รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 23 คนสามคนที่ยังคงกัดไม่ปล่อย

บทที่ 23 คนสามคนที่ยังคงยังคงกัดไม่ปล่อย
“คุณเป็นอะไรไปเนี่ย!” ความโกรธของฉินหลั่งพุ่งทะยานขึ้นมาทันที
“ไม่เป็นไร คุณ…มาได้ยังไง?” เมื่อครู่จงยู่เอาแต่ใจจดใจจ่อกับการใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์ฆ่าเชื้อ เลยไม่ได้สนใจตอนที่ฉินหลั่งเดินเข้ามา เธอก้มหน้าก้มตา พร้อมกับใช้มือปกปิดหน้าตนเอง
“เปิดให้ฉันดูสิ…” ฉินหลั่งนั่งลงด้านข้างจงยู่ จากนั้นก็คว้ามือของเธอเอาไว้ แล้วพยายามแงะมือจงยู่ออกมา ระยะใกล้ขนาดนี้ก็เห็นรอยแผลที่อยู่บนหน้าของจงยู่ มันยิ่งทำให้เขาตกใจมากกว่าเดิม แถมยังมีรอยแผลหนึ่งที่กำลังบวมเป่งจนเลือดไหลซึมออกมา
“บอกฉันมา ใครเป็นคนทำให้คุณตกอยู่ในสภาพนี้ได้?” ฉินหลั่งจ้องมองด้วยความปวดใจ
“เจิ้งเย่น…เป็นคนทำ แต่ว่าไม่เป็นไร พวกเธอก็แค่ชนฉันครั้งสองครั้งเอง…” จงยู่พูดแถไปเรื่อย
“นักศึกษาสาวสามคนที่เจอที่หาเรื่องเธอที่ร้านอาหาร Food moment วันนั้นใช่มั้ย! ฉันจะไปหาพวกนั้นเดี๋ยวนี้!” พูดเสร็จ ฉินหลั่งก็ลุกขึ้นยืนพร้อมทั้งเตรียมจะไปแก้แค้นพวกเจิ้งเย่น
“อย่าไป!” จงยู่รีบคว้าตัวฉินหลั่งเอาไว้ “พวกเธอไม่ใช่คนที่คุณว่าจะง่ายดายขนาดนั้น เจิ้งเย่นมีคนคอยหนุนหลังอยู่ คุณไปหาเรื่องพวกเธอ คนที่จะได้รับผลเสียที่สุดก็คือพวกเราเอง”
“งั้นก็ให้พวกเธอคอยมาราวีคุณไปอย่างนี้ตลอดใช่ไหม?” ฉินหลั่งขมวดคิ้วจ้องมองจงยู่
จงยู่โดนฉินคลั่งพูดใส่แบบนี้ให้ ทำได้แต่ส่ายหัวไปมาเล็กน้อย พร้อมทั้งพูดเสียงอ้อมแอ้ม “ฉันทำเพื่อคุณ ต่อไปฉันก็แค่ต้องคอบหลบพวกเธอก็พอแล้ว”
“ได้” ฉินหลั่งใจอ่อน ในเวลานี้จงยู่ได้แต่คำนึงถึงความปลอดภัยของตนเอง เด็กโง่แบบนี้ ทำไมถึงได้จิตใจดี แต่กลับต้องมาเจอกับเรื่องพรรค์นี้ด้วย?
“ไป ฉันจะพาคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย…’ ฉินหลั่งดึงมือจงยู่ขึ้นมา เพื่อจะพาตัวไป
“ไม่ต้อง โรงพยาบาลมันแพง ฉันไม่ได้มีเงินมากมายขนาดนั้น” จงยู่ยืนอยู่ที่เดิม พร้อมทั้งพูดจาอ้อมแอ้ม
“ก็ไม่ได้ให้คุณจ่ายเงินนี่” ฉินหลั่งต้องมองจงยู่อย่างเบื่อหน่าย พร้อมทั้งไม่พูดพร่ำทำเพลงดึงเธอไปทางโรงพยาบาล
รอยแผลของจงยู่ก็ได้รับการรักษาอย่างรวดเร็ว จากนั้นฉินหลั่งก็จ่ายเงิน
“ขอบคุณคุณนะ เงินพวกนี้ต่อไปฉันต้องหาเงินมาคืนให้คุณได้” จงยู่จ้องมองฉินหลั่ง พร้อมทั้งรู้สึกว่ามีความสุขเป็นอย่างมาก เมื่อครู่คอยเป็นห่วงเป็นใยเธอ จนเธอรู้สึกสัมผัสได้ เพราะไม่เคยมีผู้ชายคนไหน ที่เหมือนฉินหลั่งที่กำลังใส่ใจเธอแบบนี้มาก่อนเลย
“ค่อยว่ากัน” ฉินหลั่งจะสนใจเรื่องเงินพวกนี้ไหม “ตอนนี้คุณยังไม่ได้กินข้าวใช่ไหม ฉันจะพาคุณไปกินข้าวที่เซียนหย่าจุน!”
“เซียนหย่าจุน?” จงยู่เบิกตาโตให้ เพราะว่าเธอไม่คิดไม่ฝันว่าจะไปกินข้าวที่เซียนหย่าจุนเลยด้วยซ้ำ
อย่าพูดถึงเซียนหย่าจุนเลย ขนาดข้าวราดแกงที่โรงอาหาร 15 หยวน ถึงเวลานี้จงยู่ยังไม่เคยกินมาก่อนเลย
“ไม่เอาดีกว่า มันแพงมากนะที่นั่น ฉันคิดว่าข้าวที่โรงอาหารก็อร่อยมากแล้วแหละ…” จงยู่ยังพูดไม่ทันจบ ฉินหลั่งก็ยิ้มให้พร้อมทั้งส่ายหัวไปมา จากนั้นก็ลากมือจงยู่เดินมุ่งหน้าออกไปทางมหาวิทยาลัยอย่างดื้อดึง “ไปกับฉันก็พอแล้ว วันนี้คุณก็แค่กินเข้าไป เรื่องอื่นไม่ต้องคิด”
พอมาถึงเซียนหย่าจุน ในใจจงยู่ยังรู้สึกว่าหวาดระแวงอยู่แต่เดิม เพราะว่าดูฉินหลั่งจากภายนอก สถานะก็ไม่ได้ดูแตกต่างจากเธอไปสักเท่าไหร่ แต่เขากลับมาที่เซียนหย่าจุนเลยเหรอ คงไม่ได้อยากเรียกเสียงหัวเราะขึ้นมาใช่ไหม?
แต่ว่าจากการที่ฉินหลั่งสั่งอาหารเสร็จแล้วนั้น หัวใจหนักอึ้งของจงยู่ถึงได้เบาใจลง
เธอคิดว่าฉินหลั่งคนนี้ช่างทำตัวลึกลับมาก อีกอย่างท่าทางเหมือนเป็นคนที่เผชิญหน้ากับโลกกว้างมาแล้ว
“คุณรอผมอยู่ที่นี่ ผมขอไปห้องน้ำก่อน เดี๋ยวกลับมา” ฉินหลั่งพูดเสร็จ ก็เดินไปทางห้องน้ำ
จงยู่นั่งอยู่คนเดียว มองไปทางซ้าย มองไปทางขวา เธอไม่เคยมาที่ร้านอาหารหรูหราแบบนี้มาก่อนเลย สำหรับเธอแล้วทุกอย่างมันดูน่าสนใจไปหมด
“จงยู่เหรอ?” มีเสียงพูดออกมาด้วยความสงสัยดึงขึ้นมาทางด้านหลัง
จงยู่เริ่มตัวเกร็งอีกครั้ง มือทั้งสองข้างกำมือแน่น เธอฟังออกว่า คนที่พูดนั่นคือเจิ้งเย่น
“อืม ขยะจริงๆ ด้วย ฉันคิดว่าฉันจำผิดคนซะอีก” เจิ้งเย่นยืนอยู่ตรงหน้า พร้อมทั้งจ้องมองเธออย่างดูถูก
นอกจากเจิ้งเย่นแล้ว ยังมีเด็กสาวอีกสองคน
“หลายวันมานี้ขยะชิ้นนี้เป็นโรคประสาทไปแล้วหรือไง? วันก่อนก็ไปกินข้าวที่Food moment วันนี้ก็หนักกว่าเดิม กล้ามากินข้าวที่ร้านเซียนหย่าจุน”
“หน้าไม่อาย เงินทุนการศึกษาของนักศึกษายากจน เงินพวกนี้ให้แกเอามาใช้สุรุ่ยสุร่ายแบบนี้ใช่ไหม ที่นี่ อาทิตย์หนึ่งเรามาแค่ครั้งเดียว แกจนขนาดไม่มีข้าวจะแดก มีสิทธิอะไรมานั่งกินข้าวที่นี่?”
พูดไป เจิ้งเย่นก็คุ้นชินกับการดึงผมของจงยู่ไป แค่ใช่แรงดึงเท่านั้น คอของจงยู่ก็เอนไปทางด้านหลัง จนต้นคอขาวโพลนโผล่ออกมา
“ขอร้องพวกเธอ อย่าทำร้ายฉันที่นี่เลย กลับไป พวกคุณอยากจะทำร้ายฉันยังไงก็ตามสบาย” จงยู่ไม่อยากให้ฉินหลั่งมาเห็นภาพที่เธอกำลังถูกทำร้าย
เมื่อได้ยินเสียงจงยู่ร้องขอชีวิต เจิ้งเย่นกับพวกทั้งสามคนยิ่งรู้สึกได้ใจมากกว่าเดิม แต่ละคนยิ้มอย่างดีใจไม่น้อยหน้ากัน
“วันนี้ขยะชิ้นนี้กล้าเสนอความคิดให้พวกเรา ประหลาดจริง เมื่อก่อนเธอให้พวกเราทำร้ายได้อย่างสบายใจ อย่าพูดเรื่องขอร้องเลย ขนาดเสียงอื้ออึงตอบรับสักเสียงก็ไม่เคยมี”
“แกพูดว่าปล่อยแกไปก็ให้ปล่อยแกไปงั้นสิ งั้นพวกเราก็เสียหน้างั้นสิ” เจิ้งเย่นพูดอย่างเย็นชา เธอดึงเส้นผมของจงยู่ พร้อมทั้งใช้แรงดึงผมไปทางด้านหลัง พร้อมทั้งขยับเข้าใกล้ใบหน้าจงยู่พร้อมทั้งพูดอย่างดุดัน “แกให้ฉันปล่อยแกไป ฉันจะไม่ปล่อยตัวแกไป ทำแบบนี้ก็จะรับรองได้ว่า แกมันก็ขยะดีๆ นี่เอง และจะเป็นหมาขี้เรื้อนใต้ตีนฉันตลอดไป!”
พูดจบ เจิ้งเย่นก็สะบัดจงยู่ พร้อมกับง้างมือขึ้น “เพี๊ยะ” มันคือเสียงตบหน้าจงยู่
รอยแผลบนใบหน้าเพิ่งจะทำความสะอาดเสร็จ ในเวลานี้การที่ถูกเจิ้งเย่นตบหน้า ทำให้แผลเริ่มปริอีกครั้ง มันเจ็บจี๊ด
จงยู่รีบวิ่งหนีไปให้ไกลๆ
“อีขยะ กลับมาฉันเดี๋ยวนี้”
“แกลองวิ่งสิ คืนนี้แกกลับไปที่หอพักฉันจะทำร้ายแกให้สมใจ!”
พวกของเจิ้งเย่นทั้งสามคนลงมือฉุดกระชากพร้อมทั้งตะคอกใส่จงยู่
จงยู่ก็ไม่ใช่คนโง่ ตอนนี้เธอแค่คิดที่จะไปจากตรงนี้ เพราะว่าการอยู่ที่นี่จะถูกพวกเจิ้งเย่นรังแก
ตอนที่จงยู่กำลังหนีหัวซุกหัวซุนอยู่นั้น เธอก็ชนเข้ากับร่างกายกำยำ
พอเพ่งมอง ก็เห็นว่าเป็นฉินหลั่ง! ความหนักใจของจงยู่ก็พังทลายลงมาบ้าง
ฉินหลั่งมองแวบเดียวจากอาการของจงยู่กับพวกเจิ้งเย่นสามคนนั้น ก็สามารถเดาได้ว่าเมื่อครู่เกิดเรื่องอะไรขึ้น ฉินหลั่งประคองจงยู่เอาไว้ พร้อมทั้งจ้องมองเจิ้งเย่นอย่างเลือดเย็น
“ยี้ นี่มันไม่ใช่คนจนอีกคนที่เจอที่ร้านFood moment เหรอ? สองคนนี้อยู่ด้วยกันแล้วเหรอ? ฮ่าๆ เหมาะสมกันจริงๆ!” เจิ้งเย่นไม่ได้มองฉินหลั่งแบบดีๆ เลย
“ฉันก็ว่าอยู่นังนี่ทำไมหลายวันนี้เอาแต่หลบอยู่แต่ข้างนอกได้นะ ที่แท้ก็ออกมาอยู่กับผู้ชาย ช่างเป็นจิ้งจอกแพศยาหน้าด้านจริงๆ อย่างแกก็เหมาะสมกับพวกคนจนไม่มีแดกแบบนี้แหละ” เด็กสาวอีกคนเป็นคนพูดสบถด่าถากถางออกมา
“ทำไมต้องทำร้ายเธอด้วย!” ฉินหลั่งถามกลับอย่างหมดอารมณ์ความรู้สึก
“ทำไม เราอยากจะทำร้ายคนจนคนหนึ่ง มันต้องมีเหตุผลด้วยเหรอ? จงยู่อยู่ที่หอพักของเรา ก็เหมือนหมาตัวหนึ่งที่คอยสร้างเสียงหัวเราะให้กับพวกเรา แกเคยได้ยินไหมว่าเจ้าของจะทำร้ายหมามันต้องมีเหตุผลไหมล่ะ ตลกสิ้นดี!” เจิ้งเย่นยิ้มเล็กน้อย พร้อมทั้งพูดดูถูก
“ฉันจะเตือนพวกคุณเอาไว้ ต่อไปอย่าคิดแตะต้องเธออีก” ฉินหลั่งกวาดตามองพร้อมทั้งพูดอย่างเย็นชาออกมาหนึ่งประโยค
“โอ้โห แกยังออกหน้ารับแทนนั่งนี่ใช่ป่ะ มาสิ มีปัญญาก็ลองแตะตัวฉันดูสิ? ฉันจะเตือนแกเหมือนกัน ต่อไปทางเราจะรังแกเธอให้หนักกว่าเดิมอีก แกจะมีปัญญาทำอะไรฉันได้ห๊ะ?” เจิ้งเย่นพูดจาอย่างเยาะเย้ย
ฉินหลั่งอยากจะลองตบหน้าเจิ้งเย่น แต่จงยู่ดึงเขาเอาไว้ก่อน พร้อมกับส่ายหน้าให้เขา
เวลานั้นเอง ก็มีผู้ชายเดินเข้ามาจากด้านนอก แต่งตัวทันสมัย น่าจะเป็นนัดทานข้าวกับเจิ้งเย่น เลยเดินตรงปรี่มาหาเจิ้งเย่น
“พี่เจิ้ง เกิดอะไรขึ้น ไอ้เด็กนี่มันทำให้พี่ไม่สบอารมณ์หรือเปล่า?” ผู้ชายที่ร่างกายกำยำชี้นิ้วมาทางฉินหลั่งพร้อมทั้งเอ่ยปากถามเจิ้งเย่น
“ไอ้โง่ บัดสบอย่างแกกล้ามาเสวนากับพี่เจิ้งอีกเหรอ? กูจะบอกคนอย่างมึงให้นะ พวกกูอยู่ในแก๊งชิงหลง ถ้ารู้เรื่องก็อย่ามาสนใจเรื่องพวกกู ถ้ายังมาทำให้พวกกูโมโห กูจะทำให้มึงอ้าปากหยอดน้ำข้าวต้มก็ยังไม่มีปัญญา!” ผู้ชายคนที่สักบริเวณต้นแขนเป็นคนพูดขึ้นมา
ส่วนผู้ชายอีกคนก็ใช้มือผลักฉินหลั่งอยู่ครั้งหนึ่ง “รีบไสหัวไป ระวังตัวว่ากูจะต่อยมึงเดี๋ยวนี้!”
“เราไปกันเถอะ” ฉินหลั่งคิดแค่อยากจะจัดการพวกมันทันที แต่ว่าจงยู่ดึงมือของเขาพร้อมทั้งพูดกระซิบกระซาบ
ฉินหลั่งคิดว่า ถ้าตอนนี้เขาจัดการพวกมันขึ้นมา มันไม่ใช่วิธีการที่ชาญฉลาด ตนเองบาดเจ็บไม่เป็นไร แต่ถ้าจงยู่ได้รับบาดเจ็บขึ้นมาอีกมันก็คงไม่ดี ดังนั้น เลยเดินมุ่งหน้าไปทางประตูพร้อมกับจงยู่ เพราะยังไงก็มีเวลา ถึงอย่างไรตนเองก็ต้องจัดการพวกของเจิ้งเย่นอยู่แล้ว
“ไม่ออกหน้ารับแทนแฟนแกแล้วเหรอ? โอ้โห ช่างขายหน้าจริงๆ ถ้าฉันมีแฟนเหมือนกับแก ฉันจะขอเลิกกับแกแน่นอน” เจิ้งเย่นยืนกอดอกยืนอยู่ด้านหลัง พร้อมทั้งจงใจพูดหัวเราะเยาะออกมา
“แก๊งชิงหลงมันคืออะไร?” เมื่อเดินออกมาจากร้านเซียนหย่าจุน ฉินหลั่งก็ถามจงยู่ทันที
“แก๊งชิงหลงมันก็คือแก๊งหนึ่งในมหาวิทยาลัยที่มีคนก่อตั้งขึ้น แก๊งนี้อำนาจแข็งแกร่งมาก พวกเจิ้งเย่นก็เป็นหนึ่งในแก๊งนั้นด้วย ดังนั้นฉันเลยดึงคุณเอาไว้ไง พวกเราไม่สามารถไปทำผิดกับพวกนั้นได้” จงยู่เอ่ยปากพูดออกมา
ฉินหลั่งไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะว่าในใจเขานั้นตัดสินใจอยู่เงียบๆ อยู่แล้ว ว่าต้องใช้อำนาจที่มีอยู่จริงๆ ของตนเอง เพื่อจะให้จงยู่รู้ว่า เขาคนอย่างฉินหลั่งไม่ใช่จะให้ใครมาลูบหัวเอาง่ายๆ
“ใช่สิ ฉันเตรียมตัวย้ายออกจาหอพัก” จงยู่จ้องมองตอนที่ฉินหลั่งเอ่ยปากพูด “ด้านนอกมหาวิทยาลัยฉันไปดูมาแล้ว ค่าห้อง 200-300หยวนเป็นห้องเดี่ยว ถึงแม้ว่าจะมีแค่เตียงเดียว ขนาดอินเทอร์เนตก็ไม่มี แต่ว่าฉันก็รู้สึกว่ามันดีมาก ฉันเตรียมจะไปเช่าแล้ว”
เมื่อฉินหลั่งได้ยินแบบนั้น ก็ชื่นชมอยู่ในใจอยู่มาก ถ้าจงยู่พักอยู่ข้างนอก ก็จะไม่โดนเจิ้งเย่นรังแกเอาได้
แต่ว่าค่าห้องพัก 200-300 หยวนมันดูลำบากไปไหม ฉินหลั่งเตรียมตัวหาห้องให้จงยู่และตนเอง ถึงเวลานั้นจงยู่คงดีใจและประหลาดใจมากๆ
ฉินหลั่งพาจงยู่มาพันแผลใหม่ จากนั้นก็ไปกินข้าวที่โรงอาหาร แล้วทั้งสองคนก็แยกกัน
เช้าวันต่อมา ฉินหลั่งก็เรียกรถแท็กซี่ เพื่อไปยังหมู่บ้านที่ชื่อว่า “ชุ่ยเต่าหัวถิง” ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยจีนหลิงมากนัก
ฉินหลั่งคิดแล้วว่า ตอนนี้ตนเองก็ไม่ใช่ไม่มีเงินซะที่ไหนกัน ทำไมต้องไปซื้อห้องห้องหนึ่งให้จงยู่อยู่ด้วยล่ะ? สู้ไปซื้อบ้านข้างนอกเลยดีกว่าสบายกว่ากันเยอะ
“ชุ่ยเต่าหัวถิง” เพิ่งจะเปิดเป็นหมู่บ้านได้ไม่นาน การคมนาคมสะดวกสบาย คุณภาพดีเยี่ยม อีกทั้งยังใกล้กับมหาวิทยาลัยจีนหลิง อุปกรณ์ครบครัน เป็นหมู่บ้านที่หรูหราที่สุดของเมืองจีนหลิง
ฉินหลั่งเดินตรงปรี่เข้าไปที่ฝ่ายขายทันที ด้านในมีพนักงานเป็นผู้หญิงที่สวยกันทุกคน เป็นพนักงานที่เป็นเซลล์ขายห้องชุดหนึ่งห้อง พวกเธอก็เสนอราคา 4-5 หมื่น! ดังนั้น ฉินหลั่งเคยได้ยินเพื่อนในห้องพูดกันว่า พนักงานสาวเซลล์ขายบ้านของที่นี่ ทำทุกอย่างเพื่อขายบ้าน ถึงแม้ว่ายอมให้ลูกค้าทำเรื่องที่น่าอับอาย
พนักงานสาวเซลล์ขายบ้านเห็นว่ามีแขกเดินเข้ามา ก็ยิ้มต้อนรับทันที แค่พอเห็นว่าฉินหลั่งเดินเข้ามา ใครก็ไม่สนใจเลย แต่งตัวอย่างกับคนจนไม่มีจะกิน เอาเวลามานั่งคุยเรื่องขายบ้านก็เสียเวลาไปเปล่าๆ

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset