รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 257 พวกเราพ่อลูกอยากไปร่วมงานแต่งของท่าน

บทที่ 257 พวกเราพ่อลูกอยากไปร่วมงานแต่งของท่าน
“เป็นพวกรัฐบาลออกหน้าปิดข่าวเรื่องนี้หรือเปล่า?” เห็นพ่อตนเองครุ่นคิดอยู่ในภวังค์ จงเส่นซานก็เอ่ยความเห็นของตนเองออกมา
“เป็นไปไม่ได้”
จงจิ่วเจินปฏิเสธอย่างเด็ดขาด “รัฐบาลของหลินอาน ไม่มีกำลังขนาดนั้น ต่อรัฐบาลมณฑลเจ้อเจียงมีกำลังความสามารถ แต่ตระกูลหยูยังไม่มีหน้าตาและชื่อเสียงขนาดนั้น แต่เป็นกำลังอื่นมากกว่า ที่มาปิดเรื่องนี้”
“กำลังอื่นอย่างนั้นหรือ? ตระกูลไหนของจีน ที่มีความกำลังความสามารถเช่นนั้น?” จงเส่นซานครุ่นคิดในใจ แต่ก็คิดไม่ออก ว่าจะมีตระกูลไหน ที่สามารถปิดข่าวนี้ยังเงียบสนิท
“แกไปคิดให้ดี ถ้าคิดไม่ออก ก็แสดงว่ากำลังอันนั้นไม่สามารถออกมาให้เห็นได้ชัดเจน” จงจิ่วเจินยิ้มมุมปาก เหมือนว่าจะเดาออกว่าเป็นใคร?
“ท่านพ่อจะบอกว่า…คือตระกูลฉิน” จงเส่นซานถึงบางอ้อ ช่วงนี้จงเส่นซานกำลังรับช่วงต่องานต่างๆ ของบ้านตระกูลจง หลายปีก่อน พ่อของเขาเคยบอกกับเขาว่า นั่นเป็นตระกูลที่ลึกลับ
“สามารถทำได้ขนาดนี้ มีเพียงตระกูลฉินที่เร้นกาย!” จงจิ่วเจินยิ้มเย็น ในฐานะที่เป็นตระกูลใหญ่แห่งเย็นจีน บ้านตระกูลจงรู้แน่ว่าเป็นตระกูลฉิน
“เรื่องนี้ไปเกี่ยวข้องกับตระกูลฉินได้อย่างไรกัน? อยู่ดีๆ เรื่องนี้ก็ซับซ้อนมากขึ้น” จงเส่นซานกล่าว
“มีอะไรซับซ้อน? บ้านตระกูลจงของพวกเราและพวกตระกูลฉินนั้น ถึงแม้จะมีทรัพย์สมบัติไม่เท่าพวกนั้น แต่พวกเราก็ไม่ขาดแคลนเงินทอง ทั้งสองตระกูลไม่คบค้าสมาคมกัน 30ปีก่อน เจ้าบ้านตระกูลฉิน ฉินป๋อสง ยังเคยเชิญพ่อไปเยี่ยมที่นั่น พื้นที่ของตระกูลฉินอยู่ที่ เกาะฟ้า ที่นั่นต้อนรับพ่อดีมาก บอกข้อเสนอดีให้ อยากจะให้พ่อเข้าร่วมกับพวกนั้น แต่พ่อปฏิเสธไป พ่อคิดว่าเรื่องนี้ ตระกูลฉินไม่น่าจะเข้ามายุ่งเกี่ยว”
จงจิ่วเจินพูดอย่างมั่นใจ
ตอนนั้นฉินป๋อสงได้นั่งตำแหน่งเจ้าบ้านได้ไม่นาน ตระกูลฉินก็ตกอยู่ในช่วงลำบาก ตระกูลฉินก็เลยอยากชักชวนให้ตระกูลใหญ่ที่มีชื่อเสียงในเย็นจีน มาร่วมด้วย แต่จงจิ่วเจินก็หยิ่งในศักดิ์ศรี ก็เลยปฏิเสธคำชักชวนของฉินป๋อสงไป
ต่อมา จงจิ่วเจินก็คิดขึ้นได้ ตระกูลฉินที่เร้นกาย นั้นยิ่งใหญ่ขึ้นทุกวัน ตอนนี้ได้เป็นตระกูลที่ใหญ่ที่สุดในแผ่นดิน ที่แห่งไหนบนโลกก็มีสาขาของตระกูลฉิน
จงจิ่วเจินก็ไม่ได้เสียดายที่ตอนนั้นไม่ได้ตอบตกลงข้อเสนอยอมรวมตัว แต่กลับภูมิใจเสียมากกว่า ตระกูลอื่นๆ ต่างก็แย่งกันเพื่อที่จะได้เข้าร่วมกับตระกูลฉิน ส่วนเขานะหรือ เจ้าบ้านตระกูลฉินมาเชิญเอง แต่เขากลับปฏิเสธไป เท่ห์เสียไม่มี
“เส่นซานเอ้ย หลงเถิงคนนี้จะต้องตาย เพราะว่ามันไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเราเลย ส่วนจงยู่ ก็ต้องรีบส่งตัวมา เลือดเนื้อของบ้านตระกูลจงไม่อาจไปอยู่ข้างนอกได้”
จงจิ่วเจินมองหน้าพูดกับจงเส่นซาน
“เช่นนั้น ผมจะพาอาจารย์หวังฝางไปจัดการเรื่องนี้” จงเส่นซานกล่าว ในฐานะที่เป็นตระกูลใหญ่แห่งเย็นจีน ลูกน้องของบ้านตระกูลจง มีคนเก่งมากมาย อาจารย์หวังฝางท่านนี้ ก็เป็นคนเก่งของบ้านตระกูลจงอยู่ และเป็นบุคคลมีชื่อเสียงในวงการการต่อสู้
“ไม่ได้” จงจิ่วเจินส่ายหัว แล้วพูดอย่างครุ่นคิดว่า “แกบอกเมื่อกี้ว่า ไม่ยอดฝีมือถูกทำร้ายจนแพ้ไป ก็แสดงว่า ครั้งนี้หลินอานอาจจะเกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นฝีมือของตระกูลฉินหรือไม่ แต่จะต้องมียอดฝีมืออยู่ที่หลินอานแน่ๆ พวกเราจะต้องส่งคนเก่งที่สุดออกไป เพื่อจะได้มั่นใจว่าจะไม่พลาด”
“ท่านพ่อจะให้ฝู้คาย อาจารย์ฝู้คายลงมือหรือ?” จงเส่นซานถาม ฝู้คายเป็นหนึ่งในคนที่เก่งที่สุดของบ้านตระกูลจง ถือว่าเก่งที่สุดแล้ว ในวงการการต่อสู้นั้น มีชื่อเสียงกว่าที่ฉินหลั่งเอาชนะนักพรตเต๋าขู่เสวียนเสียอีก ฝีมือก็เก่งกว่า
“ถูกต้อง พรุ่งนี้แกก็ไปเชิญอาจารย์ฝู้คาย แล้วไปหลินอานพร้อมกับเขา ไปฆ่าหลงเถิง รับตัวจงยู่กลับ จงจำไว้ว่า เรื่องนี้จะต้องทำให้แนบเนียน” จงจิ่วเจินมองจงเส่นซานแล้วสั่งการ
“ครับ ลูกทราบแล้ว!”
หลังจากจงเส่นซานรับคำสั่งแล้ว ก็ออกมาจากห้องหนังสือของจงจิ่วเจิน จงจิ่วเจินก็หยิบรูปใบนั้นมาดู มองรูปร่างของจงยู่ มือของเขาก็เริ่มสั่น ปากก็บ่นพึมพำ
“ถ้าตอนนั้นไม่มีเด็กคนนี้ จงเสวี่ยนเย่นก็จะไม่ต้องตาย เย่นเอ๋อลูกพ่อ ทำไมเจ้าไม่ฟังคำของพ่อบ้างนะ อยากแต่จะไปอยู่กับไอ้หลงเถิงนั่น หรือว่าเจ้าไม่รู้ ว่าทำเช่นนี้จะเป็นกำทำร้ายเจ้า…….”
ทางตระกูลหยูแห่งหลินอาน กลับมาถึงบ้าน หยูจื้อก็นั่งสบายๆ บนโซฟา ตอนนี้ก็ได้เบาใจขึ้นเสียที หยูหมิงก็นั่งลงที่โซฟา แต่เขากลับมีสีหน้าไร้อารมณ์ ในหัวมีแต่รูปร่างใบหน้าของจงยู่
ในใจของหยูจื้อมีคำถามอยู่ว่า ก่อนที่ฉินหลั่งจะไปได้ทิ้งท้ายไว้ประโยคหนึ่ง อะไรสักอย่างนะ? อะไรเกี่ยวกับ “ข้าไม่ใช่คนตระกูลฉินอีกแล้ว” ประมาณนี้
ตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของหยูจื้อก็ดังขึ้น เป็นการแจ้งเตือนข้อความ
พอเห็นหมายเลข หยูจื้อก็รีบนั่งตัวตรง หมายเลขนั้นเป็นของตระกูลฉินที่เร้นกาย เขาจำได้แม่นยำ ตอนนั้นที่ตนเองได้รับความช่วยเหลือจากตระกูลฉิน ก็คือหมายเลขนี้
แน่นอนว่า หมายเลขนี้ เขาไม่กล้าโทรไปหรอก ต่อให้โทรไป ก็ไม่มีคนรับ
ในความเป็นจริงแล้ว หมายเลขนี้เป็นของคนตระกูลฉิน เป็นหมายเลขที่ใช้รายงานต่อตระกูลฉิน ต้องมีตำแหน่งอยู่ ถึงจะใช้หมายเลขนี้ได้ หยูจื้อมีฐานะเป็นเจ้าบ้านที่ใหญ่ที่สุดของหลินอาน ก็เลยได้สิทธิ์นั้น หยูจื้อเปิดข้อความอ่าน มีข้อความเพียงไม่กี่ประโยค
“ตั้งแต่วันนี้ ตระกูลฉินได้ไล่ฉินหลั่งออกจากตระกูลแล้ว ต่อจากนี้ฉินหลั่งจะไม่ใช่คนของตระกูลฉินอีกต่อไป ถ้าฉินหลั่งขอความช่วยเหลือ สามารถละเลยได้ แจ้งเพื่อทราบ ศูนย์ข่าวตระกูลฉิน”
หยูหมิงเห็นแล้วก็รู้ได้ ที่แท้ฉินหลั่งหมายความว่าเช่นนี้นี่เอง เขาถูกไล่ออกจากตระกูลแล้วหรือ?
“พ่อ เป็นอะไรไป?” เห็นหยูจื้อมีสีหน้าตกใจ หยูหมิงก็เลยถาม
“ฉินหลั่งถูกไล่ออกจากตระกูลแล้ว” หยูจื้อบ่นพึมพำ
“อะไรนะ!” หยูหมิงถามอย่างสงสัย
“ฉินหลั่งถูกไล่ออกจากตระกูลแล้ว ตอนนี้เขาเป็นเพียงคนธรรมดาทั่วไป ไม่สามารถใช้กำลังของตระกูลฉินได้แล้ว” หยูจื้อเหมือนจะพูดกับหยูหมิง และก็เหมือนจะบอกตัวเอง
หยูหมิงก็ตกใจ แล้วก็พูดอย่างดีใจว่า “เช่นนั้นก็แปลว่า พวกเราก็ไม่ต้องกลัวมันแล้วสิ ผมก็สามารถไปแย่งจงยู่มาจากมันได้แล้ว”
หยูหมิงก็ยังคงไม่ลืมจงยู่
“ไม่ได้!” หยูจื้อรีบปฏิเสธความคิดของหยูหมิง
“เพราะอะไร ท่านพ่อ ไหนบอกว่ามันเป็นแค่คนธรรมดาแล้วไม่ใช่หรือ? พวกเราเป็นถึงตระกูลหยู จะจัดการคนธรรมดาคนหนึ่งไม่ได้หรือ?” หยูหมิงพูดอย่างไม่พอใจเล็กน้อย
“แกลืมกำลังการต่อสู้ของมันไปแล้วหรือ? ความสามารถแกนั้นนะหรือ ที่จะไปแย่งจงยู่จากมือมันมาได้” หยูจื้อโมโหพูด หยูหมิงจ้องผู้หญิงคนนี้มานาน โดยไม่สนใจธุรกิจของตระกูล ทำให้เขาไม่พอใจมาก
หยูหมิงถูกด่าจนไม่อยากพูดต่อ ในใจก็ไม่พอใจ ตนเองนั้นสู้ฉินหลั่งไม่ได้ แต่พวกตระกูลหยูก็สามารถไปเชิญคนมาสู้กับเขาได้
“จากที่พ่อมองคนมาหลายปีนี้ ถ้าเกิดว่าโชคดีละก็ ฉินหลั่งจะต้องได้เป็นใหญ่ ถึงแม้ตอนนี้เขาจะถูกไล่ออกจากตระกูล แต่ใครจะรู้ว่าอนาคตเขาอาจจะได้กลับตระกูลฉินก็ได้ และพ่อก็มีลางสังหรณ์ เมื่อฉินหลั่งกลับตระกูลฉินแล้วนั้น อาจจะได้รับช่วงต่อจากตระกูลฉิน”
หยูจื้อพูดความเห็นส่วนตัวออกมา
“แกไปคิดดู ตอนนี้ฉินหลั่งถูกไล่ออกจากตระกูลฉินแล้ว เป็นช่วงที่คนตกอับมากที่สุด ถ้าตอนนี้เราให้ความช่วยเหลือละก็ เขาก็ต้องขอบคุณพวกเรา แล้วพอเขากลับไปยังตระกูลฉิน เงินทองต้องเป็นของเราแน่ แกคิดว่าฉินหลั่งจะลืมบุญคุณพวกเราหรือ?”
“แต่นั่นก็ต้องรอฉินหลั่งกลับตระกูลฉินไปก่อนนะ ถ้าเกิดมันกลับไม่ได้ขึ้นมา พวกเราก็ไม่ช่วยไปสูญเปล่าหรือ?” ในใจหยูหมิงก็ไม่อยากไปญาติดีกับฉินหลั่ง เขาแค่อยากจะแย่งจงยู่มาเท่านั้น โอ๋เสร็จก็พาเข้าห้องดู๋ดี๋กัน
“เขาจะต้องได้กลับเข้าตระกูลฉินแน่นอน” ในใจหยูจื้อมีลางสังหรณ์
ถ้าเขารู้ ว่าตระกูลฉินหลายร้อยปีมานี้ ไม่เคยมีใครถูกไล่ออกจากตระกูล แล้วสามารถกลับเข้าตระกูลได้ เขาก็คงจะไม่คิดเช่นนี้
วันที่2 ฉินหลั่งก็พาจงยู่ไปร้านชุดแต่งงาน
เขาปรึกษากับจงยู่ ว่าจะแต่งงานคืนพรุ่งนี้ งานแต่งของพวกเขาจะเรียบง่าย หลงเถิงจะไม่เชิญญาติสนิทมาเลย มีเพียงหลงเถิงเท่านั้น และผู้หญิง “ลมดอกไม้หิมะ พระจันทร์” 4คนเข้าร่วมงาน งานแต่งจัดขึ้นที่บ้านพักตากอากาศของตระกูลหลง ทั้งหมดจัดในอาคาร ไม่ให้ใครมองเห็น
ฉินหลั่งช่วยจงยู่เลือกชุดที่เป็นสีขาวเรียบๆ แล้วให้พนักงานร้านเอาชุดจัดใส่กล่อง
หลังจากออกจากร้าน จงยู่ก็กอดแขนฉินหลั่ง แล้วนั่งในรถแท็กซี่ มาจนถึงตระกูลหยู ฉินหลั่งก็ได้ปรึกษากันแล้ว พวกเขาไม่อยากให้หยูหมิงเอะอะ ให้ภายนอกรู้แค่ว่า เขาและหลงหลิงยังมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เช่นนี้ ข่าวที่หลงหลิงออกจากตระกูลหยูก็จะไม่ถูกแพร่ออกไป
ในห้องรับแขก ฉินหลั่งเห็นสองพ่อลูกตระกูลหยู
“คุณชายฉิน ท่านมาแล้วหรือ!” หยูจื้อรีบออกมาต้อนรับ เขายังมองฉินหลั่งเป็นคุณชายใหญ่ตระกูลฉิน
“คุณชายฉิน” หยูหมิงทักทาย แต่ในใจเขาก็ไม่อยากทำ ฉินหลั่งไม่ได้เป็นคุณชายใหญ่ตระกูลฉินแล้ว แต่ตนเองก็ต้องทักทายเช่นนี้
“ประธานหยูเกรงใจไปแล้ว” ฉินหลั่งยิ้มพูด เขามองไปที่สาวรับใช้ที่กำลังเช็ดกระจกในห้องรับแขก หยูจื้อก็เลยรีบให้สาวรับใช้คนนั้นออกไป
ฉินหลั่งจูงมือจงยู่ แล้วนั่งลงที่โซฟา แล้วมองไปทางหยูจื้อ ยิ้มๆ พูดว่า “ประธานหยู ผมหวังว่าท่านจะไม่แพร่ข่าวที่คุณชายหยูกับหลงหลิง ก็คือจงยู่ได้หย่าร้างกันแล้ว มันจะดีต่อตระกูลหลงและกับตัวท่านด้วย ให้โลกภายนอกยังคิดว่าคุณชายหยูและหลงหลิง ยังเป็นสามีภรรยากันอยู่ ครึ่งปีให้หลัง ก็ค่อยๆ เปิดข่าวนี้ออกไป อย่างนี้ดีที่สุด ท่านคิดว่าเช่นไร?”
“คุณชายฉิน ท่านคิดตรงกับผมเลย ผมก็คิดเช่นนี้ กำลังอยากจะปรึกษาท่านกับจงยู่อยู่พอดี ผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง” หยูจื้อยิ้มพูด
“เช่นนั้นก็ดีเลย” ฉินหลั่งดีใจ เขายังคิด จะเกลี้ยกล่อมพ่อลูกตระกูลหยู จะต้องเสียเวลามากกว่านี้เสียอีก ไม่นึกว่าพวกเขาจะตอบตกลงง่ายๆ เช่นนี้ ฉินหลั่งกำมือของจงยู่ แล้วมองไปยังพ่อลูกตระกูลหยู พร้อมพูดว่า “แล้วยังมีอีกเรื่อง คืนพรุ่งนี้ ผมและจงยู่จะแต่งงานกันที่บ้านเก่าของตระกูลหลง”
ฉินหลั่งคิดว่าบอกพ่อลูกตระกูลหยูดีกว่า เผื่อวันข้างหน้าพวกเรารู้เข้า หยูหมิงจะรับไม่ไหว แล้วแพร่ข่าวออกไป
พอได้ยินฉินหลั่งพูด หยูหมิงก็ปวดใจ เขารู้สึกว่าของรักของตนเองนั้น กำลังจะถูกฉินหลั่งแย่งไปอีกแล้ว
“จริงหรือ เช่นนั้นพวกเราพ่อลูกก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าด้วย ท่านกับคุณจงเสมือนคู่สร้างคู่สม เห็นท่านทั้งสองได้สมรสกัน ผมก็ยินดีกับพวกท่านด้วย”
หยูจื้อก็ยกมือคำนับพูด “คุณชายฉิน งานแต่งวันพรุ่งนี้ พวกเราสามารถเข้าร่วมได้หรือไม่?”
“โอ๋ คืออย่างนี้นะ ประธานหยู ผมปรึกษากับจงยู่แล้ว จะเชิญแขกไม่กี่คนเข้าร่วมเท่านั้น จะไม่เชิญคนอื่น ท่านน่าจะเข้าใจดี เรื่องนี้ ต้องจัดให้เรียบง่ายดีที่สุด!” ฉินหลั่งกล่าว
“ผมทราบดี คุณชายฉิน เอาอย่างนี้ไหม คืนพรุ่งนี้ ผมจะพาไอ้ลูกชายคนนี้ไปร่วมงานแต่งเท่านั้น ส่วนคนอื่นจะไม่พาไปด้วย พวกเราสัญญาว่าจะช่วยเก็บความลับนี้ ท่านคิดว่าเช่นไร?” หยูจื้อยิ้มพูดเอาใจ
“เช่นนั้นหรือ ก็ได้” ฉินหลั่งบอกปัดไม่ได้ ได้แต่รับขอเรียกร้องของหยูจื้อ พูดจบ ฉินหลั่งก็พาจงยู่จากไป
“พ่อ ทำไมพ่อต้องไปงานแต่งของฉินหลั่งด้วย?” หยูหมิงถาม ในใจเขาอึดอัดมาก ตนเองไม่ได้ครอบครองจงยู่ แต่พ่อเขาก็ยังจะพาตัวเขาไปงานแต่งของฉินหลั่งอีก ให้เขาเห็นผู้หญิงที่ตนเองจ้องตาเป็นมัน ไปแต่งกับชายคนอื่น ต้องมาทนอะไรแบบนี้ เห็นแล้วก็คาวตา
“พ่อบอกแล้วไงว่า พวกเราจะต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือฉินหลั่ง ทำให้เข้ารู้สึกต่อเรา เช่นนี้ พอฉินหลั่งได้กลับตระกูลฉิน เขาจะไม่ลืมบุญคุณของตระกูลหยูแน่” หยูจื้อขมวดคิ้วพูด เจ้าลูกคนนี้ ตนเองกำลังจะช่วยสร้างมิตรภาพดีๆ ให้เขา เขากลับไม่พอใจเสียอย่างนั้น
หยูหมิงก็ยังไม่พอใจกับการตัดสินใจของพ่อตนเอง เขาก็ยังบ่นในใจ “ไอ้ฉินหลั่งนั่น มันไม่ได้กลับเข้าตระกูลฉินหรอก!”

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset