ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 230 คุ้มครอง

บทที่ 230 คุ้มครอง

หลังจากหยานเสวี่ยได้ให้คำมั่นสัญญาออกมาแล้ว เฉินเฉียงก็มีท่าทีคลายกังวลในทันที

ต่อให้กองกำลังเทียนเว่ยในตอนนี้นั้นไม่มีเขาช่วยเหลือ กับมนุษย์กลายพันธุ์เหล่านี้ก็ไม่ใช่คู่มือคนของพวกเขา

“ท่านนี่ดีกับข้าจริงๆ(หากเป็นอย่างนั้นได้จะเป็นการดีที่สุด) องครักษ์หยาน ถ้าอย่างนั้นพวกเรามาคอยดูกันเงียบๆดีกว่า”

เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงและหยานเสวี่ยได้ยืนเคียงบ่าเคียงไหล่อยู่ในอากาศและมองคนของตนต่อสู้กันและกัน

ฝั่งหนึ่งคือกองกำลังเทียนเว่ยที่มีเฉินเฉียงเป็นหัวหน้า อีกฝั่งคือมนุษย์กลายพันธุ์ที่มีหยานเสวี่ยเป็นหัวหน้า ทั้งสองฝ่ายต่างก็ห้ำหั่นกันอย่างบ้าคลั่ง แต่ก็ไม่มีใครในทั้งสองฝั่งที่คิดว่าผู้นำของตนจะทำเพียงมองพวกเขาฆ่ากันอย่างนองเลือดกันเฉยๆเสียอย่างนั้น

สำหรับมนุษย์กลายพันธุ์แล้ว แต่เดิมพวกมันก็ไม่ได้มีความสามารถพอที่จะห้ำหั่นกับจางหยวนและพวกได้อยู่แล้ว ในตอนแรกพวกมันคิดจะหาใครสักคนที่ช่วยพวกมันล้างแค้นได้ จนกระทั่งไปพบกับมนุษย์กลายพันธุ์ระดับสูงของฝั่งมันอย่างหยานเสวี่ย แต่ในตอนนี้พวกมันกลับนึกไม่ถึงว่าแม้พวกมันจะตกตายไปมากมายแต่หยานเสวี่ยยังไม่แม้แต่จะกระดิกตัวเลยสักนิด

“นายท่านหยาน ท่านเองก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์เช่นเดียวกับพวกข้า ท่านจะคอยดูอยู่เฉยๆแบบนี้ได้ยังไง”

“ท่านหยาน เมื่อเห็นคนของท่านต้องตกตายไปขนาดนี้แล้วท่านยังจะมองดูอยู่เฉยๆแบบนี้อีกเหรอ”

“นายท่านหยานเสวี่ย ท่านเป็นถึงนายพลที่แข็งแกร่งที่สุดในร่มธงของราชาสวรรค์ หากท่านไม่ลงมือล่ะก็ ยามที่ข้าออกไปจากเขตแดนจักรพรรดิแห่งนี้ ข้าจะไปรายงานให้ราชาสวรรค์ทราบเรื่องนี้ให้ท่านตัดสินความยุติธรรมให้กับพวกเรา”

ดวงตาของหยานเสวี่ยในตอนนี้ฉายแววเย็นชาในทันที ก่อนที่เฉินเฉียงจะได้ด่าสวนกลับไปเพราะกลัวหยานเสวี่ยจะเปลี่ยนใจนั้น เธอกลับไปปรากฏตัวข้างนายพลทักษะพิเศษขั้นกลางตนนั้น แล้วสะบัดดาบน้ำแข็งอันแหลมคมของเธอออกไปเบาๆ จนทำให้นายพลทักษะพิเศษผู้โชคร้ายต้องร่างกายขาดเป็นสองท่อนก่อนถึงเวลาเล็กน้อย

หลังจากนั้นเธอได้ปรากฏตัวอีกครั้งที่ข้างเฉินเฉียง และได้สบถออกมา “เฮอะ นายท่านผู้นี้อุตส่าห์ให้พวกเจ้าได้มีโอกาสกู้หน้าตาตัวเองโดยการหากำลังพลมาช่วยเสริมความตั้งใจของพวกเจ้ายังมีหน้ามาสั่งข้าอีกเรอะ หาที่ตายนัก”

เมื่อเห็นความโหดเหี้ยมของหยานเสวี่ยที่สามารถฟันผ่านร่างของนายพลทักษะพิเศษได้อย่างง่ายดายด้วยดาบของเธอนั้น นี่ทำให้มนุษย์กลายพันธุ์ตนอื่นเกรงกลัวและไม่มีใครกล้าเรียกร้องอะไรอีก

สำหรับกองกำลังเทียนเว่ยนั้น ทุกคนต่างก็รับรู้ได้ถึงความสัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดาของเฉินเฉียงและหยานเสวี่ย และยิ่งได้เห็นฝีมือของเธอเข้าแล้ว ต่อให้เฉินเฉียงจะลงมือร่วมกันกับเขาก็ยังไม่มั่นใจที่จะรับมือเธอได้

แต่ในเมื่อเฉินเฉียงนั้นสามารถทัดทานไม่ให้หยานเสวี่ยลงมือได้นี้ นี่กลับยิ่งทำให้ทุกคนมั่นใจว่าเพียงพวกเขาก็รับมือมนุษย์กลายพันธุ์กองกำลังนี้ได้

ท่ามกลางสนามรบ หลู่ฟาง ฉิงเชิน เจิ้งยี่ กัวเหลียง และหนี่เฟิง เป็นแนวหน้ารับมือกับนายพลทักษะพิเศษขั้นสูงคนละตน ส่วนที่เหลืออีกสองตนนั้นคอยก่อกวนกองกำลังเทียนเว่ยไปทั่วสนามรบ

นี่ทำให้เฉินเฉียงจับตามองนายพลทักษะพิเศษทั้งสองตนอย่างขุ่นเคือง

“พี่หลัวหลัน ระวังตัวด้วย ใครก็ได้รีบบั่นคอไอ้สองตัวนั่นแล้วรีบเข้าไปช่วยพี่สาวหลัวหลันซะ”

และนี่ทำให้หนึ่งในสองตนนี้พุ่งเป้าไปที่เม่ยหลัวหลันอย่างบ้าคลั่ง

ด้วยการที่เม่ยหลัวหลันนั้นพึ่งจะข้ามระดับขั้นมาได้ไม่นานทำให้ร่างกายของเธอยังไม่เสถียร จึงไม่แปลกที่เธอจะโดนโจมตีเมื่อพบเจอนายพลทักษะพิเศษขั้นสูง และนี่ถือว่าเป็นเรื่องอันตราย

หลังจากที่มีผู้หญิงในกองได้ยิน เธอก็สลัดมนุษย์กลายพันธุ์ที่ต่อสู้อยู่แล้วเข้าไปช่วยหนุนเม่ยหลัวหลันอยู่ข้างกาย

ด้วยการที่ทั้งสองนั้นต่างก็อยู่ในระดับนายพลวิญญาณขั้นกลางเหมือนกัน ถึงแม้เขาจะเข้าไปช่วยรับมือนายพลทักษะพิเศษขั้นสูงตนนี้ก็ยังไม่อาจเทียบเคียงได้ นี่ถือได้ว่าทั้งสองยังตกอยู่ในสภาวะอันตราย และนี่ทำให้เฉินเฉียงนึกอะไรได้บางอย่างก่อนที่จะใช้คลื่นเสียงทำลายวิญญาณออกไป

ด้วยการที่คลื่นเสียงทำลายวิญญาณนี้ไร้รูปไร้เสียง จึงทำให้คนที่เป็นเป้าหมายยากจะป้องกัน

หลังจากที่นายพลทักษะพิเศษตนนี้ถูกก่อกวนโดยเฉินเฉียงแล้ว มันก็ได้ตกอยู่ในสภาพสะลึมสะลือเบลอๆในทันใด ก่อนที่นัยน์ตาจะเปลี่ยนเป็นแดงก่ำ พวกเธอพุ่งเข้าใส่และกวาดกระบี่ในมือไปที่หัวของนายพลทักษะพิเศษตนนั้นทันที นี่จึงทำให้เม่ยหลัวหลันรอดตายมาได้อีกครา

“เทพเงินตรา ระวังหลัง”

หลังจากได้จัดการให้เม่ยหลัวหลันรอดพ้นอันตรายมาได้ เฉินเฉียงก็พบว่าหวังต้าลู่ตกเป็นเป้าของนายพลทักษะพิเศษขั้นสูงอีกตนหนึ่ง เขาจึงรีบเตือนและใช้เคล็ดวิชาสะกดข่มวิญญาณมารสวรรค์ใส่นายพลทักษะพิเศษตนนั้นในทันที

หลางซานเอ๋อที่อยู่ไม่ไกลจากหวังต้าลู่ ได้ยินคำเตือนของเฉินเฉียงก็ได้หันไปแล้วเห็นพอดี เขาไม่ได้แยแสต่อการโจมตีที่กำลังพุ่งตรงมาหาเขาแล้วทำการทะยานขึ้นฟ้าไปช่วยเหลือ

แต่ด้วยเหตุนี้เองทำให้เขาโดนโจมตีลึกถึงอวัยวะภายในจากศัตรู

“หลางซานเอ๋อ รีบกินยาฟื้นฟูเร็วเข้า”

หวังต้าลู่ได้หยิบยาแล้วโยนให้หลางซานเอ๋อในทันทีหลังจากสวนกลับไปนายพลทักษะพิเศษตนนั้นจนตกตาย

หลังจากที่จัดการนายพลทักษะพิเศษขึ้นสูงสองตนนี้ไปได้ นี่ทำให้แรงกดดันในการต่อสู้ของกองกำลังเทียนเว่ยนั้นลดลงไปอย่างมาก

“เฉินเฉียง นี่มันจะไม่ล้ำเส้นข้อตกลงของเราไปหน่อยรึไง เราตกลงว่าจะไม่เข้าไปยุ่งไม่ใช่เหรอ หรือว่าเจ้าเองก็ต้องการให้ข้าผิดสัญญาจริงๆ”

“หากว่าเจ้ายังเข้าไปยุ่ง ก็จงอย่าโทษข้าที่เข้าไปร่วมซะล่ะ”

เฉินเฉียงได้มองไปยังหยานเสวี่ยที่พูดออกมาด้วยท่าทางจริงจังแล้วตอบกลับไป “องครักษ์หยาน ขอก็คงได้แต่ต้องบอกท่านไปนะว่าการกระทำของข้านั้นไม่ได้ผิดกฎในเรื่องที่ว่าข้าจะไม่ร่วมสู้ แต่ข้าแค่เข้าไปช่วยเหลือเพียงเท่านั้น”

“อย่างเม่ยหลัวหลันคนนั้น นางเป็นแม่บ้านประจำกองข้า หากขาดนางไปแล้วข้าจะทำยังไงหากไม่มีนางน่ะ”

“หรืออย่างเจ้าอ้วนคนนั้น เขาชื่อว่าหวังต้าลู่ เขาคือเทพเงินตราประจำกองกำลังหรือก็คือผู้คุมด้านการเงินของข้า ข้าเองขาดเขาไปไม่ได้จริงๆ”

หลังจากเฉินเฉียงพูดจบ เขาได้ปิดตาลงเพื่อรับรู้สถานการณ์การสู้รบอย่างเต็มพิกัดและได้ตะโกนขึ้นมาอีกครั้ง “พี่ใหญ่ ศิษย์พี่ชุยหยันหลันตกอยู่ในอันตราย รีบช่วยนางเร็วเข้า”

หยานเสวี่ยได้ชี้ไปที่ชุยหยันหลันที่อยู่ข้างใต้ไม่ห่างนัก แล้วถามออกมา “แล้วคนนี้ล่ะ อย่าบอกนะว่านางเองก็สำคัญ”

“อ้อ นางเป็นคนรักของศิษย์พี่ใหญ่ข้าน่ะ ข้าย่อมไม่ปล่อยให้นางเป็นอะไรอยู่แล้ว”

“ฉิงเชิน ระวังหลังไว้ เจิ้งยี่ ดูแลนางให้ดี หากว่านางเป็นอะไรไปข้าจะทำให้เจ้าต้องนึกเสียใจอย่างแน่นอน”

“โอ้ แล้วฉิงเชินอะไรนั่นล่ะ นางเป็นใครสำหรับเจ้า นี่เจ้าถึงกับให้องครักษ์ของเจ้าดูแลนางขนาดนั้น”

“องครักษ์หยาน กับฉิงเชินนั้นข้าว่าท่านเองก็ควรจะไม่ให้เกิดอะไรขึ้นกับนางนะ ท่านคงยังไม่ลืมเว่ยหยวนตี้ที่ทำให้ท่านบาดเจ็บเมื่อตอนงานประลองสี่สำนักกระมัง เขาคือพ่อของนาง”

“และนอกจากจะเป็นลูกสาวของเขาแล้วเธอยังมีสถานะอย่างอื่นอีก”

เฉินเฉียงยังคงตะโกนคนของตนและแนะนำอย่างต่อเนื่อง ในท้ายที่สุดหยานเสวี่ยก็อดจะเอ่ยออกมาเสียมิได้

“เฉินเฉียง จากที่ได้ยินมานี่เจ้าดูเหมือนว่าต้องการปกป้องคนทั้งกองกำลังเลยไม่ใช่รึไง นี่เจ้าต้องการให้ข้าดูคนของข้าตกตายทั้งหมดโดยคนของเจ้าเฉยๆอย่างนี้เหรอ”

“ถูกต้อง” เฉินเฉียงพูดออกมาอย่างมั่นหน้า “องครักษ์หยาน คนเหล่านี้คือคนของข้า พวกเขานั้นตายไม่ได้ หากท่านต้องการจะฆ่าพวกเขานั้นก็อย่างที่บอกนั่นแหละ ท่านต้องข้ามศพข้าไปก่อน”

“เจ้า…หึ เฉินเฉียง ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ทำเกินไปนัก อย่าได้ลืมว่าราชาสวรรค์นั้นส่งเจ้าไปในเผ่าพันธุ์มนุษย์เพื่อคอยส่งข้อมูลให้กับพวกเรา เจ้าอย่าได้ทำให้ท่านราชาสวรรค์ต้องผิดหวัง ไม่อย่างนั้นล่ะก็ หึ่ม อย่าว่าแต่เพื่อนของเจ้าเลย ตัวเจ้าข้าก็ไม่ละเว้น”

“เรื่องนั้นองครักษ์หยานอย่าได้เป็นกังวลไป” เฉินเฉียงตอบออกไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เหตุผลที่ข้าทำอย่างนี้ส่วนหนึ่งก็เพื่อเป็นกำลังให้ราชาสวรรค์นั่นแหละ หากแม้แต่ชีวิตพวกเขาข้ายังรับประกันไม่ได้ แล้วเรื่องอื่นนั้นข้าจะทำให้ใครวางใจข้าได้ล่ะ”

“องครักษ์หยาน ข้าสัญญากับท่านได้เลยว่าข้านั้นไม่ต้องการมีส่วนในการต่อสู้จริงๆ หนึ่งนั้นคือข้าไม่ต้องการให้ท่านทำให้กองกำลังของข้าต้องพบเจอความยากลำบากอย่างเกินกำลัง อีกส่วนนั้นคือข้าต้องการให้พวกเขาฝึกปรือฝีมือให้เลิศล้ำมากยิ่งขึ้น”

เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้ตะโกนใส่เจิ้งยี่ “เจิ้งยี่ จะยืนทำซากอะไรห้ะ รีบใช้พลังจอมเขมือบสิเฮ้ย”

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset