ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก – ตอนที่ 229 ศัตรูที่แข็งแกร่ง

บทที่ 229 ศัตรูที่แข็งแกร่ง

เฉินเฉียงที่พึ่งจะฟื้นคืนค่าพลังจิตอย่างสมบูรณ์ดีนั้นได้กล่าวเตือนทุกคนในทันทีเพราะในตอนนี้มีภัยอันตรายรุมร้อบด้านอยู่ในขณะที่หลู่ฟางและพวกกำลังขุดแร่แก่นวิญญาณ

และในตอนนี้ ร่างกว่าสิบกว่าร่างกำลังพุ่งตรงมาทางพวกเขา

เมื่อได้ยินการกล่าวเตือนของเฉินเฉียง หลู่ฟางและพวกได้กระโจนออกมาจากหลุมที่กำลังขุดแร่ในทันที

“ศิษย์น้องเล็ก เกิดอะไรขึ้นที่ว่าศัตรูที่แข็งแกร่งน่ะ”

เมื่อเทียบกับเฉินเฉียงแล้ว หลู่ฟางและคนอื่นๆนั้นมีพลังจิตที่อ่อนด้อยอย่างสิ้นเชิง อย่างมากพวกเขาก็รับรู้ได้เพียงระยะสี่ถึงห้าเมตรเพียงเท่านั้น

เฉินเฉียงได้ชี้ไปทางใต้ด้วยท่าทางจริงจัง “ศิษย์พี่ใหญ่ ดูเหมือนว่าไอ้พวกมนุษย์กลายพันธุ์พวกนั้นจะเจอผู้ช่วยแล้วนะ”

“แถมคราวนี้นั้นมีระดับนายพลทักษะพิเศษขั้นสูงอย่างน้อยๆก็แปดตนอีกด้วย”

“ดูเหมือนว่าพวกมันจะเตรียมตัวมาอย่างดีในคราวนี้”

เพียงเสียงของเฉินเฉียงได้จบลง มนุษย์กลายพันธุ์สองตนได้บินเข้ามาในครรลองสายตาของพวกเขา พร้อมทั้งพวกของมันอีกหกสิบถึงเจ็ดสิบตน รายล้อมเฉินเฉียงและพวกเอาไว้

“นายท่านหยาน เป็นไอ้สองคนนั่น”

ผู้นำกลุ่มที่เป็นเพียงนายพลทักษะพิเศษขั้นกลางที่เหลือได้ชี้ไปที่เฉินเฉียงและเจิ้งยี่และพูดออกมาราวกับจะฟ้องเจ้านาย “ไอ้สองคนนั้นมันเป็นมนุษย์กลายพันธุ์แท้ๆแต่ยังช่วยมนุษย์เล่นงานพวกเรา ยิ่งไปกว่านั้นคือไอ้เจ้ากระบี่ทองคำนั่นยังเขมือบนายกองของเราไปอีกครับ”

เป็นตอนนี้ที่เฉินเฉียงและเจิ้งยี่ได้มองหน้ากันก่อนที่จะหันไปมองคนที่มนุษย์กลายพันธุ์อีกฝ่ายพามาด้วยความประหลาดใจ

“องครักษ์หยาน…เหรอ”

อย่างไรก็ตาม หยานเสวี่ยไม่ได้มีท่าทางประหลาดใจแต่อย่างใด “เฉินเฉียง ข้าบอกเจ้าแล้วไงว่าไม่ว่าเจ้าจะอยู่ที่ไหน ข้า ก็หาเจ้าพบอย่างแน่นอน”

เฉินเฉียงได้เกาหัวแกร๊กๆในทันทีและพูดออกมาด้วยความรำคาญ “องครักษ์หยาน ท่านต้องการอะไรอีกล่ะ”

ที่เขาถามออกไปนั้นเพราะเขานั้นไม่รู้จริงๆว่า หยานเสวี่ยทำยังไงถึงได้หาเขาพบ

แถมยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าเขานั้นปลอมแปลงรูปลักษณ์ หยานเสวี่ยนั้นราวกับเห็นเขาแล้วก็รู้ได้ในทันทีตั้งแต่แรกเห็น

นี่ยิ่งทำให้จมูกของเขานั้นชื้นขึ้นมาด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

มนุษย์กลายพันธุ์ที่พา หยานเสวี่ยมาเองก็ได้มองไปที่เฉินเฉียงด้วยความประหลาดใจและกล่าวออกมา “นายท่านหยาน ท่านรู้จักพวกมันเหรอครับ แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม นายท่านหยานโปรดล้างแค้นให้กับกัปตันของพวกเราด้วย”

หยานเสวี่ยได้มองไปที่นายพลทักษะพิเศษขั้นกลางที่พูดออกมาอย่างดูแคลนแล้วพูดออกมา “ข้าไม่ต้องการให้คนอย่างเจ้ามาชี้นิ้วสั่งข้าคนนี้ว่าต้องทำอะไรไม่ต้องทำอะไร อย่าได้บังอาจมาสั่งข้าคนนี้”

เป็นตอนนี้ที่ หยานเสวี่ยได้ชี้นิ้วของเธอขึ้นมา “ไป สังหารพวกมันซะ แน่ใจว่าเหลือศพพวกมันไว้อย่างดีเพื่อที่จะได้ฝังแผ่นแก่นพลังงานในร่างพวกมัน”

เพียงสิ้นเสียงคำสั่งของ หยานเสวี่ย เหล่านายพลทักษะพิเศษก็ได้พุ่งเข้าใส่เฉินเฉียงและพวก

“เฉินเฉียง องครักษ์หยานนั้นเป็นองครักษ์ของเจ้าไม่ใช่รึไง”

“แล้วทำไมเธอไปอยู่กับพวกกลายพันธุ์ล่ะ”

“หรือว่าเธอเองก็เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ด้วยเหมือนกัน”

“พี่ใหญ่ ข้าบอกตอบตรงเลยนะว่าเลิกถามได้เลย ตอนนี้ข้านั้นไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเรื่องถึงกลายเป็นแบบนี้”

เฉินเฉียงนั้นไม่รู้จริงๆว่าเขาจะอธิบายออกมายังไงดีเหมือนกันเกี่ยวกับเรื่องที่ว่าเธอนั้นพามนุษย์กลายพันธุ์มาหาพวกเขา นั่นก็เพราะด้วยความสามารถของเธอแล้ว เขาไม่มั่นใจอะไรสักนิดว่าเขาจะรับมือเธอได้

“กัปตัน ให้ข้ารับมือองครักษ์หยานเอง”

เจิ้งยี่ได้เตรียมที่จะพุ่งเข้าใส่ หยานเสวี่ยที่ยังคงมีใบหน้าสงบนิ่ง แต่เป็นเฉินเฉียงได้ห้ามปรามไว้

“เจิ้งยี่ เจ้าเองก็เห็นความสามารถขององครักษ์หยานมาแล้วนา ต่อให้เจ้าฝืนสู้อย่างสุดความสามารถก็ไม่ใช่คู่มือนางหรอก ให้ข้าจัดเอง เจ้าก็ไปช่วยเหลือคนในกองกำลังจัดการพวกมนุษย์กลายพันธุ์ก็แล้วกัน”

หลังจากพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้กลางปีกบินตรงไปหา หยานเสวี่ย

ถึงแม้ว่า หยานเสวี่ยนั้นจะนำมนุษย์กลายพันธุ์มามากมาย แต่คนที่แข็งแกร่งที่สุดนั้นมีเพียงเธอเพียงเท่านั้น

ตราบใดที่เขาตรึง หยานเสวี่ยไว้ได้ กองกำลังเทียนเว่ยย่อมปลอดภัย

เมื่อเห็นว่าเฉินเฉียงพุ่งตรงมายังเธอ ใบหน้าที่น่ารักพร้อมหมวกที่มีผ้าไหมปิดบังใบหน้าไว้นั้นก็ได้ยิ้มออกมาเล็กน้อย เธอได้นำมือของเธอไพล่หลังและลอยตัวอยู่กลางอากาศ โดยไม่คิดจะลงมือหรือหลบหนีแต่อย่างใด

เมื่อเห็นฉากนี้แล้ว เฉินเฉียงได้ยืนขึ้นตรงหน้า หยานเสวี่ยพร้อมดาบดั้นเมฆในมือ แล้วถาม หยานเสวี่ยออกมาอย่างสับสน “องครักษ์หยาน ท่านไม่คิดจะลงมืองั้นรึ”

“อะไรกัน เฉินเฉียง นี่เจ้าอยากจะให้ข้าลงมือจริงอย่างงั้นรึไง” หลังจากพูดจบ หยานเสวี่ยก็ได้ดึงดาบน้ำแข็งออกมา ก่อนที่จะตวัดดาบไปมาจนกลายเป็นรูปดอกไม้งาม และถามออกมาอย่างทีเล่นทีจริง

เฉินเฉียงเมื่อได้ยินก็เริ่มมีสีหน้าลนลาน

ตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันนั้น เฉินเฉียงยังคงไม่หลงลืมมาจนถึงทุกวันนี้ว่า หยานเสวี่ยนั้นความจริงแล้วมีฝีมือในเพลงกระบี่ที่สูงที่สุดเท่าที่เขานั้นเคยพานพบเจอ และเขาจำได้อย่างฝังใจนับแต่ที่เธอได้ใช้เพลงกระบี่ของเธอช่วยเขาจากหลินฟาน

ถึงแม้ว่าเฉินเฉียงเองจะมีทักษะทรงพลังอย่างเคลื่อนย้ายพริบตา แต่เขาก็เคยพ่ายแพ้มาแล้วตอนที่เจอกับเหยี่ยวทองคำ และนี่เองก็หมายความว่ามีโอกาสที่เขานั้นจะไม่อาจทำอะไรเธอได้เพราะทั้งกระบวนท่าและท่าเท้าของเธอนั้นเหนือล้ำกว่าเขาซะอีก

ยิ่งไปกว่านั้นคือ หยานเสวี่ยนั้นได้ช่วยเขามามากมายหลายครั้งจึงทำให้เขานั้นไม่อยากจะประหัตประหารกับเธอถึงขั้นเป็นตาย

หากเลี่ยงการต่อสู้ได้คือดีที่สุดแล้ว

และตราบใดที่เธอไม่ลงมือ กองกำลังของเขานั้นยังไงก็จะชนะ

“ไม่ไม่ไม่ องครักษ์หยาน ข้าไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ข้าหมายความว่าจะดีกว่าหากพวกเราต่างก็ไม่ต้องลงมือ”

เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงก็ได้เก็บดาบดั้นเมฆกลับไป

หยานเสวี่ยเองก็ได้เก็บกระบี่น้ำแข็งของเธอไปเช่นกัน

“เฉินเฉียง ข้าได้ยินว่าไอ้เด็กเวรที่ติดตามเจ้าในครานั้นเป็นมนุษย์กลายพันธุ์นี่นา เจ้าเป็นคนทำมันให้เป็นอย่างนั้นรึ”

“ห้ะ เอ่อออ ใช่ เจิ้งยี่เป็นเป้าหมายที่ข้าต้องทำให้เป็นมนุษย์กลายพันธุ์น่ะ เฉินเฉียงยกเหตุผลสมอ้างขึ้นมาในทันที”

“ฮ่าฮ่าฮ่า ดี ดูเหมือนว่าราชาสวรรค์จะดูคนไม่ผิดจริงๆ แถมดูเหมือนว่าคนในกองกำลังของเจ้านั้นรับรู้ว่าเจ้าเป็นมนุษย์กลายพันธุ์แล้วแต่ก็ยังฟังคำสั่งจากเจ้าอีก นี่ช่างเหนือความคาดหมายนัก”

“ถูกต้องแล้ว องครักษ์หยาน กองกำลังของข้าเองก็เป็นหนึ่งในเป้าหมายที่เข้าต้องการพัฒนาด้วยเช่นกัน”

เมื่อพูดออกไปแล้ว เฉินเฉียงก็พลันนึกสิ่งหนึ่งขึ้นมาในใจก่อนที่จะลองทำตามในสิ่งที่คิดดู “องครักษ์หยาน ท่านเองก็คงจะเห็นแล้วเหมือนกันว่ากองกำลังของข้านั้นมีความสามารถดีขนาดไหน”

“ตราบใดที่ท่านให้เวลาข้าอีกสักหน่อย ข้าเชื่อว่าพวกเขาต้องพร้อมที่จะทำงานให้กับราชาสวรรค์ได้อย่างแน่นอน”

“ดังนั้นจะดีกว่าหากเราไม่ต้องสู้กัน”

“ไร้สาระ” หยานเสวี่ยตอบกลับออกมาได้อย่างไม่ต้องคิด ก่อนที่เธอจะชี้ไปที่หลู่ฟางและพวก “เฉินเฉียง พวกมันนั้นแค่ฆ่านายพลทักษะพิเศษได้เพียงไม่กี่ตนเท่านั้น แถมพวกมันยังเป็นเผ่าพันธุ์มนุษย์อีก ตราบใดที่พวกมันเป็นมนุษย์ พวกมันก็ถือว่าเป็นศัตรูกับพวกเรา”

“หากในวันนี้พวกมันไม่ได้เป็นมนุษย์กลายพันธุ์ล่ะก็ อย่าหวังว่าพวกมันจะได้ออกไปจากที่นี่”

“หากเจ้ายินดีที่จะทำตามที่ข้าบอก ข้ายินดีที่จะให้พวกมันเข้าร่วมกับราชาสวรรค์เลยก็ยังได้ แล้วข้าจะสั่งหยุดการโจมตีในทันที”

เฉินเฉียงที่ได้ยินก็ส่ายหัวไปมาแล้วตอบออกไป “องครักษ์หยาน ข้านั้นได้รับคำสั่งให้อยู่ร่วมกับเผ่าพันธุ์มนุษย์ หากว่าข้าทำตามที่พูดมาจริงแล้วข้าจะไปได้ข้อมูลอะไรกัน”

“แล้วก็นะ หากองครักษ์หยานคิดจะทำอะไรมนุษย์เหล่านี้ล่ะก็ ข้ามศพข้าไปก่อนเลยแล้วกัน”

หยานเสวี่ยยักไหล่ไปหนึ่งทีและพูดออกมา “เฉินเฉียง แม้ว่าราชาสวรรค์นั้นจะมอบภารกิจให้ข้าปกป้องเจ้า แน่นอนว่าข้าย่อมไม่อาจทำอะไรเจ้าได้”

“แต่ก็ดูเหมือนว่าเจ้านั้นจะกังวลว่าข้านั้นจะทำอะไรกองกำลังของเจ้าใช่ไหมล่ะ”

“ได้ เจ้าไม่ต้องกังวลในเรื่องนั้น ตราบใดที่เจ้าไม่ลงมือ ข้าเองก็สัญญาว่าจะไม่เคลื่อนไหว ไม่แม้แต่จะทำร้ายคนของเจ้า”

“ข้าล่ะอยากรู้จริงๆว่ากองกำลังของเจ้าที่ภูมิใจนักหนานั้นแข็งแกร่งสักเท่าไหร่กัน”

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

ผมมีระบบย่อยสลายในวันสิ้นโลก

Status: Ongoing
ฉินเฉียงรู้สึกตัวอีกครั้งก็มาอยู่ในยุค ที่มีสัตว์อสูร และผู้บ่มเพาะพลังเสียแล้ว ด้วยความบังเอิญเขาได้ใช้มือสัมผัสกับซากสัตว์อสูร ทำให้คนธรรมดาแบบเขาได้รับสายเลือดพิเศษ หลังจากที่เขาศึกษาระบบนี้ทำให้รู้ว่า เขาสามารถดูดความสามารถดั้งเดิมแบบสุ่มของซากศพได้ ไม่ว่าจะเป็นสัตว์อสูร หรือแม้แต่มนุษย์ ด้วยความสามารถนี้ทำให้เฉินเฉียงมั่นใจ ว่าเขาจะมีชีวิตรอดในยุคโลกาวินาศนี้ได้ ยิ่งเขาฆ่า!มากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

Comment

Options

not work with dark mode
Reset