ยอดนักรบจอมราชัน – ตอนที่ 310 วิสัยทัศน์ของการปฏิรูปอุตสาหกรรมของชาติ

ตอนที่ 310 วิสัยทัศน์ของการปฏิรูปอุตสาหกรรมของชาติ
สถานที่นัดพบนั้นอยู่ในโรงน้ำชาภายใต้แก๊งฝูชิงซึ่งเป็นอาคารสไตล์ศาลาโบราณและมีรูปลักษณ์การตกแต่งอันหรูหรา และจากระยะไกลๆ ก็เหมือนว่าเราจะสามารถได้กลิ่นหอมของชาลอยออกมา

ภายใต้การนำทางของโย่วซวนนั้นเย่เชียนก็เดินตามโย่วซนเข้าไปในโรงน้ำชาภายในห้องส่วนตัวบนชั้นสอง ซึ่งภายในห้องเซี่ยตงไป่ก็นั่งอยู่ข้างในและมีชายวัยกลางคนจำนวนสองสามคนนั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเขาซึ่งทุกคนล้วนอยู่ในชุดสูทและรองเท้าหนังด้วยท่าทางที่สง่าผ่าเผยและน่าเกรงขาม แต่เมื่อสังเกตจากสีหน้าและการวางตัวของคนเหล่านั้นแล้วก็ดูเหมือนว่าความน่าเกรงขามของพวกเขาจะถูกสยบด้วยแรงกดดันที่มองไม่เห็นของเซี่ยตงไป่ ส่วนข้างๆ ของเซี่ยตงไป่นั้นก็มีหญิงสาวคนหนึ่งอายุประมาณยี่สิบห้าหรือยี่สิบหกปีนั่งอยู่ เธองดงามและผมยาวสลวยและสวมผ้าคลุมไหล่อยู่แต่เธอนั้นไม่ได้มีร่องรอยของความอ่อนแอเลยและดูเหมือนว่าเธอนั้นจะมีความสามารถมากและไม่ธรรมดาเลยทีเดียว

เมื่อเห็นเย่เชียนมาเซี่ยตงไป่ก็รีบลุกขึ้นยืนและชายวัยกลางคนทั้งสามคนที่อยู่ในห้องๆ ก็ยืนขึ้นเช่นกัน “น้องเย่..เราไม่ได้ไปรบกวนการพักผ่อนหรอกใช่มั้ย?” เซี่ยตงไป่ถามด้วยรอยยิ้ม เจ้าพ่อมาเฟียคนนี้ที่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาอยู่เสมอซึ่งดูเป็นมิตรและเข้าถึงได้ง่ายแต่ถ้าหากใครที่เคยเห็นเขาโกรธจริงๆ แล้วล่ะก็คนคนนั้นจะรู้ดีว่าผู้ชายที่ดูเหมือนจะอ่อนโยนและใจดีคนนี้เมื่อเขาได้จุดไฟและระเบิดโทสะขึ้นมาเมื่อไหร่ล่ะก็เขาจะน่ากลัวอย่างยิ่งและแม้แต่เมืองหลวงในฤดูหนาวยังถึงกับต้องมอดไหม้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด

เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆ และพูดว่า “ไม่หรอกครับ..คนเราไม่สามารถผ่อนคลายได้นานๆ หรอกครับ..เพราะเมื่อเราผ่อนคลายเราก็จะกลายเป็นคนขี้เกียจ”

“ฮ่าๆ ..อย่าฝืนจนเกินไปมันเป็นเรื่องที่ดีที่จะผ่อนคลายเป็นครั้งคราวบ้าง..มาๆ ..ให้ฉันแนะนำสหาย!” เซี่ยตงไป่จับมือของเย่เชียนด้วยสองมือของเขาอย่างอ่อนโยนและแนะนำชายวัยกลางคนเหล่านั้นให้รู้จักกับเย่เชียน ซึ่งพวกเขาเหล่านั้นเป็นนักธุรกิจที่ยิ่งใหญ่และโดดเด่นเป็นแนวหน้าของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเองเย่เชียนก็ไม่รู้จนกระทั่งถึงตอนนี้เพราะตัวตนของเซี่ยตงไป่นั้นเป็นถึงประธานหอการค้าจีนที่ยังคงแขวนอยู่กับเขา ซึ่งแน่นอนว่าพวกเขาจะต้องคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เพราะการทำธุรกิจในประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ซึ่งเป็นธรรมดาที่นักธุรกิจยักษ์ใหญ่เหล่านี้จะมาขอความช่วยเหลือจากเซี่ยตงไป่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งเซี่ยตงไป่เองที่เป็นคนจีนมาอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่นแต่ทว่าอำนาจและอิทธิพลของเซี่ยตงไป่นั้นยิ่งใหญ่กว่าพวกนักธุรกิจแนวหน้าเหล่านี้มาก

เมื่อแนะนำตัวของเย่เชียนให้พวกเขาแล้วเซี่ยตงไป่นั้นก็อธิบายอย่างคลุมเครือเล็กน้อยเพราะเขาไม่ได้อธิบายตัวตนที่แท้จริงของเย่เชียนเลยซึ่งเซี่ยตงไป่บอกแค่ว่าเย่เชียนเป็นพี่น้องที่ดีที่สุดของเขาเองและเย่เชียนก็มีธุรกิจใหญ่ๆ ในต่างประเทศรวมไปถึงประเทศจีน ซึ่งเย่เชียนเองก็พึงพอใจกับประเด็นนี้มากเพราะเซี่ยตงไป่ทำสิ่งต่างๆ โดยไม่เคยปริปากบอกคนเหล่านี้เลยว่าเย่เชียนนั้นเป็นราชาหมาป่าที่ยิ่งใหญ่แห่งโลกทหารรับจ้าง

เมื่อคนเหล่านั้นเห็นว่าเซี่ยตงไป่สุภาพเคารพและเป็นกันเองกับเย่เชียนถึงขนาดนี้แล้วมากพวกเขาก็ย่อมมีความอ่อนน้อมถ่อมตนและให้เกียรติผู้ที่เรียกได้ว่าเป็นถึงน้องชายของผู้นำแก๊งเจ้าพ่อฝูงชิงที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ เพราะแน่นอนว่าบุคคลเช่นนี้จะเป็นคนธรรมดาๆ ง่ายๆ ได้อย่างไร ส่วนเย่เชียนเองก็ทักทายพวกเขาทีละคนอย่างสุภาพเช่นกันและยิ่งไปกว่านั้นคนเหล่านี้ล้วนเป็นนักธุรกิจชาวจีนที่รู้จักกันดีและเข้ามายิ่งใหญ่ในประเทศญี่ปุ่นซึ่งในอนาคตอุตสาหกรรมของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปที่จะมาพัฒนาในประเทศญี่ปุ่นนั้นจำเป็นจะต้องร่วมมือกับพวกเขาอย่างแน่นอน

และแล้วในที่สุดเซี่ยตงไป่ก็ชี้ไปที่ผู้หญิงเพียงคนเดียวที่อยู่ในที่แห่งนี้พร้อมกับยิ้มเล็กยิ้มน้อยและแนะนำให้เย่เชียนว่า “น้องเย่..นี่คือสาวน้อยเซี่ยจือยี่! ”

“คุณเย่สวัสดีค่ะ!” เซี่ยจือยี่ทักทายอย่างสุภาพและนอบน้อม

หากไม่ได้เห็นด้วยตาของเขาเองหรือได้ยินด้วยหูของเขาเองแล้วล่ะก็เย่เชียนก็คงจะไม่เชื่อว่าหญิงสาวที่งดงามคนนี้จะเป็นทายาทของแก๊งเจ้าพ่อมาเฟียฝูชิงในอนาคต เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆ และพูดว่า “พ่อเสือมีลูกเสือที่ไม่สิ้นลายจริงๆ ..คุณเซี่ยเป็นกุลสตรีที่ยอดเยี่ยมมากครับ..ยินดีที่ได้รู้จักครับ”

“คุณเย่ชื่นชมฉันมากเกินไปแล้วค่ะ..เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างฉันยังมีอะไรต้องเรียนรู้อีกมากมาย..ฉันต้องขอบคุณและรบกวนคุณเย่เพราะฉันต้องรบกวนคุณเย่อีกมากมายเลยในอนาคต” เซี่ยจือยี่พูดด้วยรอยยิ้ม ผู้หญิงที่เกิดมาจากอารยธรรมคู่ของประเทศญี่ปุ่นและประเทศจีนนั้นเป็นมากกว่ากุลสตรีชาวจีนอย่างแน่นอน เธอผู้นี้ต้องแข็งแกร่งกว่าผู้หญิงชาวญี่ปุ่นและผู้หญิงชาวจีนเป็นแน่

“คุณผู้หญิงเซี่ยก็สุภาพกับผมเกินไป..” เย่เชียนพูดด้วยรอยยิ้มที่งุนงงและเชื่องช้า

เซี่ยตงไป่ก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “มาๆ ..นั่งลง..นั่งลงเถอะ..เดี๋ยวจะมืดค่ำไปเสียก่อน” เซี่ยตงไป่พูดและดึงเย่เชียนไปนั่งลงข้างๆ เขา

“ท่านผู้นำ..ฉันขอตัวกลับไปจัดการเรื่องบางอย่างก่อน!” โย่วซวนพูด

“อ่า..ไปเถอะ” เซี่ยตงไป่ยิ้มและพูด เนื่องจากโย่วซวนนั้นคอยติดตามเขามานานแล้วและช่วยเขาแก้ปัญหาต่างๆ มามากมายและสุภาพและอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างมาก ซึ่งโย่วซวนเป็นทั้งผู้ช่วยและหัวหน้าที่ยอดเยี่ยมและไม่ว่าจะเป็นวิธีการหรือแผนการใดๆ ล้วนยอดเยี่ยมทั้งนั้น ซึ่งอาจพูดได้เลยว่าการมีส่วนร่วมของโย่วซวนนั้นเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับแก๊งเจ้าพ่อมาเฟียฝูจิงที่จะประสบความสำเร็จในทุกวันนี้เลยก็ว่าได้

ทุกคนก็กำลังดื่มชาและพูดคุยเกี่ยวกับข้อเท็จจริงในสภาพเชิงธุรกิจของประเทศญี่ปุ่นและเงื่อนไขต่างๆ ของประเทศจีน เมื่อพูดถึงเศรษฐกิจแล้วนักธุรกิจชาวจีนที่มีชื่อเสียงเพียงไม่กี่คนในประเทศญี่ปุ่นนี้ก็เห็นได้ชัดว่าพวกเขาไม่มีความใส่ใจและออกความคิดเห็นน้อยมาก อย่างไรก็ตามพวกเขาก็เป็นถึงนักธุรกิจที่มีความสามารถเฉพาะตัวและเศรษฐกิจของประเทศญี่ปุ่นที่พวกเขาวิเคราะห์นั้นก็เฉียบขาดกว่าเซี่ยตงไป่และเย่เชียนมาก

เย่เชียนกับเซี่ยตงไป่นั้นก็คอยรับฟังอย่างระมัดระวังโดยใส่ความคิดเห็นของตัวเองเป็นครั้งคราวและมีเพียงเซี่ยจือยี่เท่านั้นที่ยังคงนิ่งเงียบตั้งแต่ต้นจนจบและเป็นหญิงสาวที่สงบเสงี่ยมอย่างมาก

ในบางแง่ถึงแม้ว่าเย่เชียนนั้นจะไม่อยากยอมรับก็ตามแต่ถึงยังไงมันก็ไม่มีอะไรที่เขาสามารถทำได้เพราะเทคโนโลยีบางอย่างในประเทศญี่ปุ่นนั้นดีกว่าของประเทศจีนมาก และก็ไม่มีใครรู้ได้ว่านักวิจัยและผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศจีนนั้นไม่ได้เรื่องหรือว่านักวิจัยด้านการพัฒนาเทคโนโลยีของประเทศญี่ปุ่นนั้นเก่งกันแน่ซึ่งทั้งหมดทั้งมวลก็ยังไม่มีใครทราบได้แน่ชัด

ในแง่ของการผลิตรถยนต์นั้นเหตุใดจึงมีอุตสาหกรรมสายการผลิตรถยนต์จำนวนมากจากประเทศญี่ปุ่นที่เข้ามาประกอบการในประเทศจีน นั่นก็เพราะว่าเนื่องจากอุตสาหกรรมการผลิตรถยนต์ในท้องถิ่นของจีนนั้นไม่สามารถดำเนินการได้และไม่มีจิตวิญญาณแห่งนวัตกรรมและการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีที่เอื้ออำนวยพอ แต่ทว่าประเทศจีนก็มุ่งเน้นในด้านพลังงานและทรัพยากรที่ได้ร่วมมือกับผู้ผลิตรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่นและประเทศญี่ปุ่นเองก็พยายามจัดหาฝ่ายช่างเทคนิคและนักวิจัยเพื่อส่งมาให้ความช่วยเหลือในการพัฒนาอุตสาหกรรมของประเทศจีน

กล่าวอีกนัยหนึ่งก็อาจจะเป็นความเฉยเมยของบริษัทเหล่านั้นเองเพราะพวกเขาไม่ได้ใช้มาตรการฟื้นฟูอุตสาหกรรมระดับชาติซึ่งมันก็เป็นความรับผิดชอบของพวกรัฐบาล แต่เพื่อผลกำไรแล้วพฤติกรรมเหล่านั้นก็ไม่ควรใช้เสมอไป เมื่อฟังคำพูดของคนเหล่านี้แล้วคิ้วของเย่เชียนก็ขมวดกันแน่นเพราะการฟื้นฟูอุตสาหกรรมระดับชาตินั้นไม่ได้เป็นเพียงสโลแกนหรือนโยบายในฝันเท่านั้น แต่มันต้องการความสามัคคีอย่างมากจากหลายๆ ฝ่ายเช่นกันและยิ่งไปกว่านั้นเย่เชียนมีความรู้และความเข้าใจในเชิงธุรกิจน้อยมากซึ่งหลังจากฟังพวกเขาแล้วเย่เชียนก็ตระหนักถึงความสำคัญของธุรกิจที่มีต่อชาติและประเทศเพราะการที่จะรวมประเทศอื่นๆ ทั้งทางเศรษฐกิจและทางเทคโนโลยีนั้นมันไม่ใช่การรุกรานประเทศที่แอบแฝงเอาไว้หรอกหรือ?

เย่เชียนนั้นได้เห็นมากับตาแล้วว่าซ่งหลันได้ใช้ทรัพยากรจำนวนมหาศาลของเครือน่านฟ้ากรุ๊ปเพื่อความพยายามร่วมกันกับต่างประเทศเพื่อการลงทุนทางการเงินต่างๆ เพื่อทำให้เศรษฐกิจของอเมริกาใต้ยุ่งเหยิงและได้รับผลกำไรมหาศาลในทันที ซึ่งมันแสดงให้เห็นว่าการรุกรานทางเศรษฐกิจนั้นน่ากลัวกว่าการรุกรานด้วยดาบและปืนอีกเพราะนี่คือสงครามเย็นที่ไม่มีเสียงเตือนนั่นเอง

ตอนเที่ยงเซี่ยตงไป่ก็จัดงานเลี้ยงในโรงแรมของเขาเองเพื่อเลี้ยงรับรองพวกเขา ซึ่งม่อหลง,ชิงเฟิง,หวงฟู่เส้าเจี๋ยก็กลับมายังโรงแรมแล้วทั้งหมดและพวกเขาก็ไม่ได้สร้างปัญหาใดๆ เลย ซึ่งการหุนหันพลันแล่นและการผยองเกรี้ยวกราดเกินตัวของชิงเฟิงนั้นลดลงไปมากซึ่งดูเหมือนว่าเรื่องผู้หญิงจะมีอิทธิพลอย่างมากต่อผู้ชาย คำว่ากุลสตรีเป็นดั่งหลุมฝังศพของสุภาพบุรุษดูเหมือนจะเป็นเรื่องจริง

ในมื้อเที่ยงนั้นผู้คนก็ไม่ได้พูดถึงประเด็นที่หลากหลายอีกต่อไปโดยพูดคุยเกี่ยวกับกิจวัตรประจำวันของแต่ละคนอย่างผ่อนตลายและบรรยากาศก็ดูสงบมาก ส่วนเซี่ยจือยี่เองก็ยังคงไม่แสดงความคิดเห็นและจ้องมองสิ่งต่างๆ ด้วยความเย็นชาและสงบเสงี่ยม แต่บางครั้งเธอก็ลุกขึ้นเพื่อรินไวน์ให้เย่เชียน,ม่อหลงและคนอื่นๆ ซึ่งทัศนคติของเธอนั้นก็ค่อนข้างเป็นมิตรและถ่อมตัวอย่างมาก

“นี่ๆ ..บอส! ..ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครหรอ” ชิงเฟิงโน้มตัวเข้าไปใกล้ๆ เย่เชียนและถามเบาๆ

“คนไหน?” เย่เชียนถามด้วยความประหลาดใจ

“โถ่บอสคิดว่าใครล่ะ..ที่นี่มีผู้หญิงคนเดียว!” ชิงเฟิงพูด

“อ๋อ..เธอคือคุณผู้หญิงเซี่ยจือยี่ลูกสาวของเซี่ยตงไป่..ทำไม? ..นายตกหลุมรักคนอื่นแล้วงั้นเหรอ?” เย่เชียนพูดด้วยความประหลาดใจเพราะน้องชายคนนี้เพิ่งจะตกหลุมรักนากาจิมะชินนะไปเมื่อเร็วๆ นี้แล้วทำไมเขาถึงตกหลุมรักเซี่ยจือยี่อีกแล้ว? ดูเหมือนว่าน้องชายคนนี้จะไม่รู้จักพอเสียจริง

“ไม่! ..บอสก็ดูผู้หญิงคนนั้นสิ..เธอกำลังมองพี่ม่อหลง..ผมคิดว่าเธอต้องชอบพี่ม่อหลงแน่ๆ” ชิงเฟิงพูดด้วยท่าทางการวิเคราะห์อย่างเจ้าเล่ห์

เย่เชียนก็หันหน้าไปมองด้วยความประหลาดใจแต่ก็เห็นแค่ว่าเซี่ยจือยี่กำลังพยักหน้าให้กับม่อหลงและเธอก็แค่รินไวน์ให้กับม่อหลงแค่นั้นแล้วมันจะเป็นอย่างที่ชิงเฟิงพูดได้อย่างไร เมื่อเห็นเช่นนั้นเย่เชียนก็อดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูดว่า “เห้อ..นายนี่มัน..เอาเถอะๆ ..อย่าพูดอะไรที่มันไร้สาระเลย..ดูแลตัวเองให้ดีๆ ก่อนเถอะ”

ชิงเฟิงแลบลิ้นออกมาเล็กน้อยและปิดปากของเขาไปอย่างเชื่อฟัง

หลังจากที่ดื่มไวน์กันไปสักพักหนึ่งแล้วงานเลี้ยงมื้อเที่ยงก็จบลงด้วยบรรยากาศที่เงียบสงบ เหล่าบรรดานักธุรกิจหลายรายต่างก็ลุกขึ้นเพื่อกล่าวคำอำลาเย่เชียนซึ่งเย่เชียนก็ยืนขึ้นเพื่อจับมือกับพวกเขาทีละคนพร้อมกับเซี่ยตงไป่และแลกเปลี่ยนนามบัตรกัน หลังจากนั้นม่อหลงก็ยิ้มให้เย่เชียนและหลังจากนั้นเย่เชียนก็หันไปยิ้มให้เซี่ยตงไป่และพูดว่า “ขอบคุณมากครับพี่ใหญ่สำหรับมื้อเที่ยงนี้..ถ้างั้นช่วงบ่ายนี้ผมขอตัวออกไปเดินดูรอบๆ แถวนี้ก่อนนะครับ”

“อืม..เมืองหลวงโตเกียวในฤดูหนาวนี้ช่างสวยงามมาก..โอ้ใช่..น้องเย่เองก็ไม่ได้มาญี่ปุ่นตั้งนานแล้ว..เพราะงั้นให้เสี่ยวยี่ไปกับน้องเย่ด้วยเพื่อให้เธอช่วยแนะนำสิ่งต่างๆ ให้เป็นไงล่ะ?” เซี่ยตงไป่พูด

“อ้อ..ผมไม่กล้ารบกวนคุณผู้หญิงเซี่ยหรอกครับ..เราไปกันเองได้ครับพี่ใหญ่” เย่เชียนพูด

“ไม่เป็นไรค่ะคุณเย่..ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ช่วยแนะนำคุณเย่ในสิ่งต่างๆ ของเมืองนี้ค่ะ!” เซี่ยจือยี่พูดต่อ “นอกจากนี้คุณเย่ก็เป็นแขกของเราด้วย..เพราะงั้นผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้จะกล้าละเลยได้ยังไงคะ”

“เอาหน่าน้องเย่..อย่าปฏิเสธเธอเลย” เซี่ยตงไป่พูดต่อ “มันจะง่ายกว่านะถ้าให้เสี่ยวยี่แนะนำสิ่งต่างๆ ของเมืองนี้น่ะ..ถ้าน้องเย่มีปัญหาอะไรเสี่ยวยี่จะได้จัดการได้เลย..แบบนั้นไม่ดีกว่าหรือ?”

เย่เชียนก็ยิ้มเบาๆ อย่างเกรงใจซึ่งเมื่อคิดว่าสิ่งที่เขากำลังจะไปทำนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่และนอกจากนี้ก็ไม่มีอะไรที่ต้องปิดบังเซี่ยตงไป่เลย เย่เชียนจึงยิ้มเบาๆ และพูดว่า “ถ้างั้นผมก็ขอรบกวนคุณผู้หญิงเซี่ยด้วยนะครับ”

“เชิญค่ะคุณเย่!” เซี่ยจือยี่พูดด้วยท่าทางที่สุภาพ

เย่เชียนกล่าวคำอำลาเซี่ยตงไป่ด้วยรอยยิ้มและเดินออกไปโดยมีม่อหลงและชิงเฟิงและหวงฟู่เส้าเจี๋ยเดินตามมา

“คุณเย่อยากไปไหนหรอคะ” เซี่ยจือยี่ถามหลังจากขึ้นรถ

เย่เชียนเหลือบมองไปที่ม่อหลงซึ่งนั่งอยู่เบาะหลัง เมื่อได้ยินเย่เชียนถามแล้วม่อหลงก็พูดขึ้นมาว่า “ไปที่สวนศาลเจ้า”

เซี่ยจือยี่ก็นิ่งไปครู่หนึ่งแล้วก็ยิ้มเล็กยิ้มน้อยและพูดว่า “คุณม่อดูเหมือนจะรู้จักเมืองนี้เป็นอย่างดีเลยนะคะ..เพราะนอกจากวัดเซ็นโซจิแล้วสวนศาลเจ้าแห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่คุณสามารถสัมผัสถึงวัฒนธรรมของญี่ปุ่นได้มากที่สุด..และแม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะมีขนาดไม่ใหญ่นักก็ตาม..แต่ข้างในก็มีประตูโทริอิแดงสำหรับสวดมนต์และผู้พิทักษ์ในตำนานของญี่ปุ่นก็ล้วนมีลักษณะที่โดดเด่นเช่นกัน”

“ประตูโทริอิคืออะไรหรอ” หวงฟู่เส้าเจี๋ยถามด้วยความประหลาดใจ

“เป็นเครื่องรางที่เทียบเท่ากับพระเครื่องหรือพระธาตุในประเทศจีนค่ะ” เซี่ยจือยี่พูด

.

.

.

.

.

.

.

ยอดนักรบจอมราชัน

ยอดนักรบจอมราชัน

อ่านนิยาย ยอดนักรบจอมราชัน
Status: Ongoing
เรื่องย่อ เขาคือผู้ปกครองที่อยู่เหนือเหล่าทหารรับจ้างและหน่วยรบพิเศษ เขาคือผู้น่าเกรงขามที่สามารถทำให้ผู้นำประเทศแต่ละประเทศถึงกับสั่นคลอน! เพื่อพวกพ้องของเขาแล้วเขาพร้อมที่จะเสียสละตัวเอง เพื่อครอบครัวของเขา..เขาก็ไม่ลังเลที่จะหลั่งเลือด! เขานั้นดุจดั่งมังกรที่ทยานขึ้นเหนือสรวงสวรรค์.. พลังของเขานั้นทำให้ได้มาซึ่งชัยชนะ ไม่ว่าสถานการณ์จะเสียเปรียบและย้ำแย่เพียงใดก็ไม่มีสิ่งใดสามารถหยุดเขาได้ แม้ว่าจะเป็นสายลมหรือผืนน้ำก็ตาม… ————————————– ————————————– ..โปรย.. ชายหนุ่มผู้เป็นดั่งจุดสูงสุดของเหล่าทหารรับจ้าง..ผู้ที่หวนกลับคืนสู่บ้านเกิดเพื่อจะใช้ชีวิตที่แสนธรรมดา..แต่โชคชะตากลับนำพามาเจอแต่เรื่องวุ่นวาย..ชายที่มีนามว่า ‘เย่เชียน’ ถูกขนานนามว่า ‘ราชันหมาป่า’ แต่กลับต้องมาปลอมตัวใช้ชีวิตเป็นเด็กมหาวิทยาลัยเพื่อที่จะปกป้องหญิงสาวจากองกรค์นักฆ่านานาชาติ…

Comment

Options

not work with dark mode
Reset