รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 300 พวกเขาเป็นพี่ใหญ่ของฉัน

คุณชายรวยรุ่นที่สองหลินอานเหล่านี้จะมองไม่ออกหรือไงว่านักข่าวที่รอกันอยู่หน้าประตูหัวเสร์ต้องการที่จะทำอะไรกัน? พวกเขาแค่อยากเห็นตระกูลอันดับหนึ่งในหลินอาน ตระกูลหยูพ่ายแพ้นั้นเอง!
วิธีนี้ข่าวที่พวกเขาปล่อยออกมาจะมีคนเข้าชมและสร้าง “กระแส” ได้มาก!
ผู้สื่อข่าวกลุ่มนี้ไม่สนใจเรื่องนี้ บริษัทหัวเสร์เป็นผลงานของตระกูลหยูที่สร้างมานานกว่า 30 ปีถึงได้มีวันนี้ มันไม่เพียงแต่ตระกูลหยูที่ล้ม แต่ยังสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจของหลินอานและจะมีพนักงานและครอบครัวอีกกี่คนที่จะได้รับผลกระทบนี้
สิ่งที่พวกเขาต้องเก็บคือภาพการพ่ายแพ้ พวกเขาไม่รู้สึกว่าพวกเขากำลังกินเลือดมนุษย์
“นักข่าวทุกคนฟังเอาไว้ หันกล้องมาที่ฉันให้หมด!”
ซุนเจี้ยนคุณชายรวยรุ่นที่สองหลินอานก้าวไปข้างหน้าและพูดเสียงดัง “เรามาที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทหัวเสร์ในวันนี้เพื่อแสดงให้ผู้ที่จงใจทำลายตระกูลหยูรู้ว่าตระกูลหยูได้รับการสนับสนุนจากครอบครัวอื่นๆในหลินอาน และเป็นไปไม่ได้ที่จะเอาชนะพวกเราได้อย่างง่ายดาย! ตระกูลหยูจะเป็นแนวหน้าของเศรษฐกิจหลินอานเสมอ บริษัทหัวเสร์จะประสบความสำเร็จเสมอ!”
คุณชายรวยรุ่นที่สองหลินอานคนอื่นๆพูด
“ใช่! เราสนับสนุนตระกูลหยู!”
“ยิ่งลำบากมาเพียงใด พวกเราก็ยิ่งรวมกันเหนี่ยวแน่นขึ้น!”
“ตระกูลหยูจะไม่ล้ม! พวกที่จะเล่นงานเรา พวกคุณคงต้องกลับไปมือเปล่าแล้ว!”
……………………….
หม่าหยางก็เรียนรู้จากคำพูดของคนอื่น “ตระกูลหยูจะผ่านพ้นวิกฤตในไม่ช้าและจะแข็งแกร่งกว่าเดิม!”
เด็กหนุ่ม 30 คนของกลุ่มคุณชายรวยรุ่นที่สองหลินอานที่แสดงความคิดเห็นนั้นน่าตกใจจริงๆ! ต้องรู้ว่าความมั่งคั่งของตระกูลที่เป็นตัวแทนของคนรวยสองชั่วอายุคนในปัจจุบันเพิ่มขึ้นถึงเกือบ 80เปอร์เซ็นต์ของGDPในหลินอาน!
“แชะ
แชะ
แชะ…”
ชัตเตอร์ของกล้องของนักข่าวกะพริบอย่างต่อเนื่องบันทึกช่วงเวลานี้
“หลงหลิงของเราก็สนับสนุนตระกูลหยูด้วย! ตระกูลหยูจะดีขึ้นเร็วๆนี้!” อีกเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังของนักข่าวเมื่อทุกคนมองย้อนกลับไป ก็เจอเจ้าบ้านหลงหลิงหลงเถิงที่มาพร้อมกับลูกสาวคนที่สองของเขาหลงเย้น
หลงเย้นมากับพ่อของเธอที่หยูหมิงและบอกกับนักข่าวว่า “เหตุการณ์ครั้งนี้เห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนจงใจเล่นงานตระกูลหยู ปัจจุบันตระกูลหยูกำลังเผชิญกับปัญหามากมายในฐานะของคนสนิทของตระกูลหยู เรายังคงให้การสนับสนุนตระกูลหยู!”
ตอนที่ฉินหลั่งพาจงยู่กลับเย็นจีน ฉินหลั่งและจงเส่นซานก็เดินทางมาหาตระกูลหยูโดยเฉพาะ ข่าวเกี่ยวหลงหลิงจะต้องห้ามให้โรคภายนอกรู้
การแต่งงานของหยูหมิงและหลงหลิงยังคงมีอยู่ในนาม รอจนกว่าจะถึงเวลาที่เหมาะสม หยูหมิงจะประกาศว่าพวกเขาได้หย่าร้างกับหลงหลิงแล้ว ไม่ต้องให้คนนอกต้องสงสัยกัน
ดังนั้นในสายตาคนในหลินอาน หยูหมิงและหลงหลิงยังคงเป็นคู่สามีภรรยากัน
เพื่อไม่ให้ข่าวของจงยู่ถูกเปิดเผย หยูหมิงจึงประกาศให้โลกภายนอกรู้ว่าหลงหลิงภรรยาของเขา ออกเดินทางไปทั่วโลกตามลำพัง ดังนั้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมาจะไม่มีใครเห็นเธอ
ผู้สื่อข่าวรู้สึกว่าการสนับสนุนของหลงหลิง เป็นสิ่งที่สมควรและเป็นเรื่องปกติที่ครอบครัวจะต้องให้การสนับสนุนซึ่งกันและกัน
“คุณหลงหลิง ลูกสาวของคุณหลงหลิง ใช่ไหมที่ตระกูลหยูกำลังเผชิญกับวิกฤตที่รุนแรงเช่นนี้ จึงบินกลับมา ไม่ทราบว่าเธอจะมาปรากฏตัวเมื่อใด?” นักข่าวถามกันเป็นว่าเล่น
“หลงหลิงกังวลมากเกี่ยวกับสถานการณ์ปัจจุบันของตระกูลหยู เธอได้คุยกับหยูหมิงทางโทรศัพท์แล้ว เธอไม่สามารถกลับประเทศได้ชั่วคราวเนื่องจากปัญหาเรื่องวีซ่า แต่หัวใจของเธออยู่กับตระกูลหยูมาตลอด”
หลงเถิงโกหก เขาสามารถปกปิดเรื่องของหลงหลิงได้เพียงในตอนนี้เท่านั้น “สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ไม่ใช่ว่าหลงหลิงจะมาถึงตอนไหน แต่เป็นการช่วยตระกูลหยูแก้วิกฤตโดยเร็วที่สุด!”
“พ่อตา โอเค เราเข้าไปในห้องทำงานแล้วไปดูพ่อด้วยกันเถอะ?” หยูหมิงพูด เขารู้สึกประหลาดใจมากเกี่ยวกับการมาของหลงหลิง
“ดี!” หลงเถิงพยักหน้า
“พี่น้องไปกันเถอะ!” หยูหมิงพูดกับคุณชายรวยรุ่นที่สองหลินอาน
“โอเคคุณชายหยู!” คุณชายรวยรุ่นที่สองคนอื่นๆตอบตกลงและกลุ่มคนก็เดินเข้าไปในอาคารสำนักงานใหญ่ภายใต้คำพูดของหยูหมิง
ผู้สื่อข่าวที่หน้าประตูต้องการรีบเข้าไปสัมภาษณ์ ทุกคนต่างรีบร้อนราวกับต้องการออกจากท้องแม่แบบนั้น กลัวว่าจะไม่ได้เกิดใหม่ แต่ก็ถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขวางไว้
ในความเป็นจริงในเวลานี้เอง มีรถหรูคันหนึ่งขับมาถึงบริเวณใกล้เคียงกับอาคารหัวเสร์ด้วยเช่นกัน เขาจงใจไม่ปรากฏตัวที่หน้าสำนักงานใหญ่
ฉาวหนิงและพ่อของเขาฉาวเจี้ยนเฟิงนั่งอยู่ที่นั่น มองดูคุณชายรวยรุ่นที่สองหลินอานที่ต่อหน้านักข่าวก็สนับสนุนหยูหมิง เขาหัวเราะเยาะและพึมพำเบา ๆ
“เหอะ กลุ่มหมาเลียแข็งพวกนี้ ตระกูลหยูถูกกำหนดให้พ่ายแพ้แล้ว พวกนั้นยังคงเลียแข้งอย่างไร้สมอง เป็นกลุ่มมือสองจริงๆ! แต่กลับกันมองดูพวกมันก็ไม่เลว รอเมื่อฉันกลายเป็นคุณชายอันดับหนึ่งของหลินอาน แล้วพวกนายก็ต้องเลียแข้งฉันเหมือนหยูหมิง ให้ฉันดูว่าใบหน้านั้นน่าเกลียดแค่ไหนกัน!”
ฉาวหนิงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาหม่าฝูหรุ้ย
“คุณชายฉาว”
เสียงแสดงความเคารพของหม่าฝูหรุ้ยดังมาจากโทรศัพท์
“คุณพร้อมหรือยัง วันนี้ฉันจะรวบรวมทรัพย์สินทั้งหมดของตระกูลหยูภายใต้ชื่อของฉัน!” ฉาวหนิงพูดด้วยสายตาเย็นชา
ฉาวเจี้ยนเฟิงซึ่งนั่งอยู่ข้างๆ เขารู้สึกแปลกๆและรู้สึกกลัวเล็กน้อยที่เห็นความน่ากลัวทั่วตัวลูกชายของเขา
“รับทราบ คุณชายฉาว หลังจากที่คุณโทรบอกฉันทราบเมื่อวานนี้ ฉันก็เริ่มวางแผนจัดการตระกูลหยูทันที ตอนนี้ฉันได้ระดมผู้บริหารระดับสูง 11 คน เมื่อพวกเขาทั้งหมดลาออกมันจะกระทบกับบริษัทหัวเสร์อย่างมาก ซึ่งเกิดการสูญเสียถึง 1 พันล้าน!
อย่างไรก็ตามความต้องการของคนเหล่านี้ก็ค่อนข้างสูงเช่นกัน เงินที่พวกเขาต้องการเพิ่มขึ้นถึง 200 ล้าน ในขณะเดียวกันคุณต้องมั่นใจว่าคุณสามารถรักษาตำแหน่งปัจจุบันของพวกเขาได้ หลังจากที่คุณเข้ารับตำแหน่ง บริษัทหัวเสร์!”
“เหอะ…”
ฉาวหนิงหัวเราะเบาๆ “นี่ใช่ปัญหาหรือไง? บอกพวกเขาให้วางใจ เพียงแค่ช่วยฉันทำลายตระกูลหยู ฉันจะทำให้พวกเขาพอใจกับทุกสิ่งที่พวกเขาขอ!”
เมื่อวานคุณชายฉินสัญญาว่าจะให้เงิน 35 พันล้านให้เขา เพื่อซื้อตระกูลหยูเมื่อเขาชนะตระกูลหยูในวันนี้ เขาจะกลายเป็นคนที่ร่ำรวยมหาศาลที่มีมูลค่าหลายหมื่นล้าน
“รับทราบ คุณวางใจ คุณชายฉาวตอนนี้หยูจื้อ ได้แจ้งให้ผู้รับผิดชอบและผู้บริหารทั้งหมดไปที่สำนักงานใหญ่เพื่อประชุมแล้ว ฉันจะทำงานที่คุณชายฉาวมอบให้ฉันอย่างสมบูรณ์แบบ!” หม่าฝูหรุ้ยพูด
“โอเคฉันจะรอข่าวดีของคุณ!” หลังจากพูดจบฉาวหนิงก็วางสายโทรศัพท์
“หนิงเอ๋อ ลูกแน่ใจจริงๆที่จะซื้อตระกูลหยู! นี่ไม่ใช่เรื่องตลกจริงๆนะ?” ฉาวเจี้ยนเฟิงถามอย่างกังวล
เมื่อคืนนี้ เมื่อฉาวหนิงบอกเขาว่าเขามีคนหลังเวทีหาเงินให้เขา 35 พันล้านเพื่อซื้อกิจการตระกูลหยู ฉาวเจี้ยนเฟิงรู้สึกว่าสมองฉาวหนิงอาจได้รับการกระทบกระเทือนและเขาก็ไม่ได้จริงจังกับมัน
เมื่อเช้านี้เมื่อเขาไปทำงานที่บริษัท เขาเห็นว่าฉาวหนิงกำลังจะไปบริษัทหัวเสร์เมื่อเขาถาม ฉาวหนิงก็ยังบอกว่าวันนี้เขาจะซื้อบริษัทหัวเสร์ ทั้งหมดภายใต้ชื่อของเขาเอง
ฉาวเจี้ยนเฟิงรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติกับลูกชายของเขา เขาจึงมาเพื่อดูว่าลูกกำลังเล่นอะไรอยู่ เขาเพิ่งได้ยินฉาวหนิงพูดกับตัวเอง ลูกของเขาคุยกับหม่าฝูหรุ้ยซึ่งเป็นตัวหลักของบริษัทหัวเสร์จริงๆ
จู่ๆเขาก็รู้สึกว่าสิ่งที่ลูกชายพูดอาจเป็นความจริง
“พ่อ ตั้งแต่เด็กจนโต ผมโกหกพ่อตั้งแต่เมื่อไหร่?” ฉาวหนิงถามด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย
ตั้งแต่เด็กฉาวหนิงเป็นเด็กดีและไม่เคยทำให้ฉาวเจี้ยนเฟิงกังวล
“พ่อรู้ แต่ใครให้เงินลูกถึง 3.5 หมื่นล้านทำไมเขาให้เงินลูกมากมาย? เขาเอาออกมาได้จริงๆหรือ? ถ้าลูกถูกหลอกให้ยั่วยุตระกูลหยูขึ้นมาล่ะ จะทำยังไง? ลูกต้องรู้ไว้ เมื่อเทียบกับตระกูลหยูเสือตัวนี้ ฉาวหนิงของพวกเราอยู่ที่สูงสุดก็เป็นได้แค่กุ้ง!”
ฉาวเจี้ยนเฟิงพูดความกังวลที่อยู่ในใจออกมา เขายิ่งฟังยิ่งรู้สึกว่า มีคนให้ฉาวหนิง 35 พันล้านนี่เป็นสิ่งที่เหลือเชื่อหรือเป็นไปไม่ได้เลย
“เขาจะไม่โกหก เพราะเขาต้องการให้ผมเป็นหุ่นเชิดของเขาในหลินอาน ผมจะบอกพ่ออีกอย่างเงิน 35 พันล้านสำหรับครอบครัวของเขาเป็นเพียงเศษเงินเท่านั้นไม่มีความหมาย!” ฉาวหนิงพูด
“เงิน 35 พันล้านยเป็นแค่เศษเงิน ลูกชาย ลูกไปโดนพิษอะไรเข้าหรือเปล่า?” ฉาวเจี้ยนเฟิงรู้สึกว่าลูกชายของเขาเป็นบ้า เป็นโรคลมชักตอนนี้เขากำลังสับสน
“พ่อ ฉันไม่ได้โดนพิษอะไรทั้งนั้น ที่จริงในโลกของพวกเรายังมีครอบครัวที่ซ่อนอยู่ในโลกนี้ ซึ่งเป็นครอบครัวที่ร่ำรวยที่สุดในโลก เปรียบเสมือนบิล เกตส์ยืนอยู่ต่อหน้าครอบครัวของเขา
ครอบครัวของพวกเขาส่งผลกระทบต่อธุรกิจทั้งหมดในโลก มีอำนาจแทรกซึมอยู่ในทุกที ความมั่งคั่งของครอบครัวเขาเทียบได้กับครึ่งหนึ่งของสหรัฐอเมริกา สาเหตุที่พ่อไม่รู้ว่าพวกเขามีอยู่เนื่องจากระดับของพ่อยังไม่เพียงพอ คนที่ให้เงินผมคือคุณชายรุ่นที่สองในอนาคตของตระกูลนี้ ดังนั้นพ่อไม่จำเป็นต้องกังวล พ่อแค่ต้องรอและสนุกกับมัน หลังจากวันนี้ตระกูลฉาวของเราจะเป็นครอบครัวอันดับต้นในหลินอาน และพ่อจะเป็นคนที่ร่ำรวยที่สุดในหลินอาน!”
“จริงเหรอ?” ฉาวเจี้ยนเฟิงตะลึงกับสิ่งที่ลูกชายของเขาพูด เขาตัดสินใจรอดูว่าสิ่งต่างๆไปต่ออย่างไร
หยูหมิงพาคนกลุ่มหนึ่งเข้าไปในห้องทำงานของหยูจื้อ
เมื่อเห็นคุณชายของเกือบทุกครอบครัวในหลินอาน มาหยูจื้อก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย
“พ่อดูสิพี่ๆมาสนับสนุนผมแล้ว!” หยูหมิงพูดกับพ่อของเขา
“นี่ … ขอบคุณจริงๆ” หยูจื้อลุกขึ้นยืนและกล่าวกับคุณชายรวยรุ่นที่สองหลินอาน
คุณชายรวยรุ่นที่สองหลินอานพูดอย่างถ่อมตัว:
“ลุงหยู คุณพูดเกินไปแล้ว เราเป็นเพื่อนกับคุณชายหยู ธุรกิจของเขาคือธุรกิจของเรา!”
“ใช่แล้ว เราเล่นกับคุณชายหยูด้วยกันจนโต อีกอย่างตอนเด็กผมก็ไปกินข้าวที่บ้านคุณบ่อยไม่ใช่หรือไง?”
“คุณชายหยูช่วยเราต่อสู้หลายครั้งในอดีต ตอนนั้นเขาเป็นพี่ใหญ่ของเราและตอนนี้เขาก็ยังคงเป็นพี่ใหญ่ของเรา!”
“นอกจากนี้ ตระกูลของเราและคุณก็ร่วมมือกันอย่างใกล้ชิด ตระกูลหยูมีปัญหา ตระกูลของเราก็ไม่สามารถยืนอยู่คนเดียวได้ มันจะดีสำหรับทุกคนที่จะเอาชนะวิกฤตนี้ด้วยกัน!
…………………..
เหตุผลที่คุณชายรวยรุ่นที่สองหลินอานมาโดยไม่ต้องพูด เพราะตระกูลหยูเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ในหลินอานและตระกูลของพวกเขามีความร่วมมือทางธุรกิจกับตระกูลหยู เมื่อตระกูลหยูล้มลงพวกเขาจะได้รับผลกระทบอย่างแน่นอน
แต่นี่ไม่ใช่เหตุผลหลัก อันที่จริงพวกเขาให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์กับหยูหมิงมากกว่า
คุณชายรวยรุ่นที่สองหลินอานเหล่านี้ล้วนเติบโตมาพร้อมกับหยูหมิง เมื่อพวกเขายังเด็กหยูหมิงเป็นกษัตริย์ของพวกเขา หยูหมิงกล้าหาญใครกล้ารังแกพี่น้องของเขา เขาจะช่วยพี่น้องและล้างแค้นคืนอย่างแน่นอน
แม้ในการต่อสู้กับเด็กๆในเมืองหลินอาน หยูหมิงไม่เคยยอมรับความพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งหนึ่ง
ด้วยเหตุนี้ หยูหมิงจึงไม่ค่อยได้รับบาดเจ็บ แต่เขาก็กลายเป็นพี่ชายคนโตในสายตาของกลุ่มพี่น้อง ไม่มีใครไม่กล้าไม่ฟังสิ่งที่เขาพูด
ต่อมาหยูหมิงไปเรียนต่อที่สหราชอาณาจักร แม้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาจะจางหายไปเล็กน้อย แต่ความรักภักดีที่มีต่อหยูหมิงในฐานะพี่ใหญ่จะคงอยู่ตลอดไป
ตอนนี้พี่ชายคนโตที่เคยหลั่งเลือด บาดเจ็บและออกโรงแทนพวกเขากำลังมีปัญหา เมื่อเป็นพี่น้องกันจะมานั่งดูเฉยๆไม่ทำอะไรได้อย่างไร
ดังนั้นพวกเขาทั้งหมดจึงลุกขึ้นยืนและช่วยหยูหมิงผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปด้วยกัน

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset