ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 207 ขับไล่

บทที่ 207 ขับไล่

“จางหยวน ไอ้ระยำ เจ้าพ่นอะไรออกมา”

“ศิษย์น้องของข้าจะเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ได้ยังไงกัน”

“เจ้ารู้หรือเปล่าว่ามีมนุษย์กลายพันธุ์ตกตายในมือเขาไปแล้วเท่าไหร่น่ะ ห้ะ”

“เป็นเพราะศิษย์น้องของข้าแย่งตำแหน่งของเจ้าไปใช่รึเปล่า เจ้าถึงได้ใส่ร้ายเขา”

กัวเหลียงได้ชี้หน้าด่าจางหยวนอย่างดังลั่น

และด้วยเสียงที่ดังลั่นนี่เองทำให้หลิวไฮ่รีบอธิบายให้กับจางหยวนในทันที “เพื่อนกัว เจ้าเข้าใจรองกัปตันผิดแล้ว”

“เจ้าลองมองดูที่ศพของเหยื่อทองคำตัวนี้สิ”

“ก่อนหน้านี้ตอนที่เหยี่ยวทองคำเกือบจะฆ่าข้ากับรองกัปตันได้นั้น เป็นกัปตันได้พุ่งเข้ามาช่วยพวกเราและฆ่าเหยียวทองคำตัวนี้

แต่เจ้ารู้รึเปล่า ตอนที่เขาฆ่ามันนั้น เขาใช้ปีคู่สีเงินที่มีความยาวนับสิบเมตรที่งอกมาจากกลางหลังของเขา”

“หากว่าเขาไม่ใช่มนุษย์กลายพันธุ์จริงล่ะก็ แล้วเจ้าจะอธิบายปีกสีเงินบนหลังของเขาได้ยังไงกัน”

“ห้ะ ปีกสีเงิน”

เม่ยหลัวหลันใบหน้าเหยเกในทันทีและรีบถามออกมา “พี่หลิวไฮ่ ไม่ใช่ว่าท่านมองผิดหรอกนะ กัปตันจะไปมีปีกสีเงินได้ยังไงกัน”

“ข้าไม่สน” กัวเหลียงสลัดมือของตนไปด้านข้าง เชิงปฏิเสธอย่างแรงกล้า “จางหยวน เจ้าบอกว่าศิษย์น้องเล็กของข้านั้นช่วยเจ้าไว้”

“แล้วถ้าศิษย์น้องเล็กของข้าเป็นมนุษย์กลายพันธ์ุจริง เขาจะช่วยเจ้าไว้ทำซากอะไร”

“ยิ่งฟัง ข้า กัวเหลียงผู้นี้ก็ยิ่งไม่เชื่อเข้าไปใหญ่ มีเพียงข้าเท่านั้นที่รู้ว่าศิษย์น้องของข้าแปลกประหลาดขนาดไหน”

“หนี่เฟิง เจ้าคิดว่ายังไง”

หนี่เฟิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ข้าไม่เชื่อว่าศิษย์น้องเป็นมนุษย์กลายพันธุ์”

“ข้าด้วย” หลิวซวนเอ๋อได้ยินขึ้นและพูดออกมา

“ข้าด้วย”

นอกจากจางหยวนและหลิวไฮ่แล้ว เกือบทุกคนนั้นต่างก็ไม่เชื่อในเรื่องนี้

เมื่อเห็นแบบนี้ จางหยวนไม่มีทางเลือกจึงได้นำธงพลออกมาจากแหวนก่อนที่จะสะบัดและชูขึ้นเอาไว้ในมือของตน

“กองกำลังเทียนเว่ย จงฟัง”

“ไม่ว่าพวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่ พวกเราในตอนนี้อยู่ในกองกำลังเดียวกันแล้ว ในเมื่อเจิ้งยี่ตอนนี้กำลังประสบปัญหา ไปช่วยเขาก่อน เรื่องอื่นเราค่อยว่ากัน”

เมื่อเห็นธงพลนี้ เหล่าสมาชิกดั้งเดิมของกองกำลังต่างเงียบกริบ กัวเหลียง หนี่เฟิง และหลิวซวนเอ๋อก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก

เป็นตอนนี้ที่จางหยวนได้นำพาคนทั้งสิบไปยังตำแหน่งของเจิ้งยี่

ไม่นานหลังจากที่เฉินเฉียงจากไป เจิ้งยี่ออกมาจากพื้นดิน ด้วยการที่ต้องถูกทิ้งให้อยู่คนเดียวอีกแล้ว เขาจึงรู้สึกอารมณ์เสียอีกครั้ง

แต่เป็นตอนนี้ที่เขาได้รับรู้ว่าตนนั้น ถูกล้อมเอาไว้โดยสัตว์ประหลาดกว่าสองตัว

ถึงแม้เหยี่ยวทองคำที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่สัตว์ประหลาดได้จากไปแล้ว แต่ในกองกำลังของพวกมันก็ยังเหลือระดับขุนพลขั้นสูงอีกห้าถึงหกตัว

โดยเฉพาะกับวานรยักษ์ที่เป็นผู้นำกลุ่มในตอนนี้ ความแข็งแกร่งของมันนั้นสูงล้ำจนเขาเองก็ประเมินไม่ได้ นี่ทำให้เจิ้งยี่ถูกคุกคามอย่างหนัก

เมื่อผ่านไปกว่าครึ่งชั่วโมงแล้วแต่เขาก็ยังไม่ได้ข่าวจากเฉินเฉียงสักที ในขณะเดียวกัน พวกสัตว์ประหลาดเองก็กระชับวงล้อมมาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ นี่ทำให้เขาไม่อาจจะหนีได้

นอกเสียจากว่าเขาจะใช้พลังเหนือมนุษย์

แต่ต่อให้เขาตาย เขาก็จะไม่ยอมรับสถานะมนุษย์กลายพันธุ์ของตนเอง ต่อให้มันช่วยชีวิตเขาได้ เขาก็ไม่ยินดีที่จะใช้มัน

เวลาผ่านไป หลังจากถูกกดดันอย่างหนัก อาการบาดเจ็บของเขายิ่งแย่ลงเรื่อยๆ ในที่สุดตอนที่เขาเกือบจะหมดสติไปนั้น คนที่คุ้นเคยของเขาก็ได้ปรากฏตัว

“เฉินเฉียง หากเจ้าไม่รีบเข้าล่ะก็ ข้าเสร็จแน่” เมื่อได้เห็นเฉินเฉียงปรากฏตัว เจิ้งยี่ก็ได้พูดออกมาอย่างเบาใจได้ในที่สุด

แต่ฉากที่เขาได้เห็นต่อไปนี้ช่างบีบคั้นหัวใจเขานัก

เฉินเฉียงได้ทะยานเข้าใส่สัตว์ประหลาดก่อนที่จะใช้ปีกสีเงินอันแหลมคมของตนนั้นสะบัดมีดนับพันใส่สัตว์ประหลาดจนบังเกิดเส้นแสงสีเงินเป็นทิวแถว ราวกับเป็นเครื่องบดเนื้อที่มีอาณาเขตนับสิบกว่าเมตร

เพียงสองถึงสามลมหายใจ สัตว์ประหลาดนับยี่สิบตนกลายเป็นเนื้อบดภายใต้มือของเฉินเฉียง

“ย้ากกกกกก”

เฉินเฉียงคำรามลั่นละกระโจนเข้าใส่สัตว์ประหลาดที่อยู่ใกล้ๆเขา

ด้วยการที่ก่อนหน้านี้เขาผิดใจกับจางหยวนและหลิวไฮ่ ทำให้เฉินเฉียงนั้นปวดใจราวกับโดนมีดกรีดที่ใจเขา

ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องธงพลที่เขานั้นจำต้องยอมส่งคืนให้ช่วยคราว หากไม่อย่างนั้นล่ะก็ จางหยวนก็จะไม่ยอมเลิกราในเรื่องเมื่อครู่นี้

แต่นี่เขาไม่ทางพูดกับจางหยวนแต่อย่างใด ยังไงซะ การที่เขามีพลังเหนือมนุษย์นี้ย่อมเป็นธรรมดาที่ต้องเข้าใจผิดไป

แต่ด้วยการที่เขานั้นถือว่ากองกำลังของตนเป็นครอบครัวของเขา นี่จึงทำให้เขานั้นอดที่จะปวดใจไม่ได้

เขารู้สึกว่าความเข้าใจผิดนี้คงไม่อาจจะแก้ไขได้อีก

ส่วนเรื่องของเจิ้งยี่นั้น เขาไม่จำเป็นที่จะต้องใส่ใจที่ต้องใช้พลังเหนือมนุษย์นี้

ด้วยการที่ได้พบเจอสัตว์ประหลาดมากมายขนาดนี้ ปีกสีเงินเป็นการโจมตีที่ดีที่สุดในการที่จะต่อกรด้วย

“เจิ้งยี่ จะมองทำซากอะไรเล่า รีบๆโจมตีเร็วเข้า” เมื่อเห็นเจิ้งยี่ยืนมองนิ่ง เขาก็ได้ตะโกนออกไป

เจิ้งยี่ที่กลับมาจากภวังค์ก็รีบเข้าต่อสู้ในทันที

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขามีท่าทีวิตกอย่างที่สุด

นั่นก็เพราะไม่นาน จางหยวนและพวกได้มาถึง

เป็นตอนนี้ที่เมื่อทั้งสิบเอ็ดคนได้เห็นปีกของเฉินเฉียง ทุกคนต่างก็นิ่งอึ้งไปในทันที

“จางหยวน …. กัปตัน… ขะขะขะเขา…”

“ทำไมกัปตันถึงกายเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ล่ะ รองกัปตัน พวกเราเอายังไงดี”

“แล้วเราจะทำยังไงดี……..ฆ่าสัตว์ประหลาดซะ” ในฐานะที่เฉินเฉียงเป็นศิษย์น้องของตน กัวเหลียงเองก็รู้สึกปวดหัวในทันทีเมื่อเห็นรูปลักษณ์นี้ของเฉินเฉียง และด้วยการปวดหัวในเรื่องนี้จึงได้โยนทุกอย่างใส่สัตว์ประหลาดนี้แทน

“ฆ่า”

จางหยวนได้นำดาบออกมาและคนในกองกำลังเข่นฆ่ากลุ่มสัตว์ประหลาด

ด้วยการช่วยเหลือของจางหยวนและคนอื่นๆ แรงกดดันของเฉินเฉียงและเจิ้งยี่ที่ต้องต่อกรกับสัตว์ประหลาดพวกนี้ก็ลดลงอย่างมาก

และนี่ทำให้เฉินเฉียงเก็บปีกของตนไป

ด้วยการที่ปีกสีเงินนี้เหมาะกับสู้กับคนหมู่มาก ด้วยการที่กองกำลังเทียนเว่ยมาถึง อีกทั้งมีเจิ้งยี่อยู่อีก หากว่าเฉินเฉียงยังคงใช้ปีกสีเงินต่อไปล่ะก็อาจจะไปโจมตีโดนคนอื่นได้

ยังดีที่จางหยวนและพวกนั้นมัวแต่เศร้าเสียใจจนทำให้สัตว์ประหลาดนั้นผ่านการเข่นฆ่าจากเฉินเฉียงไปเกินครึ่งแล้ว จนในที่สุด พวกมันก็ถูกกำจัด

หลังจบเรื่องเฉินเฉียงได้นำแหวนเก็บของเก็บซากของวานรยักษ์ เป็นตอนนี้ที่เขาสัมผัสได้ถึงสายลมแห่งการโจมตีจึงรบไปตามสัญชาตญาณ เป็นเจิ้งยี่ที่โจมตีเขาด้วยดาบทองคำ

“เจิ้งยี่ นี่เจ้าจะทำบ้าอะไรเนี่ย”

เจิ้งยี่ได้หยุดและสบถออกมา

“เฉินเฉียง เจ้าไม่ควรจะมาช่วยข้าเลย ตอนนี้ทุกคนก็เห็นแล้วว่าเจ้าเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ ข้ายอมตายด้วยมือเจ้าเสียดีกว่า”

“ทุกคนเห็นปีกของเจ้าแล้ว แล้วเจ้าจะอธิบายยังไง”

“ใครบ้างที่ไม่รู้ว่าปีกที่อยู่บนหลังเจ้านั้นคือสัญญาลักษณ์ของพวกมนุษย์กลายพันธุ์”

“เฉินเฉียง เจ้าช่วยชีวิตข้า ข้า เจิ้งยี่นั้นซาบซึ้งจริง แต่การจะหลุดออกจากการเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ที่ชั่วร้ายนั้นตัวข้าคงทำได้เพียงฝัน”

“แต่ไม่ต้องห่วง ข้า เจิ้งยี่ ขอสาบาน หลังจากฆ่าเจ้าได้แล้ว ข้าจะตกตายตามเจ้าไป”

หลังจากพูดจบ เจิ้งยี่ก็ได้สะบัดดาบทองคำใส่เฉินเฉียงอีกครั้ง

นี่ทำให้เฉินเฉียงไม่มีทางเลอกทำได้เพียงกางปีกสีเงินออกไปโบยบินและลอยตัวอยู่บนท้องฟ้า

เมื่อเห็นท่าทางที่ทั้งโกรธแค้นและเศร้าเสียใจของคนทั้งสิบสองแล้ว เฉินเฉียงเองก็อดไม่ได้ที่จะเศร้าใจขึ้นมา

“พี่น้อง เพียงปีกสีเงินคู่นี้ พวกท่านกลับบอกว่าข้าคือมนุษย์กลายพันธุ์แล้วเนี่ยนะ”

“หากว่าข้าเป็นมนุษย์กลายพันธุ์จริง พวกท่านคิดว่าจะมีชีวิตอยู่จนมาถึงตอนนี้อย่างนั้นรึ”

“ต่อให้ต้องสู้กันจนตาย พวกเราก็ไม่ต้องการให้มนุษย์กลายพันธุ์มาช่วยชีวิตเอาไว้” เจิ้งยี่คำรามออกมาพร้อมชี้ดาบทองคำใส่เฉินเฉียง

“ดี ดี ดี”

ในที่สุด เฉินเฉียงก็ได้ถอดถอนลมหายใจออกมาอย่างหนักและยาวนาน ก่อนที่จะพูดออกมา “เจิ้งยี่ จางหยวน ในเมื่อพวกเจ้าตัดสินใจว่าข้านั้นคือมนุษย์กลายพันธุ์ไปแล้ว ข้าคงไม่ต้องอธิบายอะไรต่อไปอีก”

“แต่ในเรื่องนี้นั้น”

“ไม่ช้าก็เร็ว ข้า เฉินเฉียงผู้นี้จะกลับมาในกองกำลังเทียนเว่ยอย่างเปิดเผย”

“จางหยวน จงจดจำไว้ให้ดี”

“ดูกองกำลังและปกป้องทุกคนเอาไว้จนกว่าจะถึงตอนนั้น”

เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงได้มองไปที่ทุกคนอีกครั้ง ก่อนที่จะหายไปด้วยใบหน้าที่หดหู่

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset