บทที่ 561 ทำให้คนอื่นวุ่นวายใจ

บทที่ 561 ทำให้คนอื่นวุ่นวายใจ

วันถัดมาในตอนเช้า โจวชิงไป๋ก็ออกเดินทางไปเซี่ยงไฮ้แล้ว

เขาต้องไปเตรียมการก่อน รอให้ทุกอย่างพร้อมแล้วค่อยมาพาหลินชิงเหอมา ดูจากความสามารถของเขาแล้ว เขาก็คงจัดการทุกอย่างเสร็จสิ้นในเวลาไม่กี่วัน

หลินชิงเหอรออยู่ที่บ้าน หลังจากนั้นเธอก็พบกับแม่เฒ่าจางสองครั้ง แม่เฒ่าจางกลับไม่มองหน้าเธอสักเสี้ยวหนึ่ง

แต่ว่าแถวย่านนี้กลับไม่มีข่าวคราวอะไรออกมาเลยสักเรื่อง ทำให้หลินชิงเหอรู้ว่ายายเฒ่าคนนั้นคงกลัวคำขู่ของเธอจริง ๆ

นี่ไม่ได้เป็นเพียงคำขู่ หากนางกล้าพูดออกไปจริง หลินชิงเหอจะตัดขาดกิจการของสวี่เชิ่งเฉียงทันที

เห็นได้ชัดว่านางเห็นแก่ผลประโยชน์ที่จะได้จากสวี่เชิ่งเฉียงกับจางเหมยเหลียน ดังนั้นแม้สีหน้าของนางจะดำทะมึนดูน่าเกียจแค่ไหน นางก็ทำได้เพียงกดข่มเอาไว้

เธอเดาไม่ผิด แม่เฒ่าจางยังรู้สึกเจ็บแค้นใจอยู่จริง ๆ และหลินชิงเหอก็ไม่กลัวว่านางจะเอาเรื่องนี้ไปพูดที่สภาสตรีแต่อย่างใด

เดือนนี้จางเหมยเหลียนกลับมาบ้านพอดี เพื่อให้เงินกับแม่ของหล่อน ก่อนหน้านี้หล่อนให้ 20 หยวน แต่เดือนนี้ได้กำไรมาไม่น้อย จางเหม่ยเหลียนจึงให้หล่อน 30 หยวน

แม่เฒ่าจางได้เงินแล้วก็มีจิตใจสงบลงมาเล็กน้อย นางพูดขึ้นพลางแค่นเสียงหึ “ถ้าไม่ได้เห็นแก่หน้าเฉียงจือนะ คอยดูแล้วกันว่าฉันจะฟ้องหล่อนอย่างไร!”

จางเหมยเหลียนได้ยินก็ทำหน้างง “ใครเหรอคะ?”

“ก็แม่ข้างบ้านนั่นไง อายุปูนนี้แล้วยังท้องได้อีก!” แม่เฒ่าจางส่งเสียงหึ

จางเหมยเหลียนนิ่งอึ้งไปสักพัก แล้วถามอย่างสงสัยว่า “อาจารย์หลินท้องเหรอคะ?” ที่จริงหล่อนอยากจะอุทานออกมา แต่ก็ไม่กล้า

ยิ่งร้านเสื้อผ้าของจางเหมยเหลียนที่กำลังเป็นไปด้วยดี และมีรายได้ดีจริง ๆ ตอนนี้หล่อนกับสวี่เชิ่งเฉียงมีเงินรวมกัน 1 เดือนแทบจะ 600 หยวนแล้ว!

เพราะเกี่ยวข้องกับรายได้ของหล่อน จางเหมยเหลียนก็ยิ่งอยากจะซ่อมแซมความสัมพันธ์ของหล่อนกับบ้านหลักโจว

ทุกวันหล่อนต้องคอยย้ำเตือนให้สวี่เชิ่งเฉียงไปมาหาสู่กับบ้านหลักบ่อย ๆ แต่สวี่เชิ่งเฉียงกลับดื้อรั้นไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมไป

ยังพูดอีกว่าไปก็ถูกด่ากลับมา แล้วจะให้เขาไปทำไม? อีกทั้งตอนนี้เขามีเงินแล้ว จะง้อบ้านหลักตระกูลโจวไปทำไม?

จางเหมยเหลียนกลับอยากเชื่อมสัมพันธ์กับบ้านหลักโจว จะเป็นญาติสนิทหรือเพื่อนก็เหมือนกัน หากไปมาสู่กันบ่อย ๆ จึงจะได้รับการสนับสนุนซึ่งกันและกันได้

น่าเสียดายที่สวี่เชิ่งเฉียงไม่ยอม

แม่เฒ่าจางส่งเสียงหึ “จะอะไรอีกล่ะ หล่อนท้องแล้วถูกฉันจับได้น่ะสิ!”

ตาไฟตาทอง*ของนางจับจ้องชนิดไม่ให้ดิ้นหลุดไปได้ ก็ว่าอยู่ว่าทำไมจู่ ๆ ถึงไม่ไปทำงาน ราวกับคนที่ลาออกแล้วอย่างนั้นแหละ ถ้าถูกไล่ออกก็คงไม่ได้อยู่ข้างบ้านกันแล้ว

(*เป็นคำเปรียบเปรยที่เอามาจากซุนหงอคงเรื่องไซอิ๋วที่มีดวงตาที่สามารถมองได้ไกลและชัดเจน)

หลังจากนั้นจู่ ๆ นางก็คิดขึ้นมาได้ว่าช่วงนี้เธอดูอ้วนขึ้นไม่น้อย ตอนที่จ้องท้องของอีกฝ่ายนางก็ยังไม่แน่ใจ ใครจะรู้ว่าอีกฝ่ายจะเปิดปากพูดออกมาตรง ๆ

ทุกวันนี้แม่เฒ่าจางเพียงคิดก็โมโหขึ้นมาแล้ว

“ถ้าไม่ได้เห็นแก่หน้าลูก หล่อนยังจะกล้ามีลูกเกินแล้วมองฉันไม่แจ้งจับหล่อนได้ไหม!” แม่เฒ่าจางด่า

จางเหมยเหลียนได้ยินว่าเธอท้องแล้วจริง ๆ เดิมยังคิดว่าควรเอาเสื้อผ้าเด็กไปให้สองสามชุดดีไหม แต่คิดไม่ถึงว่าจะได้ยินที่แม่ตัวเองพูดจนตัวเองตกใจแทบจะหัวใจวาย

“แม่ ห้ามทำเรื่องโง่ ๆ นะคะ หนูกับสวี่เชิ่งเฉียงต้องพึ่งร้านเสื้อผ้าเป็นค่ากินค่าอยู่กันอยู่นะคะ!” จางเหมยเหลียนพูดด้วยดวงตาเบิกกว้าง

แม่ของหล่อนอยากจะไปแจ้งความจริงเหรอ? จางเหมยเหลียนมีสีหน้าเปลี่ยนไป ถ้าแม่ของหล่อนไปแจ้งความแล้วเรื่องนี้ยังจะจบด้วยดีได้ไหม?

นั่นคงจะเป็นไปไม่ได้ มันจะต้องไม่จบไม่สิ้นแน่ รายได้ 600 หยวนต่อเดือนของร้านเสื้อผ้าของหล่อนกับสวี่เชิ่งเฉียงก็อย่าได้ฝันอีกเลย

“คิดอะไรของแก? ฉันไม่ไปแจ้งความหล่อนหรอก!” แม่เฒ่าจางพูดด้วยน้ำเสียงไม่ดี

จางเหมยเหลียนรีบพูด “ไม่ไปก็ดีแล้วค่ะ ถ้าแม่ไปล่ะก็ กิจการของเราก็ไม่ต้องทำกันแล้ว เดิมทีหล่อนก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าสวี่เชิ่งเฉียงอยู่แล้ว แม่ไม่คิดถึงพวกหนู ก็คิดถึงเงิน 30 หยวนที่หนูจะให้แม่ทุกเดือนด้วยเถอะ ถ้าร้านหนูไม่มีกำไรแล้ว หนูก็คงเอาเงินกลับมาให้ไม่ได้หรอก!”

“รู้แล้ว ๆ ฉันจะไม่ไปแจ้งความ!” แม่เฒ่าจางพูด

นางโมโหตรงนี้แหละ ไม่อย่างนั้นคงเห็นนางไปแจ้งความว่าหล่อนมีลูกเกินกำหนด ถึงตอนนั้นหล่อนคงโดนลากไปทำแท้งที่โรงพยาบาลและโดนทำลายไปแล้ว!

แต่เพื่อเงินของตัวเอง ดังนั้นแม่เฒ่าจางจึงยังคงอดทนเอาไว้

จางเหมยเหลียนถอนหายใจอย่างโล่งอก โชคดีที่วันนี้กลับมา ไม่อย่างนั้นคงได้เกิดเรื่องขึ้นจริง ๆ แน่!

หากบอกว่าเป็นห่วงก็คงเป็นไปไม่ได้ หล่อนเพียงเป็นห่วงร้านเสื้อผ้าของตัวเองที่ติดร่างแหไปด้วยก็เท่านั้น

ถ้าไม่ใช่เพราะแบบนี้ล่ะก็คงไม่ไว้หน้าหลินชิงเหอหรอก

เนื่องจากหลินชิงเหอเคยไม่ไว้หน้าหล่อนหลายครั้งแล้ว

เพียงแต่ตอนนี้เธอรู้เรื่องของแม่ตัวเองแล้ว ถ้าไปแจ้งความละก็ เธอก็จะต้องสงสัยตัวแม่ของหล่อนอย่างแน่นอน ส่วนหล่อนก็จะโดนติดร่างแหไปด้วย

ดังนั้นพอคิด ๆ แล้ว จางเหมยเหลียนก็คิดว่าให้มันผ่านไปเถอะ

เนื่องจากการทำแบบนี้ไม่ได้ประโยชน์อะไรเลยสักนิดเดียว ทั้งยังเป็นการแกว่งเท้าหาเสี้ยนอีกด้วย

แต่เรื่องที่หลินชิงเหอท้อง จางเหมยเหลียนก็กลับมาก็บอกให้สวี่เชิ่งเฉียงรู้

สวี่เชิ่งเฉียงพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “คุณจะมาบอกผมทำไม หล่อนท้องไม่ท้องแล้วมันเกี่ยวอะไรกับผมด้วย!”

ถ้าเป็นก่อนหน้านี้จางเหมยเหลียนยังจะพูดแนะนำสองประโยค แต่จากสถานการณ์ตรงหน้าถือว่าช่างมันแล้ว ต่อมาแม่ของหล่อนยังพูดด้วยว่าตัวเองโดนข่มขู่

“ผมเพิ่งโทรกลับไปหาแม่ แม่ผมก็ถามว่าคุณท้องแล้วหรือยัง?” สวี่เชิ่งเฉียงพูด

ตอนนี้จางเหมยเหลียนไม่กลัวอีกแล้ว เนื่องจากหล่อนแต่งงานแล้ว เงินก็อยู่ในมือของหล่อน แต่ก็ยังพูดกลับว่า “คุณรีบอะไรหรือคะ? แค่มันยังไม่ถึงเวลาก็เท่านั้น ครั้งก่อนพวกเราก็ไปตรวจแล้ว คุณหมอยังบอกเลยว่าไม่มีปัญหาอะไร”

“ผมก็ไม่ได้รีบเหมือนกัน แต่แม่ของผมน่ะสิที่รีบร้อน” สวี่เชิ่งเฉียงพูด

“คุณแม่ของคุณนี่จริง ๆ เลย ของแบบนี้รีบไปก็ไม่มีประโยชน์ อีกอย่างฉันอยากจะใช้ชีวิตกับคุณแค่สองคนด้วย มีกันสองคนดีจะตาย? จะเพิ่มเด็กมาคนหนึ่งให้วุ่นวายทำไม” จางเหมยเหลียนพูด

สวี่เชิ่งเฉียงก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ เขาเองก็ไม่ค่อยชอบเด็กเช่นกัน เป็นแม่ของเขาที่โทรมาพูดก็เท่านั้นเอง

จางเหมยเหลียนเห็นเขาไม่พูดเรื่องนี้อีกแล้ว ก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก แล้วเปลี่ยนเรื่องพูดกับสวี่เชิ่งเฉียง

“พี่สาวของคุณก็เหมือนกัน ตอนนี้เราเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว หล่อนกลับยังไม่ยอมมาที่นี่อีก ฉันเจอหล่อนครั้งก่อน หล่อนไม่เคยทำสีหน้าดี ๆ ใส่ฉันด้วยซ้ำ แต่สามีของพี่คุณค่อยดีกว่าหน่อย” จางเหมยเหลียนพูด

ท่าทางที่จ้าวจวินกระทำต่อหล่อนนั้นดีมาก ครั้งก่อนยังมาส่งหล่อน บอกว่าถ้ามีเวลาจะมาหาที่ร้านนี้

สายตานั้นของเขาทำให้หัวใจของหล่อนเต้นรัว สายตาที่เขามองหล่อนทำให้คนคิดดีไม่ได้และก็ทำให้คนอื่นวุ่นวายหัวใจเช่นกัน

“สามีของพี่ฉันไม่เลวจริง ๆ นั่นแหละ ครั้งก่อนที่พวกเราดื่มเหล้านอกขวดนั้นก็เป็นเขาที่เอามาให้ฉัน บอกให้ฉันเอากลับมาให้เธอลองชิมดู” สวี่เชิ่งเฉียงพูด

ดวงตาของจางเหมยเหลียนเป็นประกายนิด ๆ แล้วพูดว่า “งั้นเราชวนสามีพี่คุณมากินข้าวที่นี่บ้างดีไหมคะ”

“สมควรต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว ตั้งแต่อยู่ที่นี่คนที่ผมสนิทด้วยที่สุดก็คือสามีพี่สาวผมเนี่ยแหละ” สวี่เชิ่งเฉียงพูด

ส่วนคุณปู่คุณย่าแล้วก็พวกอาหรือน้าสะใภ้ พวกเขาต่างก็พากันด่าว่าเขา จนเขาแทบจะเงยหน้าไม่ขึ้นอยู่แล้ว

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

มีแววว่าจะเห็นคนโดนสวมหมวกเขียวนะคะ น่าจะโดนกันสองคนพี่น้องเลย

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset