ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 81 บ่อน้ำพุร้อน

บทที่ 81 บ่อน้ำพุร้อน
โดย
Ink Stone_Fantasy

พลบค่ำ ควันลอยขึ้นจากหาด เหล่านักศึกษาเก็บกิ่งไม้จากในป่ามากองรวมกันเพื่อสุมกองไฟ กิ่งไม้แห้งถูกเปลวเพลิงเผาไหม้ส่งเสียงเปาะแปะ เปลวไฟสีแดงเข้มพลิ้วไหวไปตามแรงลมยิ่งเพิ่มบรรยากาศ
เตาย่างหลายอันถูกตั้งขึ้น กลุ่มนักศึกษาเอาเนื้อเสียบไม้ ปลาสด ปลาแห้ง และผักออกมาทาน้ำมันกับซอสก่อนจะเริ่มปิ้งบาร์บีคิว
แน่นอนว่าฉินสือโอวได้รับคำเชิญ เขาคิดๆ ดูแล้วก็ลงมือทำหมี่เย็นน้ำมันพริกกับสเต๊กปลาทอด คราวที่แล้วที่ยิงปลายังเหลือปลาเยอะอยู่เลย
ที่เกาะแฟร์เวลมีมักกะโรนีอิตาลีซึ่งรสชาติก็ไม่เลว เขาต้มจนสุกแล้วเอาน้ำเย็นราด จากนั้นก็ใช้น้ำมันหมู น้ำมันพริก น้ำมันหอย น้ำพริกเนื้อ ผงชูรสผสมกับมักกะโรนี พอผสมเสร็จก็จะได้หมี่เย็นน้ำมันพริกที่แดง และเย็นชื่นใจมาแล้ว
ปาร์ตี้บาร์บีคิวขาดเหล้าไม่ได้ ฉินสือโอวให้ชาร์คไปซื้อเบียร์ห้าลังกับไวน์อีกเล็กน้อยที่ตลาด ตัวเขา ชาร์ค ซีมอนสเตอร์ และนีลเซ็นก็จะร่วมปาร์ตี้ด้วย
เหล่านักศึกษาเอาอุปกรณ์เครื่องเสียงมาด้วยซึ่งต่อสายมาจากคฤหาสน์ของฉินสือโอว เพลง I Love My People สุดเร้าใจดังขึ้น
พอได้ยินเพลงนั้นฉินสือโอวก็เริ่มขยับเขยื้อนร่างกายบ้าง ใช่ว่าเขาชอบจังหวะดนตรีนักหนา แต่เพราะเพลงนี้ดังสมัยที่เขาเพิ่งเข้ามหาวิทยาลัยใหม่ๆ ตอนนั้นเหมาเหว่ยหลงชอบฟังเพลงแนวดีเจกับร็อก เขาก็เลยฟังไปด้วยช่วงหนึ่ง
อยู่กับกลุ่มนักศึกษาก็ต้องสนุกสุดเหวี่ยงกันหน่อย นีลเซ็นที่ทีแรกดูเคร่งขรึมพอได้เบียร์สองขวดก็บ้าระห่ำยิ่งกว่าใคร เขาถอดเสื้อทิ้งทำให้เห็นรอยสักบนตัว
ซีมอนสเตอร์กับชาร์คค่อนข้างขรึมบวกกับคอแข็งจึงนั่งดื่มเบียร์อยู่ที่โต๊ะดีๆ และดูเหล่านักศึกษาหลุดโลกเต้นกัน
“เป็นเด็กนี่ดีจริงๆ ” ซีมอนสเตอร์ส่ายร่างไปมา
ชาร์คพูดด้วยรอยยิ้ม “ฉันแค่รู้สึกว่าอยู่มหาวิทยาลัยนี่ดีนะ ดูสิ เด็กพวกนี้ไม่ต้องกังวลอะไรเลย ฉันหวังว่าอลิซจะใช้ชีวิตแบบนี้ได้บ้าง”
หัวใจของอลิซไม่ค่อยแข็งแรงมาตลอด ฉะนั้นเธอที่มีผลการเรียนยอดเยี่ยมจึงเลือกที่จะเรียนมหาวิทยาลัยที่นิวฟันด์แลนด์ ไม่อย่างนั้นก็คงเข้ามหาวิทยาลัยโทรอนโต
เห็นนักศึกษาหนุ่มสาวเหล่านี้ ชาร์คก็อดนึกถึงลูกสาวแสนเรียบร้อยของเขาไม่ได้ แม้ว่าอลิซจะมีความเป็นผู้ใหญ่จนชาร์คภูมิใจ แต่ตอนนี้เขากลับหวังให้ลูกสาวมีสุขภาพที่แข็งแรงไปเล่นบ้าบอกับเด็กคนอื่นๆ ได้
หู่จือกับเป้าจือหาของกินใต้โต๊ะ ดาญ่าเดินมาหาเจ้าสองตัวแล้วเอาเหล้าป้อนใส่ปากพวกมัน สองแลบราดอร์ที่เพิ่งเคยกินเหล้าครั้งแรกก็หมดท่า เดินไปได้ไม่กี่ก้าวก็เซก่อนจะหมอบลงนอนกับพื้น
ฉินสือโอวตกใจตัวโยน ตามที่เขารู้มาหมากินเหล้าไม่ได้นี่ ตอนฉลองปีใหม่เพื่อนบ้านพนันกับญาติเอาเหล้าขาวให้หมาในบ้านกิน ปรากฏว่าหมาลุกไม่ขึ้นอีกเลย ผ่านไม่กี่วันก็ตายไป
ชาร์คเห็นฉินสือโอวทั้งตกใจทั้งโกรธจึงถามว่าเกิดอะไรขึ้นแล้วโบกมือก่อนจะเอ่ยปาก “ไม่ต้องห่วงหรอกบอส หมาแต่ละพันธุ์รับปริมาณแอลกอฮอล์ได้ต่างกัน แลบราดอร์ส่วนมากกินได้ ตอนพวกชาวประมงพาพวกมันไปหาปลาในหน้าหนาวก็จะให้กินเหล้าแรงๆ เพื่อรักษาความอบอุ่นของร่างกาย”
แต่ฉินสือโอวก็ยังกลัว เขารู้สึกว่านักศึกษาพวกนี้กินเหล้าไปก็กลายเป็นคนบ้า เดี๋ยวจะมาแกล้งเจ้าสองตัวนั่น อย่างไรเสียเขาก็กินอิ่มแล้วเลยอุ้มหู่จือกับเป้าจือกลับคฤหาสน์ไปนอน
ตอนอยู่ที่หาดซึ่งมีแต่เสียงเอะอะหู่จือกับเป้าจือก็นอนหลับดี แต่พอถึงห้องเงียบๆ ทั้งสองกลับทยอยตื่น แถมตื่นมาแล้วยังทำตัวบ้าบออีก เห่าอยู่พักหนึ่งแล้วก็เริ่มวิ่งไล่กัน
ฉินสือโอวจนใจ เจ้าสองตัวนี้คงไม่เมาอาละวาดใช่ไหม?
หู่จือกับเป้าจือที่กำลังเล่นกันอยู่หยุดพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายทันใด หูลู่ไปด้านหลังเหมือนฟังอะไรอยู่แล้วก็วิ่งไปใช้ปากเปิดประตูก่อนจะวิ่งพุ่งลงไปข้างล่างพลางเห่าโฮ่งๆ ไปด้วย เสียงผู้หญิงกรีดร้องดังมาจากชั้นล่าง
ฉินสือโอวรีบตามไปหู่จือกับเป้าจือเห็นว่าเป็นดาญ่าก็ไม่ได้กระโจนไปกัด เพียงแต่ใช้หัวชนด้วยท่าทีเงอะงะ ดูท่าจะยังเมาอยู่
ดาญ่ามองฉินสือโอวอย่างน่าสงสารก่อนจะอธิบาย “ฉันมาขอโทษ สตินสันบอกว่าคุณโกรธที่เมื่อกี้ฉันเอาเหล้าให้หมากิน ขอโทษจริงๆ ตอนนั้นฉันสุดเหวี่ยงไปหน่อย ลืมไปว่าหมาทั้งสองยังเล็กอยู่”
ฉินสือโอวกลัวว่าหู่จือกับเป้าจือจะเป็นอะไร พอเห็นว่าทั้งสองไม่ได้เป็นอะไรนอกจากดีดก็ไม่ได้ใส่ใจจึงโบกมือแล้วพูดขึ้น “ช่างเถอะ ทีหลังก็อย่าทำอีกแล้วกัน ฉันว่าเอาเหล้าให้หมากินยังไงก็ไม่ดี”
พอได้ยินแบบนั้น สีหน้าเป็นกังวลของก็คลายลง จากนั้นก็มองไปทางหมาหนึ่งในสองตัวที่เพิ่งจะชนเธอ “พวกมันไม่เป็นไรใช่ไหม?”
ฉินสือโอวแบมือออกข้างพลางยิ้มขมขื่น “ฉันไม่รู้ อาจจะเมา?”
เขาเห่าสองครั้ง หู่จือกับเป้าจือก็หันมาจ้องเขาด้วยดวงตาใสเป็นประกาย แล้วก็วิ่งมาชนเขาด้วยความรวดเร็ว…..
“ไม่เป็นไรแล้ว กลับไปสนุกเถอะ” ฉินสือโอวอุ้มหมาทั้งสองขึ้นมาแล้วเอ่ยปาก
ดาญ่าพยักหน้า ก่อนไปขอโทษอีกครั้ง จูบหมาทั้งสองแล้วเดินออกจากคฤหาสน์ไป
พอหิ้วปีกหมาทั้งสองที่แทบจะหลุดโลกเข้าห้องนอนมาได้ ฉินสือโอวก็ตบหัวตัวเองอย่างแรงแล้วเอ่ยขึ้นอย่างขัดใจ “โธ่ นี่โอกาสงามขนาดไหน เด็กนั่นไม่ได้แค่มาขอโทษแน่! เขามองสมองขี้เลื่อย สมน้ำหน้าแล้วที่เป็นไอ้ผู้ชายซิงอายุสามสิบ! ทำไมไม่ชวนเธอดื่มสักหน่อยละ?”
ฉินสือโอวทิ้งตัวลงบนเตียง หู่จือกับเป้าจือก็ตามขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น ในหัวเขามีแต่เรื่องชวนคิดลึก
มัวแต่ยุ่งกับสองแสบจนเที่ยงคืนฉินสือโอวถึงได้หลับ ตอนนั้นเหล่านักศึกษายังคงสนุกกันอยู่ หาดทรายผืนกว้างถูกแสงจากกองเพลิงส่องจนเป็นสีแดง
หกโมงเช้าของวันที่สอง ฉินสือโอวลุกขึ้นมาก็ได้ยินเจ้าสองตัวกรน เขาลุกขึ้นมาดูที่ปลายเตียงเจอกับเจ้าสองตัวที่นอนอิงแอบกันหลับสนิท
เขาผลักหน้าต่างเปิดออก ในที่สุดกลุ่มนักศึกษาก็เลิกสนุกกัน บนหาดมีเต็นท์ใหญ่หลังหนึ่งตังอยู่และคอยเปลี่ยนสีไปเรื่อยๆ ทั้งแดง เขียว ฟ้า ม่วง เติมสีสันให้หาดทรายสีทอง
พอเห็นเขาเปิดหน้าต่าง กระรอกเสี่ยวหมิงที่กำลังกระโดดไปมาบนต้นไม้ก็วิ่งเข้ามาแล้วปีนขึ้นไปร้องขอผลไม่กินบนไหล่ของเขา
พอได้ยินเสียงร้องของกระรอก หู่จือกับเป้าจือก็พลิกตัวลุกขึ้นมานั่งสองขาบนพื้นตรงปลายเตียงแล้วมองเสี่ยวหมิงด้วยสายตาเบลอ
บนไหล่ของฉินสือโอวมีเสี่ยวหมิงโดยมีหู่จือกับเป้าจือตามอยู่ข้างหลังในขณะที่เขาเดินเข้าไปทำกับข้าวในครัว
กลุ่มนักศึกษานอนจนถึงกลางวันถึงค่อยๆ ทยอยตื่น พอตื่นก็มาขอบคุณและบอกลาฉินสือโอว ขึ้นรถมินิบัสลงเรือเตรียมกลับโทรอนโต
ฉินสือโอวไม่ค่อยเข้าใจพวกเขาเท่าไร ขับรถมาจากโทรอนโตตั้งไกลแค่ไหน แต่เจ้าพวกนี้กลับมาแค่เพื่อจัดปาร์ตี้บาร์บีคิวที่พื้นที่ประมงของเขา…
ชาร์คติดต่อไปหาบริษัทขุดบ่อน้ำ ความลึกไม่เกินยี่สิบเมตร รัศมีสองเมตร ความลึกเมตรละสี่ร้อยหยวนลงไปเรื่อยๆ จนไปถึงห้าสิบเมตร ถ้าลงไปอีกก็จะเป็นเมตรละห้าร้อยห้าสิบหยวน
ฉินสือโอวเลือกความลึกยี่สิบเมตร ปริมาณน้ำคือหนึ่งร้อยสี่สิบตันต่อชั่วโมง พอสำหรับแม่น้ำสายเล็กแน่นอน
หลังมื้อกลางวัน คนงานสวมหมวกนิรภัยสี่คนก็ล่องเรือที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์มาถึงพื้นที่ประมง เริ่มจากการตรวจพื้นที่ หาดทรายไม่ได้แน่ แต่ดีตรงที่บริเวณเลี้ยงสัตว์เป็นดินธรรมดา
พนักงานคนหนึ่งใช้เครื่องวัดการสั่นสะเทือนตรวจไปหลายสถานที่ จนสุดท้ายก็เลือกจุดที่ห่างไปหนึ่งกิโลกว่าจากตะวันตกเฉียงเหนือของบริเวณเลี้ยงสัตว์
ฉินสือโอวสงสัยใคร่รู้จึงตามไปดูด้วยว่าคนแคนาดาขุดบ่อน้ำต่างจากที่บ้านไหม
เหล่าคนงานเห็นฉินสือโอวยังอยู่นึกว่าเขาห่วงงานจึงพูดขึ้นว่า “วางใจเถอะครับ ขุดน้ำออกมาได้แน่ๆ เดี๋ยวจะอธิบายให้คุณฟังนะ เรารู้ว่าโลกเรามีชั้นหินห่อหุ้มอยู่ นั่งก็คือชั้นหินใต้ดินซึ่งมีรอยแยกนับไม่ถ้วน น้ำก็อยู่ในรอยแยกนั้น ส่วนเซนต์จอห์นเรารอยแยกยิ่งเยอะ ปริมาณน้ำสะสมก็ยิ่งมาก”
พอเลือกที่ได้ก็เริ่มลงมือทำงาน บนพื้นยังมีหินอยู่ แต่ก็ไม่เป็นไร ขอแค่เครื่องเจาะเจาะลงไปถึงชั้นที่มีน้ำแล้วไม่เจอชั้นทรายก็พอ ก้อนหินบริเวณชั้นน้ำของจุดที่เจาะควรมีขนาดเหมาะสม ดีที่สุดควรเป็นหินคอบเบิล
คนงานสองคนช่วยกันติดตั้งเครื่องเจาะ เครื่องโม่ เครื่องผสมปูน เครื่องสูบ เสียงดังสนั่นดังขึ้นพร้อมการเจาะบ่อที่เริ่มขึ้น
คนงานสองคนนำปูนแห้งเร็วเป็นกระสอบๆ มาผสม พอบ่อเป็นรูปเป็นร่างก็จะได้เทปูนเพื่อคงรูป
ทรัพยากรน้ำที่นิวฟันด์แลนด์อุดมสมบูรณ์จริงๆ เครื่องเจาะเจาะลงไปไม่ถึงครึ่งเมตรก็มีน้ำโคลนสีขุ่นออกมาแล้ว ยิ่งเจาะลึกน้ำบาดาลก็ยิ่งผุดขึ้นมาเยอะมากขึ้น ตอนนั้นก็ถึงคราวเครื่องสูบทำงานสูบเอาโคลนออกไป
แต่ว่ายิ่งขุดบ่อลึกเท่าไรคนงานก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆ เพราะมีไอน้ำพวยพุ่งออกมาจากบ่อ…
ไอน้ำก็เรื่องหนึ่ง แต่ไอน้ำที่พ่นออกมายังร้อนอีกด้วย…
น้ำบาดาลทะลักออกมาข้างนอก คนงานคนหนึ่งรีบสูบโคลนออกมาจนหมด น้ำบาดาลก็ผุดขึ้นมาอีกอย่างรวดเร็ว คนงานยื่นมือไปจุ่มน้ำดูแล้วเงยหน้าขึ้นมาเอ่ยปากอย่าตกตะลึง “น้ำนี่ร้อนนะ ที่นี่อยู่ในเขตน้ำพุร้อนเหรอครับ?”
ฉินสือโอวมองตาปริบๆ เขาหมอบลงกับพื้นแล้วยื่นมือลงไปลองจุ่มดู น้ำที่ผุดขึ้นมาชั้นบนเย็นๆ แต่พอจุ่มลึกลงไปสักประมาณหนึ่งเมตรก็เริ่มร้อนๆ จริงๆ
“น้ำพุร้อนจริงๆ เหรอเนี่ย?”
“เกาะแฟร์เวลมีน้ำพุร้อน?”ชาร์คกับซีมอนสเตอร์ตะลึงไปตามๆ กัน
เซนต์จอห์นมีน้ำพุร้อนจริง แถมไม่น้อยด้วย อย่าง ‘เปลวไฟแห่งขั้วเหนือ’ ‘น้ำพุร้อนเจ็ดสี’ ล้วนแล้วแต่เป็นรีสอร์ทน้ำพุร้อนชั้นเยี่ยมมีชื่อเสียงในแคนาดา แต่ว่าน้ำพุร้อนไม่เคยถูกพบที่เกาะแฟร์เวล
“คงไม่ใช่บ่อน้ำพุร้อนจริงๆ ใช่ไหม?” ฉินสือโอวถามกลับ ถ้าพื้นที่ประมงมีบ่อน้ำพุร้อนอีกก็เยี่ยมเลย
คนงานเกาหัวแล้วพูดขึ้นว่า “เราไปขุดบ่อน้ำที่เซนต์จอห์นเจอน้ำพุร้อนมาไม่น้อย โดยเฉพาะเกาะกลางทะเลแบบนี้ ก้นทะเลหลายๆ ที่อยู่ในเขตภูเขาไฟ ขอแค่ภูเขาไฟมีรอยแยกก็มีน้ำพุร้อน ฉะนั้นทางทฤษฎีแล้วเนี่ยเป็นไปได้สูงว่านี่จะเป็นน้ำพุร้อน แค่ยังไม่รู้ขอบเขตของน้ำพุแล้วก็อุณหภูมิ”
ฉินสือโอวเหยียดปากยิ้มแล้วเอ่ยขึ้น “สำรวจต่อไป ช้าๆ หน่อย ดูสิว่าเป็นน้ำพุร้อนจริงๆ หรือเปล่า!”
……………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset