนะ นี้จะต้องมีปัญหาอะไรบางอย่างแน่” คุณป้าหม่าพูด

หล่อนได้ยินย่าเฒ่าจางนั่นพูดขอเคล็ดลับทำอย่างไรให้ท้องอะไรนั่นกับคนอื่น ภรรยาของลูกชายหล่อนคลอดลูกแล้ว งั้นก็คงจะเป็นลูกสาวสองคนนั่นแล้ว

ลูกสาวคนโตไม่ต้องพูดถึง คน ๆ นั้นมีชื่อเสียงในเขตชุมชนเล็ก ๆ ไม่ว่าใครก็รังเกียจไก่ป่า*ตัวนี้

(*ไก่ป่า ศัพท์ที่ใช้ในเน็ต ใช้เปรียบเปรยผู้หญิงขายตัว)

งั้นก็ต้องเป็นลูกสาวคนเล็ก ตอนที่กลับมาในช่วงปีใหม่จางเหมยเหลียนก็คงยังไม่ท้องเช่นกัน

หลินชิงเหอหัวเราะแห้ง “แต่งงานไปแล้ว ไม่ว่าจะเรื่องอะไรเขาก็ต้องรับให้ไหว”

เหมือนกับพี่สาวของเขาที่ร้อนอกร้อนใจเรื่องนี้เช่นกัน แต่ว่าตอนนี้พวกหล่อนต่างคนต่างอยู่แล้ว ไม่มีอะไรต้องพูดถึงอีก

จนถึงตอนนี้สองพี่น้องนั่นก็ไม่ได้มาที่นี่อีกแล้ว ทางนี้ก็รู้สึกคลายความกังวลใจลงมากเช่นกัน ไม่อย่างนั้นพวกนั้นอาจจะก่อเรื่องขึ้นได้ตลอดเวลาก็ได้

“อย่างไรฉันก็ไม่เข้าใจอยู่ดีค่ะ คนในพื้นที่เขารู้กันหมดทุกคนแต่หล่อนกลับให้น้องชายหล่อนแต่งงานไปได้ยังไงกัน” คุณป้าหม่าพูด

หลินชิงเหอไม่ได้พูดต่อ เธอหยิบเม็ดแตงมาแกะ และก็ส่งให้คุณป้าหม่าด้วยหนึ่งกำ

กินไปกินมาหลินชิงเหอก็รู้สึกง่วง จึงขึ้นไปนอนบนชั้นสอง

สองพี่น้องโจวกุยหลาย โจวเฉวี่ยนกลับไปที่บ้านก่อน เมื่อกลับมาแล้วถึงเพิ่งรู้ว่าแม่ของพวกเขาไม่ได้อยู่บ้าน ก็น่าจะเป็นร้านเกี๊ยวแล้ว

พอมาถึงก็พบว่าแม่พวกเขานอนอยู่ที่ชั้นสอง

“ท้องนี้ของม้าไม่ง่ายเลยจริง ๆ” โจวกุยหลายส่ายหน้าพร้อมกับถอนหายใจ

พวกเขาเห็นแม่ตัวเองเป็นผู้หญิงแกร่งมาโดยตลอด แบบที่สามารถใช้มีดเล่มโตฆ่าหมูตัวหนึ่งได้แบบนั้นเลย แต่เพียงพริบตาเดียวแม่ของพวกเขาก็กลายเป็นคุณหนูหลินไต้อวี้ไปแล้ว*

(*คุณหนูหลินไต้อวี้(เสียงจีนกลาง) ตัวละครหนึ่งในเรื่องความฝันในหอแดง เป็นสตรีที่มีร่างกายอ่อนแอ)

โดยเฉพาะเรื่องที่ชอบอาเจียนแต่เช้า จนพวกเขาต้องลุกขึ้นมาต้มน้ำต้มชาไว้ให้

แน่นอนว่าพวกเขาไม่ได้คัดค้าน พวกเขาไม่รู้สึกคัดค้านเลยสักนิดเดียว เพียงแค่รู้สึกทรมานแทนแม่ของตนเท่านั้น

“ผู้หญิงท้องไม่ใช่เรื่องง่ายอยู่แล้ว ยิ่งแม่ของพวกเธออายุมากแล้ว ผลกระทบก็เยอะแบบนี้แหละ พวกเธอต้องตามใจหล่อนนะรู้ไหม?” คุณป้าหม่าพูด

“พวกผมไม่ตามใจแม่ซะที่ไหนกันครับ ตอนนี้แม่ผมแทบจะกลายเป็นซูสีไทเฮาแล้ว” โจวกุยหลายพูด

คุณป้าหม่าถูกใจมุกตลกจนขำยกใหญ่

โจวชิงไป๋ส่งกระบวยให้เจ้ารอง ส่วนเขาก็ขึ้นมาที่ชั้นสอง หลินชิงเหอนอนหลับด้วยใบหน้าแดงเปล่งปลั่งสุขภาพ แต่ว่าหล่อนนอนมาหลายชั่วโมงแล้ว โจวชิงไป๋จึงเรียกให้หล่อนตื่นขึ้นมา เพราะกลัวว่าตอนกลางคืนจะนอนไม่หลับ

“เย็นนี้กินอะไรเหรอคะ?” หลินชิงเหอหาวหวอดออกมาแล้วถาม

โจวชิงไป๋เทน้ำอุ่นให้หล่อน “คุณอยากกินอะไรละ”

“ฉันไม่มีอะไรที่อยากกินเป็นพิเศษหรอกค่ะ” หลินชิงเหอพูด และหนุนตักเขา

“งั้นกินบะหมี่?” โจวชิงไป๋พูด

“น้ำซุปอย่าข้นไปนะคะ” หลินชิงเหอพยักหน้า “ใส่ต้นหอมเยอะ ๆ หน่อย”

โจวชิงไป๋ตอบตกลง “ลุกขึ้นมานั่งดี ๆ ครับ ผมจะไปเอามาให้คุณชามหนึ่ง”

หลินชิงเหอจึงลุกขึ้นมาจากเตียง โจวชิงไป๋สวมเสื้อผ้าให้เธอ หลินชิงเหอยิ้มที่มุมปากนิด ๆ และเอ่ย “เป็นบุญของท้องฉันแล้ว เมื่อก่อนไม่เห็นจะได้รับการบริการและความดูแลจากเถ้าแก่โจวเลย”

ตอนนี้ตอนกินข้าวเขาแทบจะป้อนให้ทานอยู่แล้ว

“เมื่อก่อนผมไม่คิดถึงเรื่องพวกนี้” โจวชิงไป๋พูด

“งั้นตอนนี้คิดได้แล้ว?” หลินชิงเหอเลิกคิ้ว

“กินเสร็จแล้วตอนเย็นไปดูหนังกันไหม?” โจวชิงไป๋เปลี่ยนเรื่องอย่างกะทันหัน

“ไม่เอาค่ะ ดูหนังที่บ้าน ดูเสร็จแล้วก็นอน” ในโรงหนังคนเยอะอากาศก็ไม่ถ่ายเท ไหนจะมีกลิ่นอะไรก็ไม่รู้ หล่อนต้องได้อ้วกในโรงหนังแน่ ๆ ดังนั้นถือว่าช่างมันไปก่อน อยู่ดูหนังอย่างสบายใจที่บ้านดีกว่า

โจวชิงไป๋ลงไปเอาบะหมี่มาให้หล่อนก่อน บะหมี่น้ำซุปใส ๆ ส่งกลิ่นหอมอบอวลให้แก่หลินชิงเหอ และใส่ต้นหอมซอยกับเนื้อหั่นบาง นอกนั้นเขาก็ไม่ใส่อะไรอีก

……………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ท้องลูกสาวมันดีอย่างนี้นี่เองค่ะ ได้รับบริการอย่างดีกับสามีและลูก ๆ เลยทีเดียว

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset