บทที่ 103 ปีศาจอาหารทะเล
โดย
Ink Stone_Fantasy
เสียงลมทะเลพัดดังคำราม คลื่นทะเลกำลังกระหน่ำซัดขึ้นมาอีกลูกหนึ่ง คลื่นลูกนี้มีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ มีความสูงประมาณห้าถึงหกเมตร โหมซัดเข้ามาอย่างรุนแรง กำลังซัดสาดเช่นนี้ ทำให้มองดูแล้วน่ากลัว
สิ่งนี้คือพลังของธรรมชาติ! ในที่สุดฉินสือโอวก็เข้าใจแล้วว่าชีวิตของเหล่าชาวประมงไม่เพียงแค่มีความสุขเมื่อจับปลาได้และมีความกล้าหาญที่จะออกไปทั่วทุกสารทิศในทะเล แต่พวกเขายังกล้าที่จะเผชิญกับวิกฤตการณ์ของความเป็นความตายในชีวิต
ในเวลานี้ไม่สามารถที่จะอธิบายอย่างเห็นภาพได้ ฉินสือโอวยึดตามที่ได้ตกลงไว้และตะโกนขึ้นมา “เอาขึ้น!”
นีลเซ็นได้ยินเสียงตะโกนจึงรู้ว่ากำลังมีคลื่นลูกใหญ่เคลื่อนที่มา เขาจึงใช้สองเท้าถีบไปที่หินโสโครกและใช้แรงดึงของเชือกปีนขึ้นไปอย่างรวดเร็ว ขณะเดียวกันก็ได้พยายามหดตัวเพื่อลดพื้นที่ที่จะโดนคลื่นซัดใส่ตัว
พลังจิตของฉินสือโอวสามารถนำมาใช้เป็นประโยชน์ในตอนนี้ได้ ขณะที่เขาพยายามออกแรงดึงเชือก นีลเซ็นรู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองกำลังขึ้นลิฟต์ เขาถูกดึงขึ้นอย่างรวดเร็ว สิ่งที่เขาควรจะทำคือการก้าวไปข้างหน้าให้เร็ว เพื่อหลีกเลี่ยงการชนเข้ากับหินโสโครก
คลื่นทะเลกระทบขึ้นมาบนชายฝั่ง ละอองน้ำทะเลสาดกระเด็นขึ้นสูง ปรากฏเสียงดังครั่นครืนออกมา
“โอ้ว ไอ้ขี้หมา คลื่นลูกใหญ่จริงๆ!” นีลเซ็นเช็ดน้ำทะเลบนหน้าและหันไปหัวเราะอย่างชอบใจ
ทางด้านชาร์คนั้นไม่ได้โชคดีเหมือนกับเขา ชาร์คถูกละอองทะเลซัดสาดไปหนึ่งที หลังจากที่ซีมอนสเตอร์ดึงเขาขึ้นมา เขาก็ฟุบลงบนพื้นและไอออกมา
“เปลี่ยนคนเพื่อน” ฉินสือโอวถอดเสื้อท่อนบนออกทำให้ปรากฏให้เห็นร่างกายที่แข็งแรงของเรา ซึ่งมองเห็นเพียงแค่กล้ามเนื้อหน้าอกสองส่วนที่คล้ายกับแผ่นเหล็กที่ถูกฝังไว้บนหน้าอก ซิกแพกที่มีขนาดเท่าๆกันมีมุมขอบที่ชัดเจน ราวกับก้อนหินใหญ่ถูกขัดอย่างพิถีพิถันจนเป็นเงา ประกอบกับถูกแสงอาทิตย์สาดส่องทำให้ผิวกลายเป็นสีบรอนซ์ จึงไม่อาจจะหักห้ามความมีเสน่ห์ในแบบของผู้ชายได้!
สองพี่น้องฮิวจ์จึงผิวปากออกมาหนึ่งที ฮิวจ์ผู้น้องจึงส่งเสียงพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ “ฉิน รูปร่างไม่เลวเลย วันนี้ไปเล่นบอลกับฉัน ถึงเวลานั้นนายก็ถอดเสื้อ ฉันกล้าพนันได้เลยว่าต้องมีสาวสวยอย่างน้อยสักหนึ่งโหลติดนายกลับมาด้วย”
“แค่ฉินขับรถคาดิลแลควันก็มีสาวสวยมาติดเป็นโหลแล้ว” ฮิวจ์ผู้พี่หัวเราะชอบใจ
ฉินสือโอวถือโอกาสที่คลื่นลมสงบชั่วคราวเปลี่ยนตัวกับนีลเซ็น เมื่อเขามัดเข็มขัดที่เอวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ลงไปใต้ชายฝั่งทะเล
เมื่อสักครู่นีลเซ็นอยู่ด้านล่างพึ่งจะทำไปได้แค่ห้าหกนาที เก็บเพรียงตีนเต่ามาได้เพียงแค่สิบตัว เจ้าสิ่งนี้ติดแน่นมากเกินไป นอกจากนี้หินก็มีการเจริญเติบโตเช่นเดียวกัน เพรียงทะเลบางส่วนจึงฝังเข้าไปในหิน แบบนี้จึงยากที่จะงัดออกมา
ในตอนนี้ฉินสือโอวก็รู้สึกเซ็งเล็กน้อย จิตสำนึกโพไซดอนจำเป็นต้องมีน้ำเป็นสื่อกลางในการเชื่อมถึงกัน ไม่เช่นนั้นจะไม่มีผลต่อร่างกายของสิ่งมีชีวิต และทุกครั้งที่คลื่นทะเลซัดสาดขึ้นมา เขาจะต้องวิ่งหนีขึ้นไป ไม่เช่นนั้นถ้าหากพวกที่อยู่บนฝั่งเห็นคลื่นซัดเข้ามาที่ตัวเขาแล้วเขากลับไม่เป็นอะไรเลย เช่นนั้นพวกเขาจะไม่รู้สึกประหลาดใจกันเหรอ?
ด้วยเหตุนี้ จิตจำนึกโพไซดอนจึงนำมาใช้ประโยชน์ไม่ได้ ทั้งหมดจึงสามารถทำได้เพียงแค่พึ่งพาฝีมือของเขาเท่านั้น
แต่เขาก็โชคร้ายเช่นกัน ขณะที่เขาพึ่งจะลงไปได้ครู่เดียวก็มีคลื่นทะเลหมุนขึ้นมาอีกครั้ง ปกติแล้วการปรากฏขึ้นของคลื่นทะเลจะมีกฎเกณฑ์ หลังจากที่มีคลื่นใหญ่เคลื่อนที่มากระทบฝั่งแล้วจะต้องผ่านไปอีกหลายนาทีถึงจะมีคลื่นใหญ่มาอีกครั้ง แต่ว่าครั้งนี้เป็นข้อยกเว้น
ฉินสือโอวจำเป็นต้องรีบเรียกนีลเซ็นให้ดึงเขาวิ่งขึ้นไป เมื่อรอให้ละอองคลื่นลดแล้วถึงจะกลับลงไปที่บนผิวน้ำและใช้มีดทหารงัดเพรียงออกมาอีกครั้ง
เปลือกหอยที่หุ้มเพรียงเกิดจากการรวมตัวของหินปูนที่ซับซ้อน ดูคล้ายกับภูเขาไฟที่ย่อส่วน ภายนอกเป็นสีเทาดำและขาว ในความเป็นจริงแล้วช่างดูน่าเกลียดเหลือเกิน
ท่านหลู่ซวิ่น[1]เคยกล่าวไว้ว่า คนที่กินปูคนแรกคือคนที่กล้าหาญ ฉินสือโอวคิดว่า คนที่กินเพรียงตีนเต่าคนแรกคือคนที่กล้าหาญในหมู่ผู้กล้าหาญ!
ฉินสือโอวทอดถอนหายใจหนึ่งที จากนั้นก็เริ่มทำงานต่อ เขาหาที่ที่ร่างกายยืนได้มั่นคงและใช้มีดวาฬแทงเข้าไปที่ยอดของเพรียงขนาดใหญ่อย่างแรง ออกแรงกดคมมีดเข้าไปโดยเพิ่มแรงที่ข้อมือ ‘แช้บๆ’ เพียงเวลาสั้นๆฉินสือโอวก็แคะเพรียงขนาดใหญ่นี้ออกมาได้
“โอ้ว้าว สวยงาม!” ซีมอนสเตอร์ที่อยู่ตรงนั้นสังเกตเห็นท่าทางที่สบายๆของฉินสือโอวจึงร้องตะโกนออกมา
หู่จือได้คอยจ้องมองฉินสือโอด้วยดวงตาเล็กๆอยู่บนฝั่ง เมื่อเห็นเขายกเพรียงขึ้นมันจึงเห่าออกมาและส่ายหางอย่างเบิกบานใจ “โฮ่งโฮ่ง!”
เมื่อเห่าเสร็จก็นึกหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบของตัวเองได้ พวกมันจึงใช้ปากกัดไปที่เชือกอีกครั้ง
พลังของคนมักมีขีดจำกัดอยู่เสมอ โดยเฉพาะการใช้พลังขั้นสูงสุดบวกกับการรักษาการทรงตัวของร่างกาย ด้วยเหตุนี้จึงทำให้รู้สึกหมดเรี่ยวหมดแรง ยิ่งถอยหลังไปก็ยิ่งแคะเพรียงได้ยาก
เมื่อสักครู่ที่นีลเซ็นแคะเพรียงออกมาตัวแรกก็ยังรู้สึกสบายๆมาก แต่ว่าเมื่อแคะอันสุดท้าย ก็ได้ใช้เวลาไปเต็มๆสี่สิบวินาที
แรงที่เกิดขึ้นอย่างฉับพลันและพละพลังของฉินสือโอวนั้นแข็งแกร่งมาก ซึ่งนีลเซ็นไม่สามารถเทียบได้อย่างแน่นอน หลังจากที่แคะอันต่อไปแล้ว เขาจึงพบช่องว่างอยู่ช่องหนึ่ง เขาได้ใช้มีดวาฬทิ่มแทงลงไประหว่างเพรียงและหิน ออกแรงที่ข้อมือแคะเพรียงขึ้นมาได้อีกหนึ่งตัว
ทางด้านซีมอนสเตอร์พึ่งจะแคะออกมาได้แค่สองตัว แต่ทางด้านฉินสือโอวได้แคะออกมาแล้วสี่ห้าตัว ซีมอนสเตอร์อยากที่จะถอนหายใจให้ผ่อนคลายสักครู่ สุดท้ายแค่เห็นฉินสือโอวแคะ ‘แก๊กแก๊ก’ ก็สามารถเอาออกมาได้แล้วอีกหนึ่งตัว
ในขณะที่ฉินสือโอวกำลังแคะเพรียงอย่างมีความสุข ด้านหลังก็มีคลื่นทะเลลูกหนึ่งโหมซัดเข้ามาอีกครั้ง ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย จิตสำนึกโพไซดอนจึงแผ่ปกคลุมไปรอบๆน่านน้ำทะเล ในใจของเขาโมโหมาก อยากที่จะทำให้น้ำทะเลสงบลง
ขณะนั้นเองคลื่นขนาดใหญ่ที่มีพลังรุดหน้ามาอย่างไม่กลัวเกรงก็ได้ร่วงลงอย่างทันทีทันใด และน้ำทะเลก็ลดลงไปภายในชั่วพริบตาเดียว พื้นผิวทะเลที่ถูกจิตสำนึกของโพไซดอนแผ่ปกคลุมก็เปลี่ยนเป็นสงบลงทันที
น้ำทะเลที่อยู่ด้านหลังยังคงหมุนขึ้นลงอยู่ตลอด แต่ว่าน่านน้ำทะเลที่จิตสำนึกโพไซดอนได้ควบคุมไว้กลับมีคลื่นลมที่สงบ ช่างเป็นเหมือนกับคลื่นหลังกระทบกับคลื่นหน้าของทะเล คลื่นหน้า… เดิมทีไม่มีคลื่นหน้า!
คนที่อยู่บนฝั่งสี่ห้าคนจึงจ้องมองอย่างทันที แม้แต่ชาร์คที่มีประสบการณ์และความรู้ที่กว้างขวางยังต้องตกตะลึงจนตาค้างและพูดพึมพำออกมา “นี่ นี่เกิดอะไรขึ้น? ทะเลนี่แปลกมากจริงๆ!”
ฉินสือโอวเอาจิตสำนึกโพไซดอนกลับมา พื้นผิวทะเลที่สงบจึงกลับมาเป็นคลื่นทะเลที่ม้วนขึ้นลงอีกครั้ง ในตอนนี้เขารู้แล้วว่าจิตสำนึกโพไซดอนสามารถควบคุมสภาวะของน้ำได้
ฉินสือโอวถือโอกาสในขณะที่คลื่นทะเลยังไม่ม้วนตัวขึ้นแคะเพรียงตีนเต่าออกมาหกเจ็ดตัวด้วยความเร็วอีกครั้ง เมื่อละอองน้ำทะเลเริ่มส่งเสียงซัดสาดเขาจึงร้องตะโกนออกมา จากนั้นนีลเซ็นก็จะออกแรงดึงเขาขึ้นไป
เมื่อขึ้นไปบนฝั่ง ฉินสือโอวได้เอากระเป๋าย่ามที่ตุงแน่นทิ้งลงไปที่พื้น พาวลิสเทกระเป๋าเอาเพรียงตีนเต่าออกมานับ คิดไม่ถึงว่าจะมีอยู่สามสิบสองตัว ทางด้านซีมอนสเตอร์จึงรู้สึกเก้อเขิน เพราะเขาพึ่งจะแคะขึ้นมาได้แค่ยี่สิบตัว
การสลับคนทำสองครั้งเช่นนี้ พวกเขาจึงสามารถแคะเพรียงตีนเต่าออกมาได้ถึงเจ็ดสิบตัว ทางด้านสองพี่น้องฮิวจ์อยากที่จะได้บ้าง จึงเริ่มผูกเชือกแล้วลงไปที่ทะเล
เพรียงตีนเต่าเจ็ดสิบตัว ส่วนใหญ่มีความยาวประมาณยี่สิบกว่าเซนติเมตร หนึ่งตัวมีน้ำหนักห้าร้อยกว่ากรัม หากคิดเป็นมูลค่าคงจะมีราคาเกือบสี่พันยูโร ซึ่งเป็นความมั่งคั่งที่ไม่น้อยเลย!
ฉินสือโอวคิดคำนวนดูแล้ว คนมีทั้งหมดแปดคน เด็กสี่คนก็คงจะกินได้ไม่เยอะ เพรียงที่ได้มาพวกนี้จึงเพียงพอแล้ว อย่างไรก็ไม่สามารถเก็บให้หมดทีเดียวได้
ฉินสือโอวโบกมือ สวมเสื้อผ้าและเอ่ยขึ้นว่า “ ทำงานเสร็จแล้ว คนก็รีบไสหัวไปเถอะ”
”ว้อท?” ชาร์คและคนอื่นๆมองหน้ากันเลิ่กลั่ก ไม่เข้าใจว่าที่เขาพูดหมายถึงอะไร
ฉินสือโอวจึงจำเป็นต้องแปลให้ “ทำงานเสร็จแล้ว คนก็รีบไสหัวไปเถอะ!”
“โอเค!” คนเหล่านั้นจึงเข้าใจกันแล้ว
เมื่อกลับมาที่ฟาร์มปลา ฉินสือโอวจึงต่อสายโทรศัพท์หาเออร์บักเพื่อให้เขากลับมากินข้าว จากนั้นก็เข้าไปในครัวเพื่อจัดการกับเพรียงเหล่านี้
เพรียงตีนเต่าไม่สามารถเอาลงหม้อทำอาหารได้เลย เพราะด้านบนตัวมันเต็มไปด้วยพวกดินทราย หินและสาหร่ายทะเลซึ่งสกปรกเป็นอย่างมาก
เด็กทั้งสี่คนก็ได้กรูกันเข้ามา ยกถือจานของแต่คนเพื่อแบ่งเพรียง จากนั้นเชอร์ลี่ย์จึงเอ่ยออกมาด้วยเสียงเบาๆ “ฉิน คุณไปทำกับข้าวเถอะ เพรียงพวกนี้เดี๋ยวพวกเราจัดการเอง”
“ช่างเป็นเด็กดีจริงๆ” ฉินสือโอวจึงยิ้มขึ้นมา เขาเปิดตู้เย็นและเอาเห็ดหอมป่าแห้งที่เหลือจากครั้งที่แล้วออกมาอย่างไม่มีพิธีรีตอง จากนั้นก็นำไปแช่น้ำ เมื่อใช้ได้แล้วก็เทน้ำมันและเริ่มผัดอาหารที่เป็นของหายากจากภูเขาเมนูนี้
นอกจากนี้เขายังไปที่ใต้ท่าเรือและคลำหาปูราชินีมาห้าตัว ทุกตัวมีขนาดใหญ่และอ้วนเป็นพิเศษ
ชาร์คกำลังติดตั้งเตาอบอยู่ที่ลานบ้าน ฉินสือโอวซื้อสเต๊กเนื้อแกะและเนื้อวัวมาจึงให้เขาเป็นคนรับผิดชอบในการอบ
ชั่วครู่หนึ่งเออร์บักก็กลับมาถึง ฉินสือโอวทักทายเขาและไปทำงานต่อ เชอร์ลี่ย์เป็นคนที่ใส่ใจคนมาก เมื่อเธอเห็นคุณปู่สีหน้าไม่ค่อยดี จึงเอ่ยถามด้วยเสียงเบาๆ “คุณปู่เออร์ เมื่อคืนคุณพักผ่อนไม่เพียงพอเหรอ? คุณไปนอนพักที่ห้องหนูก่อนสักแป๊บนึงก็ได้นะคะ ถ้าถึงเวลากินข้าวแล้วหนูจะไปเรียก”
เออร์บักหัวเราะออกมา เขาลูบไปที่เส้นผมสวยงามและอ่อนนุ่มของเชอร์ลี่ย์ และพูดออกมาด้วยความเอ็นดู “เด็กดี ฉันไม่เป็นอะไร ช่วงนี้ดูทีวีตอนกลางคืนนานไปหน่อย อย่ากังวลเลย”
เมื่อผัดเห็ดหอมป่าเสร็จแล้ว เขาก็ได้ทำปลาเก๋าราดซอสและปลาดุกหม้อไฟเพิ่มอีก จากนั้นก็เริ่มทำเมนูหลักในวันนี้ นั่นก็คือเพรียงตีนเต่าที่เขาอยากกินมานานแล้ว
ของหายากจากทะเลกับของหายากจากภูเขานั้นต่างกัน แต่โดยปกติแล้วทั้งคู่ต่างก็ไม่ต้องการขั้นตอนในการทำที่ซับซ้อนอะไร เพียงแค่ตุ๋นและต้มง่ายๆก็ได้แล้ว ถึงอย่างไรสิ่งที่ต้องการกินก็คือความสดใหม่ของมัน
โดยเฉพาะวิธีทำอาหารของเพรียงตีนเต่านั้นง่ายมาก ฉินสือโอวโทรศัพท์ไปถามคุณลุงฮิคสันแล้ว คุณลุงบอกกับเขาว่า เจ้าสิ่งนี้ใช้น้ำสะอาดทำเป็นน้ำซุปและกินสดๆก็ได้แล้ว
ฉินสือโอวใส่ขิงอ่อนลงไปในหม้อเล็กน้อยและใส่เกลือเล็กน้อย หลังจากที่น้ำเดือดแล้ว ก็เอาเพรียงลงไปต้มประมาณสี่ถึงห้านาที
เจ้าสิ่งนี้มีความสดอร่อยมากในตัวของมันอยู่แล้วจึงไม่จำเป็นต้องใส่เครื่องปรุงรสใดๆอีก เมื่อรอให้น้ำเดือด กลิ่นรสชาติความสดก็จะลอยมาบนใบหน้า จมูกของฉินสือโอวดมกลิ่นจนรู้สึกเคลิ้ม ขั้นตอนสุดท้ายจึงโรยต้นหอมลงไปเล็กน้อย เมื่อได้กลิ่นหอมเช่นนี้แล้วก็เอาอาหารออกมาจากเตา
หลังจากที่ฝนตกอากาศของเกาะแฟร์เวลก็สดชื่นมาก ตอนนี้แม้แต่โรงงานสารเคมีก็ไม่มีแล้ว สภาพแวดล้อมของที่นี่ช่างเป็นธรรมชาติและบริสุทธิ์จริงๆเลย
ลมทะเลพัดผ่านมากระทบบนใบหน้า ความรู้สึกของไอน้ำที่อบอวลไปทั่วทุกสารทิศนั้นช่างยอดเยี่ยม ชาร์คจัดวางเก้าอี้ที่ลานบ้านเรียบร้อยแล้ว บนโต๊ะอาหารที่กลมและใหญ่มีปลาเก๋าราดซอส ปลาดุกหม้อไฟ ผัดเห็ดหอมป่าและเนื้อย่างจานใหญ่วางไว้ และที่สำคัญที่สุดก็คือเพรียงตีนเต่าจานใหญ่ที่วางอยู่ตรงกลางโต๊ะ เมื่อมีอาหารทะเลที่หรูหรางานเลี้ยงใหญ่ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว
“เริ่มกินได้ สหายทั้งหลาย” ฉินสือโอวพูดด้วยรอยยิ้ม เขาคีบเพรียงตีนเต่าให้กับเด็กทั้งสี่คนนั้นคนละชิ้น และครีบให้กับตัวเองหนึ่งชิ้น จากนั้นก็ดูวิธีการกินจากชาร์คไปพร้อมกับพวกเด็กๆ
ชาร์คพูดแนะนำออกมาว่า “ดูนะ ส่วนหลังของฟันม้ามีจุดหนึ่งที่เรียกว่า รูเปิด ตรงนี้จะประกอบไปด้วยเปลือกแผ่นหลังสี่แผ่นและแผ่นป้องกันที่สามารถโยกได้ เพียงแค่ออกแรงดึงมันออก เนื้อสดที่มีรสชาติแสนอร่อยก็อยู่ข้างในรอให้พวกเธอไปลิ้มรสแล้ว”
ดูจากภายนอกแล้วเพรียงตีนเต่านั้นน่าเกลียดและแปลกประหลาดมาก แต่ว่าเนื้อของมันขาวเนียนและอ่อนนุ่ม คล้ายกับไอศกรีมนมแท่งเล็กน้อย แต่ว่ามันนิ่มและอุ่นมาก ฉินสือโอวใช้มีดสำหรับกินอาหารปาดมันออกมาและใส่เข้าไปในปาก เพียงแค่ขบเคี้ยวความอ่อนนุ่มของมัน รสชาติความอร่อยของเนื้อหอยก็แตกละลายในปาก
…………………………………………………………
[1] หลู่ซวิ่น นักเขียนชาวจีนที่สำคัญคนหนึ่งของคริศต์ศตวรรษที่ 20 โดยมากจะเป็นผู้เขียนวรรณคดีจีนสมัยใหม่รวมทั้งวรรณคดีคลาสสิคจีน