รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 355 ท่านเทพสำแดงฤทธิ์

บทที่ 355 ท่านเทพสำแดงฤทธิ์
ขณะที่จุดแสงเล็กๆกำลังบรรจบกัน สายตาของทุกคนโดนดึงดูด ตกตะลึงจนไม่รู้จะทำยังไง
ซ่าหมี่เทอแสดงท่าทีประหลาดใจอย่างไม่เคยเป็น จุดแสงพวกนั้นเยอะมากจริงๆ ทุกๆส่วนล้วนนุ่มนวลและกลมกลืน เหมือนหิ่งห้อยหลายๆตัวกำลังส่องแสงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
ฉินหลั่งก็ประหลาดใจเช่นกัน จู่ๆเขาก็นึกอะไรขึ้นมาได้ แล้วหยิบป้ายหยกหงส์ออกมา จึงพบว่าแสงสว่างพวกนั้นออกมาจากป้ายหยกอันนี้ ป้ายหยกหงส์ในตอนนี้ ส่องแสงสว่างราวกับดวงจันทร์ ดุจดั่งนางฟ้าโปรยดอกไม้อย่างไรอย่างนั้น
แสงจุดเล็กๆบรรจบกันได้ครั้งหนึ่ง ทุกคนก็พบว่ามันก่อตัวเป็นเงาช้างขนาดใหญ่ มีทั้งหาง งา และงวง……
นี่เป็นเพียงภาพมายาช้าง งวงค่อยยกขึ้นแล้วเดินไปยังแท่นบูชา ทุกย่างก้าวพื้นดินล้วนสั่นสะเทือน
ทุกคนต่างช็อค ซ่าหมี่เทอเข้าใจในทันที เขารีบคุกเข่าลง ยกมือขึ้นบนฟ้าพลางพูด:
“ท่านเทพ ท่านเทพปรากฏกายแล้ว……”
“ท่านเทพ!ท่านโปรดชี้แนะพวกเราด้วย……”
ณ ลานกว้างใหญ่ นักบุญทุกคนล้วนคุกเข่าลง พูดเป็นเสียงเดียวกัน บรรยากาศขลังมาก
ท่านเทพที่เกิดจากแสงสว่างนี้ ส่ายหางไปมาอย่างเคร่งขรึม นักบุญทุกคนก้มหน้าเล็กน้อย จากนั้นเขาก็ลอดงาเขาไปรับจงยู่ที่อยู่ในกองไปมาขี่หลัง
จงยู่และทุกคนคิดไม่ถึงว่าจะเป็นแบบนี้ ทุกคนล้วนตกตะลึง โดยเฉพาะฉินหลั่งและซ่าหมี่เทอ ฉินหลั่งน้ำตาคลอเบ้าเล็กน้อย ส่วน
ซ่าหมี่เทอสีหน้าดูไม่ได้เลย นี่คือการชี้แนะของท่านเทพงั้นเหรอ งั้นเมื่อครู่ที่เขาจะเอาจงยู่ไปบูชายัญ ท่าเทพไม่อาจยอมรับได้
“ท่านเทพ ข้าผิดไปแล้ว ท่านโปรดลงโทษข้าด้วย……”
ซ่าหมี่เทอหมอบตัวลง มือทั้งสองชูขึ้น รับโทษด้วยธรรมเนียนที่น่าเคารพที่สุดนี้
ภายใต้แสงจันทร์ ท่านเทพแบกจงยู่ที่ทั้งดีใจและงุนงง งดงามเหมือนความฝัน
แล้วค่อยๆเดินมา ท่านเทพเอาศีรษะลง จากนั้นแสงสว่างก็ค่อยๆจางหายไป ตอนที่จงยู่โดนวางลงนั้น เธอลูบศีรษะแสงช้างนั่นอย่างสนิทสนม และคลอเคลียท่านเทพ สุดท้ายท่านเทพก็จางหายไป
ลานสำนักช้างจันทราเงียบสงัด ทุกคนล้วงคุกเข่าลงกับพื้น ไม่มีใครยืนขึ้นแม้แต่คนเดียว
การชี้แนะของท่านเทพชัดเจนมากอยู่แล้ว เขาต้องการให้ธิดาเทพแห่งพรรคมีชีวิตต่อ เขาจึงช่วยธิดาเทพแห่งพรรคออกมาจากกองไฟช่วยธิดาเทพแห่งพรรคได้สำเร็จ ส่วนเหล่านักบุญบาปหนาพวกนี้ เขาเพียงพยักหน้าแล้วหายไป
ซ่าหมี่เทอเหงื่อตกไม่หยุด เขารู้สึกตัวเองทำบาปร้ายแรงที่สุดเป็นครั้งแรกในชีวิต แต่ท่านเทพไม่เพียงเวทนาเขา ท่านเทพยังไม่ตำหนิเขาอีกด้วย
ความรู้สึกแปลกๆแบบนี้แผ่กระจายไปทั้งสำนักช้างจันทรา เหล่านักบุญล้วนประณามหัวหน้าสำนัก เพียงแต่ไม่ได้ระเบิดออกมาก็แค่นั้น
ซ่าหมี่เทอเหยียดหยามธิดาเทพแห่งพรรค และคนรักของเธอเป็นอย่างมาก เรื่องนี้ท่านเทพไม่อาจยอมรับได้
ขณะที่กำลังโดนเหล่านักบุญทอดทิ้ง ซ่าหมี่เทอใช้วิธีที่น่าเคารพที่สุดของสำนักช้างจันทรา ค่อยๆคลานไปที่เท้าของจงยู่อย่างรู้สึกผิด:
“ธิดาเทพแห่งพรรค โปรดอนุญาตให้พวกเราเรียกท่านว่า หัวหน้าสำนักของสำนักช้างจันทราด้วยเถิด ท่านคือคนที่ท่านเทพเลือก”
“โปรดอนุญาตให้เราแต่งตั้งท่านเป็นหัวหน้าสำนักคนใหม่ด้วยเถิด ท่านคือคนที่ท่านเทพเลือก!”
พอซ่าหมี่เทอพูด ทุกคนก็พูดตาม
จงยู่คิดไม่ถึงเลยจริงๆ ตอนนี้เธอสนใจก็แค่ฉินหลั่ง คนรักของตนที่ได้รับบาดเจ็บ
“ท่านไม่ต้องห่วง ข้าจะรักษาแขกคนสำคัญคนนี้ให้หายดีเอง……”ซ่าหมี่เทอโบกมือ เรียกเปลมาหามฉินหลั่ง
“ฉันควรทำยังไงดี?คุณอย่าไปเลยนะ……”จงยู่พูดด้วยความโกรธ
ฉินหลั่งที่อยู่บนเปลยิ้มพลางพูด:“ยู่เอ๋อ ตอนนี้ยังมีทางเลือดอื่นอีกงั้นเหรอ?”
จงยู่มองฉินหลั่งที่โดนหามไปอย่างเหม่อลอย จะให้เธอเป็นหัวหน้าสำนักอะไรกัน เธอทำไม่ได้จริงๆ
“หากธิดาเทพแห่งพรรคไม่ตอบตกลงเป็นหัวหน้าสำนักของพวกเรา ท่านเทพต้องลงโทษอย่างหนักแน่ๆ พวกเรานักบุญทุกคนจะฆ่าตัวตายกันในคืนนี้……”ซ่าหมี่เทอหยิบมีดออกมาจากกระเป๋าเสื้อ เตรียมพร้อมรับโทษทุกเมื่อ
เขาไม่ได้แสร้งทำ แต่เขาเตรียมตัวพร้อมที่จะตายจริงๆ
“ธิดาเทพแห่งพรรค ท่านโปรดเวทนาพวกเรา ศิษย์ผู้โง่เขลาเหล่านี้ด้วย”
ขณะที่กำลังร้องตะโกน ทุกคนก็หยิบมีดเดือนเสี้ยวออกมา
การชี้แนะของท่านเทพไม่อาจฝ่าฝืนได้ พวกเขาจึงทำได้เพียงใช้ชีวิตอันต่ำต้อยของตน มาวิงวอนธิดาเทพแห่งพรรคให้ยอมรับพวกเขา
และหากธิดาเทพแห่งพรรคให้ไปตายจริงๆ พวกเขาจะทำอย่างไม่ลังเล
ภายใต้แสงจันทร์ ความเด็ดเดี่ยวและความจริงใจทุกคนทำให้จงยู่เชื่อ พวกเขาทำจริงแน่ๆ ไม่ได้โกหก
งั้นการรับตำแหน่งหัวหน้าสำนักของสำนักช้างจันทรา ถือว่าเป็นการช่วยสำนักช้างจันทรา
จงยู่ไม่อาจเลี่ยงได้
เมื่อเข้าใจแล้ว จงยู่ก็ถอนหายใจออกมายาวๆ ฉินหลั่งพูดถูก:เธอยังมีทางเลือกอื่นอีกเหรอ?
“ลุกขึ้น ทุกคนลุกขึ้นเถอะ ฉันตกลง……”เสียงอ่อนโยนของจงยู่ดั่งไปทั่วลานกว้าง
“ขอบคุณครับหัวหน้าสำนัก!”
“หัวหน้าสำนักมีพระคุณมาก!”
“ขอบคุณหัวหน้าสำนัก!”
ทุกคนโห่ร้องด้วยความดีใจ ทุกคนทยอยลุกขึ้น รอจงยู่กล่าวโอวาท
ซ่าหมี่เทอยืนขึ้นมาก่อนใคร ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา มันตื้นตันและปลุกใจจริง หัวหน้าสำนักทำตามประสงค์ของท่านเทพแล้ว ช่วยชีวิตคนเอาไว้ได้นับพัน
……
1เดือนต่อมา ณ วิหารในสำนักช้างจันทรา จงยู่ฟื้นตัวหายเป็นปกติแล้ว เธอนั่งบนบัลลังก์ที่สูงที่สุดในวิหาร:บนเก้าอี้กว้างทำด้วยทองและเงิน รับการทำความเคารพของทุกคน
ซ่าหมี่เทอยืนใส่ชุดสีดำ พลางพูดอย่างเคารพ:
“หัวหน้าสำนักจงจะต้องไปจากเมืองอมูลองแล้ว อนุญาตให้นำลูกศิษย์500คนตามไปคุ้มครองหัวหน้าสำนักด้วยเถิด”
จงยู่สีหน้าเคร่งขรึม เธอสวมชุดคนชั้นสูงของอินเดีย บนศีรษะสวมมงกุฎที่มีสัญลักษณ์ท่านเทพอยู่ คนที่อยู่ข้างๆคือฉินหลั่ง ฉินหลั่งสวมชุดผู้พิทักษ์ของอินเดีย ท่าทีน่าเกรงขาม
นี่ล้วนเป็นธรรมเนีนมของสำนักช้างจันทรา สิ่งที่พวกเขาต้องเคารพคือคำสั่งสอนของผู้พิทักษ์ในสำนัก
จงยู่ลังเลกับคำร้องขอของซ่าหมี่เทอ เธอเหลือบไปมองฉินหลั่ง ฉินหลั่งส่ายหน้าไปมา
จงยู่เข้าใจทันที จึงพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่อาจคัดค้านได้ :“ลูกศิษย์ทั้งหลาย ไม่จำเป็นหรอก ถ้าฉันมีคำสั่งอะไรจะส่งคนมาบอกเอง”
“ครับ”ซ่าหมี่เทอถอยหลังออกไป ไม่กล้าพูดอะไรอีก
“หลังจากฉันไปแล้ว สำนักช้างจันทราห้ามฆ่าคนตามอำเภอใจอีก ต้องปฏิบัติตามกฎหมาย สำนักช้างจันทราต้องปฏิรูปแล้วล่ะ ล้วนเรื่องการปฏิรูปทั้งหมด ทำตามซ่าหมี่เทอเป็นอันพอ”
“ขอบคุณความใจกว้างและความเชื่อใจของหัวหน้าสำนัก น้อมรับคำสั่ง”ซ่าหมี่เทอวางมือขวาไว้ตรงหน้าอก น้ำตาคลอเล็กน้อยเขาไม่เคยร้องไห้มาก่อน แต่ตั้งแต่ที่หัวหน้าสำนักคนใหม่ขึ้นรับตำแหน่ง ความเยือกเย็นของเขาก็แปลเปลี่ยนเป็นความอ่อนไหว

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset