บทที่ 562 เกิดขึ้นโดยบังเอิญ

บทที่ 562 เกิดขึ้นโดยบังเอิญ

พักเรื่องสถานการณ์ฝั่งสวี่เชิ่งเฉียงไว้ก่อน ด้านหลินชิงเหอรู้ความเร็วของโจวชิงไป๋ดี และคิดว่าภายใน 4-5 วันนี้ก็น่าจะต้องไปแล้ว

คิดไม่ถึงเลยว่าโจวชิงไป๋จะกลับมาในวันที่ 3

ไปเซี่ยงไฮ้ก็ต้องใช้เวลา 1 วันเต็ม ๆ นั่นหมายความว่าเขาใช้เวลาแค่ 1 วันก็หาสถานที่ได้แล้ว หลังจากนั้นก็นั่งรถกลับเลยอย่างนั้นเหรอ?

สถิตินี้ทำให้หลินชิงเหออึ้งไปสักพัก

“น่าจะเพราะลูกสาวเราโชคดี มีครอบครัวหนึ่งกำลังอยากจะย้ายบ้านไปเข้าร่วมกองทัพพอดี แล้วก็อยากจะย้ายไปทั้งครอบครัว เลยคิดจะขายบ้าน ผมไปเดินดูรอบหนึ่งและบังเอิญเจอกันพอดีน่ะ” โจวชิงไป๋พูด

น้ำเสียงนั้นแสดงความยินดีถึงสามส่วน จะไม่ให้เขาดีใจได้อย่างไร? เขาไปหาบ้านในละแวกรอบโรงพยาบาลใหญ่ แล้วก็เจอเข้ากับครอบครัวนี้ที่กำลังจะย้ายพอดี

บ้านหลังนั้นไม่ได้เล็ก และเป็นเพราะพวกเขาขายอย่างเร่งรีบจึงไม่ได้มีราคาแพงมากเกินไป แต่ในอีกหลายปีข้างหน้าคงเทียบกับตอนนี้ไม่ได้แล้ว กับราคาที่จ่ายเพียง 9,000 กว่าหยวนนี้

โจวชิงไป๋ไปรับทะเบียนบ้านในช่วงสาย ตอนบ่ายเขาก็ตกแต่งทั้งด้านนอกและในบ้านรอบหนึ่งจนพอใจ

หลังจากนั้นเขาจึงนั่งรถกลับมาในตอนเช้าวันนี้ เพียงครู่เดียวก็มาถึงปักกิ่งแล้ว

หลินชิงเหอได้ยินแล้วก็รู้สึกเหมือนกำลังฟังนิยาย จึงพูดขึ้น “งั้นเรื่องนี้ก็เกิดขึ้นโดยบังเอิญ อย่าบอกนะคะว่าคุณหลอกพวกเขา?”

“จะเป็นไปได้ยังไง” โจวชิงไป๋พูด ลูกชายที่เป็นทหารของครอบครัวนั้นทำข้อตกลงกับเขา กลิ่นอายของคนที่เป็นทหารเพียงมองปราดเดียวก็มองออกแล้ว อีกทั้งเมื่อไปจดทะเบียนกับคนในพื้นที่ จึงไม่มีปัญหาเลยสักนิดเดียว

เขาเองก็ไม่ใช่มือใหม่ ตอนที่ซื้อหน้าร้านในปักกิ่ง ส่วนมากแล้วก็เป็นเขาที่ไปด้วยตัวเอง ดังนั้นเขาจึงมีประสบการณ์การซื้อขายที่ดินอยู่แล้ว

“ว่าไปแล้วดูเหมือนการที่เราได้ไปเซี่ยงไฮ้จะเป็นโชคชะตาจริง ๆ นะคะ”หลินชิงเหอพูดพลางคลี่ยิ้ม

พ่อของเด็กกำลังหาบ้านใกล้โรงพยาบาลให้ลูก จู่ ๆ ก็เจอพอดี นี่ไม่ได้เรียกว่าโชคชะตาหรือ?

“ผมไปดูที่นั่นมา มันดีมากเลย ไม่แปลกใจว่าทำไมถึงเป็นเมืองใหญ่ในโลกอนาคตได้” โจวชิงไป๋พูด

“อีกไม่นานที่นี่ก็จะกลายเป็นเมืองใหญ่เหมือนกันค่ะ” หลินชิงเหอมองเขาแล้วยิ้ม

ไม่ว่าจะเป็นเมื่อใด เซี่ยงไฮ้ก็ยังคงเป็นเซี่ยงไฮ้ เป็นเมืองใหญ่ติดอันดับต้น ๆ ในประเทศ

เพราะหาบ้านได้เร็วถึงเพียงนี้ พวกเขาก็ย่อมต้องไปก่อนล่วงหน้า ทางด้านนี้ก็มอบหมายงานไว้ประมาณหนึ่งแล้ว

ตกเย็นหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋จึงพาพวกลูก ๆ มากินข้าวกับท่านพ่อท่านแม่โจวทางนี้ และถือโอกาสบอกท่านพ่อท่านแม่โจวว่าพวกเขาจะเดินทางไปพรุ่งนี้

“ยายเฒ่าข้างบ้านนั่นสอดรู้สอดเห็นเกินไปแล้ว!” ท่านแม่โจวด่า ถ้าไม่ใช่เพราะว่าแม่เฒ่าจางคนนั้น ลูกชายกับลูกสะใภ้ของนางก็คงไม่ต้องไปเซี่ยงไฮ้เลี้ยงดูลูกในท้องเร็วถึงเพียงนี้

“จนถึงตอนนี้แล้วคุณแม่อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลยค่ะ” โจวเสี่ยวเหมยพูด และพูดเตือนโจวชิงไป๋ “พี่ชายสี่ ไปที่นั่นแล้วต้องหาเฟอร์นิเจอร์มาให้พร้อมนะคะ แม้ว่าจะอยู่ช่วงสั้น ๆ แต่ก็ห้ามขาดอะไรเด็ดขาด”

“นับ ๆ วันดูแล้ว ถึงตอนที่ต้องคลอดลูกก็น่าจะเป็นเดือนกันยายน อากาศตอนนั้นก็คงจะหนาวแล้ว ผ้าอ้อมอะไรก็คงแห้งยาก จำเป็นต้องซื้อเครื่องซักผ้าไว้ด้วย” ท่านแม่โจวพูด

“ผมทราบแล้วครับ” โจวชิงไป๋พยักหน้า

“พวกลูกไปที่นั่นคงไม่มีคนพูดด้วย คงน่าเบื่อไม่น้อย ซื้อทีวีด้วยเครื่องหนึ่งสิ ตอนนี้เรื่องเงินก็ไม่ได้ขาดเหลือแล้ว ซื้อมาไว้ฆ่าเวลาก็ดีเหมือนกัน” ท่านพ่อโจวเป็นคนพูด

ท่านแม่โจวไม่พูดอะไรแล้ว ทีวีเครื่องหนึ่งใช้เงินไม่น้อย ต่อให้ตั้งท้องก็ยังอ่านหนังสือเอาได้ เนื่องจากพวกเขาอยู่ที่นั่นไม่นาน ซื้อเครื่องซักผ้าที่จำเป็นต้องใช้ก็พอ ทำไมต้องซื้อทีวีด้วย?

ต่อให้มีเงินไม่ขาดมือ แต่ก็ไม่เห็นจะต้องเสียเงินขนาดนี้เลยไม่ใช่หรือ?

แต่ว่าท่านแม่โจวไม่กล้าพูด

สำหรับผู้เฒ่าหวังนั้นเขาไม่พูดอะไรแล้ว เขาส่งเงินให้หลินชิงเหอจำนวนหนึ่ง “เธออย่าปฏิเสธไปเลย ฉันรู้ว่าเธอไม่ได้ขาดของพวกนี้ แต่นี่เป็นน้ำใจของปู่อุปถัมภ์คนหนึ่ง พวกเธอไปเซี่ยงไฮ้ก็ดูแลลูกในท้องดี ๆ เงินก็ไม่ต้องประหยัดจนเกินไปนัก เฟอร์นิเจอร์อะไรที่ควรจะซื้อก็ซื้อเสีย ถ้ากลับมาแล้วจะขายเป็นของมือสองก็ยังได้ ไม่ว่าอย่างไรต้องอยู่อย่างสบายนะ”

หลินชิงเหอมองโจวชิงไป๋ โจวชิงไป๋พยักหน้าแล้วรับเงินนี้มา จากนั้นเธอก็พูดว่า “คุณปู่หวังไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ ชีวิตของพวกเราที่เซี่ยงไฮ้ต้องดีแน่ค่ะ คุณปู่แค่ระวังความหนาวเข้ากระดูกก็พอ อย่างอื่นฉันจะไม่พูด หากที่นี่ตุ๋นกระเพาะปลาที่ร้านอาหารทะเลแห้งเอามาส่งแล้วคุณก็ต้องมาดื่มด้วยนะคะ ตอนนี้ชีวิตของพวกเรานับวันยิ่งดีขึ้นเรื่อย ๆ ต้องดูแลรักษาร่างกายตัวเองเยอะ ๆ”

ผู้เฒ่าหวังยิ้ม “เรื่องนี้ฉันรู้แล้ว ถึงฉันไม่มาเจ้ารองกับเจ้าสามก็ส่งไปให้ฉันอยู่ดี”

หลังจากนั้นหลินชิงเหอกับโจวชิงไป๋ก็พากันกลับบ้าน

พวกเด็ก ๆ ยังไม่ได้กลับ หลินชิงเหอจึงปล่อยพวกเขาสองคนไว้สักพัก แล้วพูดขึ้น “ปู่หวังให้เงินพวกเรา 1,000 หยวนเลยค่ะ”

ในนั้นมีธนบัตร 10 หยวนปึกละ 10 ใบ ซึ่งทั้งหมดก็มีทั้งหมด 10 ปึก

โจวชิงไป๋พยักหน้า สำหรับเรื่องนี้นั้นเขาไม่ได้พูดอะไร ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสินน้ำใจของคนเฒ่าคนแก่

หลินชิงเหอหยิบแอปเปิลจากช่องมิติออกมากิน ทั้งหมดนี้คือน้ำใจจริงแท้แน่นอน แต่เห็นได้ชัดว่าท่านแม่โจวรู้สึกเสียดายเงิน นางน่าจะอยากพูดว่าอะไรที่ไม่ควรซื้อก็อย่าซื้อเลย แต่คงกลัวว่าจะแปลกเกินไป จึงไม่ได้พูดมากอะไร

หลินชิงเหอไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไร เนื่องจากคนรุ่นเก่าก็เป็นแบบนี้ ไม่แปลกที่คนทั้งสองรุ่นจะมีความเห็นไม่ตรงกัน

โจวชิงไป๋เริ่มจัดเก็บของแล้ว

หลินชิงเหอบอกเขาว่าไม่ต้องเก็บทั้งหมด ไม่อย่างนั้นเมื่อไรจะเก็บหมดล่ะ? เอาของที่จำเป็นไปก็พอแล้ว ที่เหลือค่อยไปซื้อเอาที่นั่น

“ไม่ยุ่งยากหรอกครับ เสื้อผ้าเด็กนี่กับผ้าอ้อมต้องเอาไว้ด้วยทั้งหมดสิ” โจวชิงไป๋พูด

ใช่แล้ว ตอนนี้เขาซื้อเสื้อผ้าจำนวนมากไว้ให้ลูกสาวของเขาแล้วเป็นที่เรียบร้อย ยังมีผ้าอ้อมหนามาก ๆ อีก 1 ปึก

ผ้าอ้อมทุกผืนที่เขาเป็นคนซักเองกับมือหลังจากนั้นก็เอาออกมา บอกว่าเดี๋ยวต่อไปก็ได้ใช้แล้ว เขาจึงนำมันมาซักก่อนล่วงหน้าเมื่อครึ่งเดือนก่อน

เรียกได้ว่าช่างสรรหาเรื่องมาทำจริง ๆ

แต่เห็นท่าทางเขามีความสุขเสียขนาดนี้ หลินชิงเหอก็รู้สึกมีความสุขไปด้วย เลยยกทุกอย่างให้เขาเป็นคนทำ

ไม่นานโจวเฉวี่ยนกับโจวกุยหลายก็กลับมาแล้ว

“ป๊ายังไม่ให้ที่อยู่ที่นั่นกับผมเลยนะ” โจวกุยหลายหยิบสมุดขึ้นมาแล้วพูด

“ปิดเทอมฤดูร้อนจะไปหาเหรอ?” โจวชิงไป๋มองแล้วพูด

“ก็ควรต้องไปอยู่แล้วหรือเปล่าล่ะครับ ผมต้องไปเยี่ยมม้าอยู่แล้ว พวกผมอยู่ด้วยไม่ได้ก็ถือว่าช่างมันแล้ว แม้แต่ปิดเทอมจะไม่ให้ไปเลยหรือยังไงครับ? หรือว่าบ้านที่นั่นจะเล็กมาก?” โจวกุยหลายถาม

“ไม่ใช่หรอกที่นั่นมีห้องสามห้อง อยู่พอเลยล่ะ” โจวชิงไป๋พูด

“งั้นก็ดีครับ” โจวกุยหลายพอใจมาก ปิดเทอมฤดูร้อนเขาจะต้องไปอยู่ที่นั่นให้ได้ “ป๊าบอกมาสิ เดี๋ยวผมจะจด”

โจวชิงไป๋ส่งที่อยู่ให้เขา

“เจ้าสาม นายไปครึ่งเดือนพอแล้วกลับมาเปลี่ยนกับฉันด้วย” โจวเฉวี่ยนพูด

“พี่รองไม่ต้องหรอก พี่อยู่ที่นี่ไปสอนพิเศษเด็กตอนปิดเทอมนี้แหละ ยังมีบัญชีที่พี่ต้องดูแลอยู่ด้วยนี่ ยุ่งสุด ๆ เลยใช่ไหมล่ะ” โจวกุยหลายพูด

“แล้วนายจะทำอะไร” โจวเฉวี่ยนพูดเสียงเย็น

“ผมจะไปช่วยดูแลม้าหลังคลอดน่ะสิ ถึงตอนนั้นท้องก็คงจะไม่เล็กแล้ว ผมไม่ควรต้องไปช่วยม้าหลังคลอดหรือไง?” โจวกุยหลายพูดราวกับมีเหตุผลเสียเต็มประดา

โจวเฉวี่ยนไม่เถียงกับเขาเรื่องนี้

หลินชิงเหอไม่สนใจพวกเขาสองคนแล้ว อย่างไรพวกเขาทั้งสองก็ต้องเหลือไว้คนหนึ่งคอยดูแลร้านที่อยู่ทางนี้ สำหรับใครจะไปก็ต้องให้พวกเขาจัดการกันเอาเอง

…………………………………………………………………………………………………………………………

สารจากผู้แปล

ด้วยพลังแห่งความรักต่อลูกสาว ป๊าจัดการทุกอย่างไวมากเลยค่ะ

เป่ายิ้งฉุบกันก็ได้นะคะเจ้ารองเจ้าสามว่าใครจะไปอยู่กับป๊ากับม้าที่เซี่ยงไฮ้ในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน แฟร์ดี

ไหหม่า(海馬)

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

ทะลุมิติไปเป็นชาวสวนแม่ลูกสาม

*นิยายเรื่องนี้อยู่ในยุค 1960 เทียบกับ พ.ศ. คือ 2503 เป็นยุคที่ประเทศจีนอยู่ในช่วงปฏิรูปการปกครองโดยมีพรรคคอมมิวนิสต์จีนเป็นผู้นำ ดังนั้นสรรพนาม ฉากเรื่อง ตัวละคร จะไม่เหมือนกับภาพในนิยายจอมยุทธ์กำลังภายใน จู่ ๆ ก็ทะลุมิติมาเป็นคุณแม่ลูกสามในยุคปฏิรูปการปกครองปี 60 … ใครจะไปคิดว่าชีวิตธรรมดาของ หลินชิงเหอ ผู้จัดการฝ่ายขายสาวจะเผชิญกับความไม่ธรรมดา หลังทะลุมิติเข้าไปเป็นตัวประกอบในนิยายที่เธออ่าน ซึ่งต้องเผชิญกับความยากลำบากของสถานการณ์ในช่วงเวลานั้น ไม่มีอะไรจะกินและไม่มีแม้แต่เสื้อผ้าจะสวมใส่ แต่โชคยังดีที่เธอได้พื้นที่มิติส่วนตัวไว้เก็บของ ทำให้เธอรอดตายไปได้ชั่วคราว แต่สิ่งที่น่ากังวลมากกว่านั้นก็คือ บุตรชายทั้งสามของเธอดันเป็นตัวร้ายในอนาคตของนิยายเรื่องนี้น่ะสิ แถมสามีในมิตินี้ของเธอยังต้องพบกับจุดจบน่าอนาถอีกด้วย ตัวประกอบแม่ลูกสามอย่างเธอจะเปลี่ยนแปลงเนื้อเรื่องและเอาตัวให้รอดอย่างไรดีเนี่ย…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset