ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา – ตอนที่ 97 เคยคิดบ้างไหม

บทที่ 97 เคยคิดบ้างไหม
โดย
Ink Stone_Fantasy

เพียงพาเด็กสี่คนนี้เดินเข้าบ้าน ฉินสือโอวก็พอจะมองนิสัยของทั้งสี่คนออก
เด็กผิวสีดำที่อายุมากที่สุดเป็นคนที่สุขุมที่สุด เด็กผมทองชอบแสดงเป็นคนตัวเล็กใจใหญ่ เด็กผู้หญิงผมทองค่อนข้างเงียบแต่ฉลาด พูดน้อย แต่สามารถเข้าใจความหมายที่ฉินสือโอวจะสื่อได้ เด็กคนสุดท้ายค่อนข้างขี้อายและเก็บตัว มักก้มหัวแล้วเดินตามอยู่ข้างหลัง
“พวกเธอมาจากที่ไหน?”
พอฉินสือโอวถาม เด็กผมทองก็รีบแย่งตอบว่า “เมืองน้ำตกเล็ก…..”
อเมริกามีเมืองน้ำตกใหญ่อยู่เมืองหนึ่ง ตั้งอยู่ตรงกลางของรัฐมอนทานา เมืองน้ำตกเล็กไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเมืองนี้ มีทำเลที่ตั้งอยู่ที่ฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของรัฐนิวบรันสวิกในแคนาดา แต่อยู่ติดกับอเมริกามาก
เมืองน้ำตกเล็กมีชื่อว่าเอ็ดมันด์สตัน ตั้งอยู่ที่จุดบรรจบของแม่น้ำเซนต์จอห์นและแม่น้ำมาดาวาสกา เป็นเมืองเล็กที่มีจำนวนประชากร 12,000 คน ขึ้นชื่อเรื่องโรงงานผลิตเยื่อกระดาษ และยังผลิตของใช้เช่นชุดชั้นใน รองเท้า ถุงมือเป็นต้น เศรษฐกิจเติบโตค่อนข้างช้า
เด็กผิวสีดำกระแอมขึ้นมา เด็กผมทองยิ้มแห้งๆ รู้ว่าพี่ใหญ่กำลังเตือนให้เขาอย่าพูดมาก จึงปิดปากเงียบ
ฉินสือโอวรู้ว่าพวกเขากังวลอะไร จึงหัวเราะแล้วพูดว่า “วางใจได้ ฉันไม่บอกตำรวจท้องที่ของพวกเธอหรอก ไม่มีคนมาพาพวกเธอกลับไปหรอก แต่ว่า พวกเธอไม่อยากกลับไปเหรอ? สามารถไปอยู่ที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้นะ”
เด็กผมทองชอบที่จะแสดงตัวมาก จนลืมคำเตือนของเด็กผิวสีดำไปซะสนิท ก็ตอบกลับไปอีกว่า “ใครจะอยากไปสถานเลี้ยงเด็กกำพร้ากัน? พวกเราก็หนีออกมาจากที่นั่น….”
เด็กผิวสีดำเริ่มโกรธขึ้นมา จึงกระแอมเสียงดังขึ้นอีก
เด็กหญิงผมทองยิ้มหวาน พร้อมอธิบายกับฉินสือโอวว่า “คุณคะ พวกเราไม่อยากกลับไปที่นั่น ตอนนี้อย่างน้อยก็ได้กินอิ่ม สามารถกินของที่ตัวเองชอบกินได้ ตอนอยู่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ถึงแม้พวกเราไม่ต้องทำงาน แต่ก็กินไม่อิ่ม และไม่ได้กินของที่ตัวเองอยากกินด้วย”
“นอกเหนือจากนั้น ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า นอกจากพวกเราต้องสวดมนต์ต่อพระเจ้าฟังคุณครูอ่าน’คัมภีร์’ให้ฟังทุกวันแล้ว ก็ไม่มีอะไรอย่างอื่นให้ทำอีกเลย”
ฉินสือโอวให้พวกเขานั่งอยู่ตรงโต๊ะกลมหน้าบ้านพัก กางร่มบังแดดให้ แล้วหยิบเครื่องดื่มให้พวกเขาดื่ม
เด็กสี่คนนั่งลงอย่างสงบเสงี่ยม เครื่องดื่มวางไว้บนโต๊ะ แต่ไม่มีใครกล้าแตะต้อง
ฉินสือโอวหัวเราะ หยิบเครื่องดื่มให้คนละขวด ตอนยื่นให้กับเด็กผมทองขี้อาย เขายกหน้าขึ้นมาพูดเสียงเบาว่า “ขอบคุณครับ”
ตอนนี้ฉินสือโอวเพิ่งได้รู้ว่า ที่แท้เด็กคนนี้เกิดมาพร้อมกับนัยน์ตาสองสี หรือเรียกอีกชื่อว่าตาหยินหยาง ดวงตาข้างหนึ่งมีสีฟ้าอมเขียว อีกข้างเป็นสีน้ำตาลเข้ม
ไม่ว่าจะเป็นตาสีฟ้าอมเขียวหรือสีน้ำตาลเข้ม ก็สวยมากทั้งคู่ แต่ว่าหากตาของคนหนึ่งคนมีทั้งสองสีพร้อมกัน คงไม่ค่อยสวยเท่าไร ในฝั่งตะวันตกของแคนาดามีเรื่องเล่า ว่าตาแบบนี้เรียกว่า’ดวงตาปีศาจ’ เพราะมีเรื่องเล่าว่าตาของซานตาก็มีสีแบบนี้เหมือนกัน
เมื่อเห็นฉินสือโอวจ้องสังเกตสีตาของเขา เด็กน้อยก็รีบก้มหัวลง สองมือกำเครื่องดื่มไว้แน่น
 “โอ้ ขอโทษด้วย เด็กน้อย” ฉินสือโอวตบไหล่เด็กชาย พูดว่า “ตาของเธอสวยมาก เชื่อฉันสิ มันมีเสน่ห์มาก ต่อไปเธอต้องรู้สึกภูมิใจกับมันอย่างแน่นอน”
เด็กชายที่เก็บตัวรีบเงยหน้ามองฉินสือโอวแวบหนึ่ง จากนั้นก็เผยให้เห็นรอยยิ้มแห้งๆ แม้จะไม่ใช่ยิ้มที่สดใส แต่ก็ดีกว่าไม่ยิ้มเลย
ฉินสือโอวไปห้องครัวนำราสเบอร์รี บลูเบอร์รี แบล็กเบอร์รี แอปเปิล แอปเปิลแดงและแก้วมังกรมาทำสลัดผลไม้ เขาเปิดตู้เย็นดู เห็นว่ามีน้ำมันหมูอยู่นิดหน่อย พอดีว่าข้าวที่หุงเมื่อคืนก็ยังเหลืออยู่ไม่น้อย จึงใช้น้ำมันหมูผัดข้าวผัดไข่
ฝีมือการทำอาหารของเขาในตอนนี้พัฒนาไปมาก เพียงแค่อาหารง่ายๆอย่างข้าวผัดไข่ เขาก็ผัดได้ถึงระดับที่ว่าข้าวขาวไข่เหลือง ใส่ต้นหอมและใบผักชี มีทั้งสีเหลืองขาวเขียวตัดกัน แค่มองก็ทำให้คนอยากอาหารขึ้นมาทันที
ส่วนเรื่องรสชาติ นั่นยิ่งไม่ต้องพูดถึง ความหอมของมันหมูจากหมูป่านั้น ทำให้หู่จือเป้าจือเดินป้วนเปี้ยน แลบลิ้นและร้องโฮ่งโฮ่งอยู่ข้างๆแล้ว
 “ไง เด็กดี ฉันรู้ว่าตอนนี้ร่างกายพวกแกกำลังเติบโต แต่ว่าพวกแกต้องรู้จักควบคุมอาหาร? เข้าใจไหม ควบคุมอาหาร!” ฉินสือโอวนั่งลงลูบไปที่หัวของเจ้าพวกนั้น หู่จือกับเป้าจือแลบลิ้นออกมาเลียไปที่มือของเขา ฉินสือโอวหัวเราะขึ้นมา “โอเค ถ้าหากพวกแกหิว ก็ไปกินขนมสุนัขรูปกระดูกก่อนแล้วกัน”
เขาทอดไส้กรอกเพิ่ม แล้วก็นำอาหารทั้งหมดออกไปให้กับเด็กทั้งสี่คน
ซีมอนสเตอร์ถามว่า “บอส ทำไมคุณถึงลงมือทำอาหารให้พวกเขาเองครับ? ถ้าหากสงสารพวกเขา ไปซื้อพิซซ่าจากในเมืองให้พวกเขากินก็พอไม่ใช่เหรอ?”
นี่ก็คืออุปนิสัยของคนแคนาดา คนในหมู่บ้านนั้นทุกคนใจดีแต่ก็เย็นชา พวกเขาปฏิบัติต่อเพื่อนบ้านหรือคนรู้จักอย่างอบอุ่น แต่กับคนนอกนั้น กลับกั้นกำแพงขึ้นปิดกั้นตัวเองทันที
ฉินสือโอวทำเพราะรู้สึกเห็นใจ เด็กเหล่านี้อายุน้อยสุดคือเจ็ดถึงแปดขวบ โตสุดก็เพียงแค่สิบขวบ เล็กแค่นี้ก็ออกมาเร่ร่อนข้างนอกแล้ว ทำให้เขานึกถึงเขาในวัยเด็ก ตอนนั้นที่บ้านเขาฐานะไม่ดี เสื้อที่ใส่ดูไม่ได้ ของที่กินก็ไม่ใช่ของดี
แต่ว่า สิ่งที่ฉินสือโอวรู้สึกขาดในตอนนั้นกลับไม่ใช่เสื้อผ้าที่ดูดีหรืออาหารที่อร่อย แต่คือศักดิ์ศรีต่างหาก
ความรู้สึกของเด็กนั้นล้วนอ่อนไหวและเต็มไปด้วยคำถาม และยิ่งอายุขนาดนี้คือช่วงที่เด็กจะสร้างศักดิ์ศรีให้ตัวเองได้ดีที่สุด สิ่งที่เขาจะให้ไม่เพียงแค่อาหารหนึ่งมื้อเท่านั้น แต่รวมถึงศักดิ์ศรีด้วย
ฉินสือโอวแจกจ่ายช้อนส้อมให้พวกเขา แล้วบอกว่า “นี่คืออาหารที่ฉันทำ รสชาติไม่เลวเลยทีเดียว พวกเธออยากกินเท่าไรก็ได้”
เขากังวลว่าเด็กพวกนี้จะรู้สึกเกร็งเวลาอยู่ต่อหน้าเขา หลังจากวางอาหารลงแล้วจึงพาหู่จือและเป้าจือที่น้ำลายไหลอยู่นั้นเดินออกไป
ฉงต้าแอบหลบอยู่หน้าประตูจ้องไปทางเด็กทั้งสี่คนอย่างไม่เป็นมิตร เมื่อเห็นฉินสือโอวเดินจากไป ดวงตาของมันเลิ่กลั่กไปมา แล้วคลานออกไปอย่างเงียบๆหวังจะขู่เด็กสี่คนนั้น
ฉินสือโอวทั้งรู้สึกโกรธและรู้สึกขำ โพล่งออกมาว่า “ฉงต้า รีบย้ายตูดมานี่ ไม่อย่างนั้นจะจับแกโยนลงทะเลไป!”
ฉงต้ามองไปที่เด็กๆที่เมื่อมองเห็นมันก็ตกใจกลัวจนตัวสั่นอย่างเสียดาย แล้วสะบัดตูดคลานไปหาฉินสือโอว
ฉินสือโอวนั่งคิดแผนการพัฒนาฟาร์มปลาของเขาอยู่ในห้องรับแขก ผ่านไปสักพักเขามองออกไปข้างนอก เห็นเด็กสี่คนหยิบจานแล้วนั่งลงกินข้าวกันบนพื้นหญ้าแทนที่จะนั่งกินกันบนโต๊ะ
ทุกคนคงหิวโซมาก แต่ละคนถือจานข้าวไว้แล้วกินกันอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างก็ง้างกรามกว้างๆ กินข้าวผัดทีละคำโตๆ บางทีก็ติดคอจนตาแทบถลน หลังจากดื่มน้ำให้ข้าวกลืนลงไปแล้ว ก็เริ่มกินต่ออย่างบ้าคลั่ง
หู่จือและเป้าจือวิ่งเล่นกันอยู่ในห้องรับแขกสักพักพอรู้สึกเบื่อก็วิ่งออกไปข้างนอก ทั้งสองตัวคาบขนมสุนัขรูปกระดูกกันไปตัวละแท่ง สงสัยความหิวของเด็กๆคงจะส่งผลกับพวกมันสองตัวด้วยแน่ พวกมันนั่งลงข้างๆและเริ่มแทะกระดูกกันอย่างเมามัน แต่น่าเสียดายในเวลาอันสั้นเท่านี้ทำให้ไม่ว่าพวกมันยังไงแทะขนมยังไงก็แทะไม่ขาดสักที
เออร์บักขับรถบีเอ็ม750มาถึงฟาร์มปลา เมื่อเห็นสีเงางามของรถคันนี้ เด็กสี่คนที่กำลังกินข้าวอยู่นั้นก็รีบวางจานลงแล้วจ้องไปที่รถกันตาเขม็ง
เออร์บักลงจากรถ ปรายตามองไปที่เด็กสี่คนอย่างแปลกใจครู่หนึ่ง จากนั้นก็ผิวปากเรียกหู่จือกับเป้าจือ เจ้าสองตัวนี้พอเห็นคนคุ้นเคยก็กระดิกหางเดินไปหา หลังวิ่งออกไปแล้วก็พลันนึกได้ว่าลืมขนมของตัวเอง จึงย้อนกลับไปคาบมาไว้ในปากแล้วค่อยวิ่งไปต้อนรับเออร์บัก
ฉงต้านอนอาบแดดอยู่หน้าประตูอย่างขี้เกียจ เมื่อเห็นเออร์บักมันเพียงอ้าปากพะงาบๆไปมา ไม่ขยับตัวสักนิด ขี้เกียจขั้นสุด
เออร์บักหัวเราะร่า ยื่นมือไปลูบหน้าท้องที่นุ่มนิ่มของฉงต้า ฉงต้าที่โดนลูบท้องแล้วรู้สึกสบาย จึงอ้าปากส่งเสียงครางไม่หยุด
ฉินสือโอวเดินออกมาถามว่า “มีอะไรเหรอ?”
เออร์บัก “ไม่มีอะไร ก็แค่อยากจะมาบอกว่า เซนต์จอห์นส่งรายงานพยากรณ์อากาศมา จะมีลมร้อนพัดเข้ามาที่ฟาร์มปลานิวฟันแลนด์ ไม่ช้าจะมีคลื่นลมแรง นายอย่าออกทะเลเชียวนะ”
 “เด็กพวกนี้คือใคร?”
 “อ้อ เด็กเร่ร่อนน่ะ น่าสงสารมาก หนีออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจากเมืองน้ำตกเล็ก ไม่รู้ว่าไปมายังไงถึงมาถึงเกาะแฟร์เวลนี้ได้ เมื่อกี้พอฉงต้าเห็นพวกเขาก็เริ่มขู่ใหญ่เลย ผมเลยทำกับข้าวปลอบใจพวกเด็กๆน่ะ”
เออร์บักทำท่าครุ่นคิด เขามองไปที่เด็กเหล่านี้แล้วพูดด้วยเสียงทอดถอนใจว่า “ความช่วยเหลือของรัฐบาลที่มีต่อเด็กกำพร้าและคนแก่นั้นถูกผู้คนตำหนิมาตลอดว่าไม่เพียงพออะนะ ใช่แล้ว นายเคยคิดไหมว่าจะรับเลี้ยงเด็กพวกนี้? สามารถเลี่ยงภาษีให้กับฟาร์มปลาได้นะ”
ฉินสือโอวหัวเราะส่ายหัวแล้วพูดว่า “งั้นก็ช่างเถอะ ผมให้ค่าเดินทางกับพวกเขาได้ แต่รับเลี้ยงพวกเขาเหรอ?”
เขาส่ายหัวอีก เขายังไม่ได้เตรียมตัวที่จะเป็นพ่อคน หรือทำหน้าที่พ่อที่ดีเลย ส่วนเรื่องเลี่ยงภาษี? เงินแค่นั้นเขาก็ไม่ได้ขัดสนอะไรอยู่แล้ว
………………………………………………………

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ผมนี่แหละเจ้าแห่งฟาร์มปลา

ชีวิตบัดซบของ ‘ฉินสือโอว’ เริ่มต้นด้วยการถูกใส่ร้ายว่ายักยอกเงินและถูกให้ออกจากบริษัท หนำซ้ำยังต้องชดใช้จนไม่มีแม้แต่เงินจ่ายค่าเช่าห้อง แต่ไม่รู้ว่าโชคดีหรืออะไร เขาพบว่าคุณปู่รองได้ทิ้งพินัยกรรมมูลค่าหลายร้อยล้านไว้ให้ นั่นคือฟาร์มปลาที่แคนาดา แต่ที่นั่นกลับโกโรโกโสทรุดโทรม ปลาสักตัวก็แทบไม่มี นอกจากนั้นยังต้องเสียภาษีการยืนยันพินัยกรรมจำนวนมากอีก จากที่ตอนแรกเขากะจะขายฟาร์มแล้วหอบเงินกลับประเทศจีน กลับต้องฟื้นฟูกิจการฟาร์มปลาเพื่อหาเงินไปจ่ายค่าภาษี ไม่งั้นจะต้องยอมเสียฟาร์มให้ทางการไป ทว่าระหว่างที่สำรวจทะเลสาบในเกาะ เขาถูกปลาทำร้ายจนเลือดที่คางหยดลงไปบนจี้รูปหัวใจสีน้ำเงินที่มีชื่อว่า ‘หัวใจโพไซดอน’ ทำให้ตัวจี้หลอมเข้าไปในตัวเขา จากนั้นมา… จิตสำนึกของเขาก็สามารถสำรวจและควบคุมท้องน้ำรวมถึงทำการเยียวยาและรักษาสิ่งมีชีวิตในทะเลได้ และนี่ คือหนทางกอบกู้ฟาร์มมรดกของเขา!

Options

not work with dark mode
Reset