รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 541 ประมุขใหญ่

บทที่ 541 ประมุขใหญ่
จั่วเฉินบิงผู้เชี่ยวชาญด้านศิลปะการต่อสู้ยังรู้สึกเกรงกลัวศิลปะการต่อสู้ของฉินหลั่งอยู่ลึกๆ ตอนนี้ฉินหลั่งกำลังสูญเสียชี่แท้อย่างหนัก ไม่ฉวยโอกาสฆ่าตอนนี้แล้วจะรอไปถึงเมื่อไหร่?
ทันใดนั้นจั่วเถิงซานหลังก็ได้สติพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงกดดัน “ฉินหลั่ง นายฆ่าปรมาจารย์ของญี่ปุ่นนั้นมีโทษอย่างใหญ่หลวง หากนายรู้ถึงผลที่จะตามมาก็รีบคุกเข่าขอโทษฉัน แล้วฉันจะไว้ชีวิตนาย”
“จากนั้นนายก็กลับญี่ปุ่นไปกับฉัน เช่นนั้นวันนี้ฉันจะไม่ฆ่านาย”
จั่วเถิงบอกว่าไม่ฆ่าฉินหลั่งนั้นช่างเป็นคำพูดที่ไร้สาระสิ้นดี ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่สุดในการฆ่าฉินหลั่ง เขาจะไม่มีทางพลาดโอกาสครั้งนี้โดยเด็ดขาด ถึงวันนี้จะไม่ฆ่าฉินหลั่งเขาก็จะตัดแขนตัดขาของฉินหลั่งซะเพื่อเป็นลงโทษอย่างโหดเหี้ยมที่สุด
“ฉินหลั่ง ยังไม่ยอมวางมืออีกหรือ?”
จั่วเฉินบิงเอ่ยเสริม “เมื่อคุณจั่วเถิงโกรธ ผลที่ตามมาจะร้ายแรงมากนะ”
พวกเสิ่นชิงซานจับจ้องฉินหลั่งด้วยสายตาเย็นชา และรอเฉินหลั่งคุกเข่าขอร้อง
“ฉินหลั่ง หรือที่นายไม่ยอมแพ้เพราะจะดวลกับฉันต่อหรือ?”
จั่วเถิงซานหลังตะคอก “ถึงแม้ศิลปะการต่อสู้ของนายจะทำให้ฉันแปลกใจ แต่ตอนนี้ชี่แท้ของนายสูญสิ้นไปหมดแล้ว นายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉันด้วยซ้ำ”
ฉินหลั่งจ้องหน้าจั่วเถิงซานหลังพลางหัวเราะ “ชี่แท้ของฉันนั้นสูญเสียไปบ้างก็จริง แต่ยังรับมือพวกนายได้อย่างสบายๆ”
เขาตัวคนเดียวทว่าไม่มีความเกรงกลัวเลยแม้แต่น้อย
“ปัญญาอ่อน!”
เมื่อเห็นความมั่นใจของฉินหลั่ง จั่วเถิงซานหลังก็สบถออกมาก่อนจะส่งสัญญาณมือ
เมื่อสัญญาณมือนี้ถูกส่งออกไป ฉับพลันป่าโดยรอบก็เกิดการเคลื่อนไหว
ต้นไม้หลายสิบต้นสั่นระรัว จากนั้นก็มีเงาสิบแปดร่างปรากฏอยู่ด้านล่างของกำแพง
พวกเขาทุกคนล้วนปิดหน้าไว้ มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่โผล่ออกมา การเคลื่อนไหวรวดเร็ว พร้อมเพรียง แค่ดูก็รู้ว่ามีการฝึกฝนมาอย่างดี
ชั่วพริบตา พวกเขาก็มาถึงต้นไม้ต้นริมสุด
แต่ละคนล้วนห้อยอยู่บนกิ่งไม้และมองมาที่ฉินหลั่งด้วยสายตาเย็นชา
ในมือของพวกเขายังมีดาบซามูไรสีดำ
ท่าทางน่ากลัวเป็นอย่างมาก
“นินจาหรือ?”
ฉินหลั่งหรี่ตามอง “เห็นทีว่าพวกนายจะฆ่าฉันให้ได้สินะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ถึงกับต้องเอานินจามาด้วยแบบนี้?”
พวกเสิ่นชิงซานได้ยินดังนั้นก็ตกตะลึง ตะลึงที่จั่วเถิงซานหลังเชิญนินจามาด้วย พวกเขายิ่งมั่นใจว่าฉินหลั่งต้องตายแน่ๆ
นินจาก็มีวิชาที่แปลกประหลาด คนจำนวนมากขนาดนี้หากลงมือพร้อมกันฉินหลั่งไม่มีทางต้านทานได้
“อยากมีชีวิตอยู่ต่อก็คุกเข่าลงซะ”
จั่วเถิงซานหลังตะคอกใส่ฉินหลั่งอีกครั้ง “เช่นนั้นก็อย่าหาว่าฉันใจร้าย”
“ไปเอาความกล้าในการพูดประโยคนี้มาจากไหน?”
เพิ่งเอ่ยจบก็มีเสียงดุๆดังขึ้น จากนั้นก็มีเงาสีเขียววาบผ่านสายตาของทุกคนไป
วินาทีต่อมา มีชายชุดขาววัยกลางคนคนหนึ่งลอยลงสู่พื้นข้างกายฉินหลั่งพอดี ราวกับเทวดาจุติลงมาจนทำให้ทุกคนต้องหรี่ตาลง
เขาเอามือไขว้หลัง กวาดสายตามองไปรอบๆพลางเอ่ย “ทุกคนตัดมือหนึ่งข้างแล้วไสหัวออกไปที่นี่ซะ”
“เจ้านาย?”
ชายเสื้อเขียวโผล่ออกมาอย่างไม่มีสัญญาณเตือนแล้วนั่งรอเพื่อฉวยโอกาสอย่างจั่วเฉินบิง รีบลุกขึ้นมาทักทายทันที
ศิษย์ของพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ส่วนมากก็ตึงเครียดขึ้นมาทันทีพลางเอ่ยทักทายด้วยความประหม่า “เจ้านาย”
ชายเสื้อเขียวไม่ปรายตามองพวกเขาด้วยซ้ำ ทำเพียงแค่ตบบ่าฉินหลั่งเบาๆด้วยสีหน้าชื่นชม
เสิ่นชิงซานก็ฝืนยิ้มออกมา “ประมุขเย่ ไม่เจอกันนานเลยนะ ทำไมถึงมาด้วยตัวเองได้?”
ฉินหลั่งตกใจพลางเหลืบมองชายเสื้อเขียวแวบหนึ่งทว่าไม่ได้พูดอะไร
พวกจั่วเถิงซานหลังกลับเต็มไปด้วยความระแวง สายตาจับจ้องไปยังชายเสื้อเขียว
คนญี่ปุ่นจำนวนมากล้วนเคยได้ยินชื่อเสียงของเย่ฉางเฟิงและก็ได้ยินมาว่าเขาเก่งกาจ ทว่ามีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยเห็นตัวจริงและไม่เคยได้เห็นความสามารถของเขา
จั่วเถิงซานหลังก็เพิ่งเคยเจอครั้งแรก ดังนั้นถึงจะรู้มาว่าเย่ฉางเฟิงนั้นไม่ธรรมดาทว่าเมื่อเห็นอีกฝ่ายในสภาพผอมแห้งจึงเชิดคอขึ้นพลางเอ่ย “ตัดมืออย่างนั้นหรือ?”
เขาส่งเสียงหึในลำคอครั้งหนึ่งก่อนเอ่ย “ฉันไม่ได้มีรสนิยมแบบนี้”
เย่ฉางเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ “มือสองข้าง!”
“เย่ฉางเฟิง ฉันรู้จักนายแล้วก็รู้ถึงสถานะของนายด้วย แต่ฉันก็ไม่ใช่คนที่จะมารังแกได้ง่ายๆ”
เมื่อเห็นอีกฝ่ายกดดันไม่หยุด จั่วเถิงซานหลังก็เกิดมีน้ำโห “หากวันนี้นายรู้ความแล้วยกฉินหลั่งให้พวกเราไป ภายภาคหน้าเราไม่มีอะไรต้องเกี่ยวข้องกันอีก”
“หากนายยุ่งไม่เข้าเรื่อง เช่นนั้นก็อย่าหาว่าฉันไม่ไว้หน้า”
เขามีคนจำนวนสิบกว่าคนอยู่ในมือจึงวางมาดได้อย่างเต็มที่
เย่ฉางเฟิงหัวเราะ “ไว้หน้าฉันอย่างนั้นหรือ?”
“ตูม!”
เย่ฉางเฟิงชะงักไป ฉับพลันด้านข้างของร่างกายก็มีพลังลูกหนึ่งระเบิดออกมา
พายุลูกใหญ่พัดผ่านไป
คนจำนวนนับไม่ถ้วนหรี่ตาลง
จากนั้นนินจาทั้งหมดสิบแปดคนก็ร่วงหล่นลงจากต้นไม้ราวกับนกที่ถูกยิง
หลังจากพวกเขากระแทกลงสู่พื้นก็ไม่มีใครลุกขึ้นมาได้ ร่างกายล้วนถูกเศษหินยิ่งใส่จนเกิดเป็นรู
ขณะเดียวกัน พวกจั่วเถิงซานหลังก็เกิดอาการขาอ่อนแล้วคุกเข่าลงจนเกิดเสียงดังตุบ
ไม่ใช่พวกเขาอยากคุกเข่าเอง ทว่าพลังลูกนี้ของเย่ฉางเฟิงแข็งแกร่งเกินไป ราวกับภูเขาลูกใหญ่กดทับลงมาซึ่งพวกเขาไม่มีทางรับไหว
แข็งแกร่ง ช่างแข็งแกร่งเหลือเกิน
ฉับพลันสีหน้าของจั่วเถิงซานหลังก็ซีดเผือด แผ่นหลังมีเหลื่อเม็ดโตซึมออกมา
ภาพเหตุการณ์นี้ไม่เพียงแต่ทำให้พวกจั่วเฉินบิงคอแห้งได้เท่านั้น พวกเสิ่นชิงซานก็นิ่งเป็นหุ่นไปแล้ว
น่าเหลือเชื่อ
จั่วเถิงซานหลังก็เป็นปรมาจารย์ของยอดพลังภายในนี่
ตอนนี้กลับคุกเข่าลงตรงหน้าของเย่ฉางเฟิงอย่างควบคุมไม่ได้ ไม่เหลือเกียรติและศักดิ์ศรีที่ปรมาจารย์ชั้นหนึ่งพึงมี! เย่เฉินเฟิงแข็งแกร่งถึงขนาดนี้เลยหรือนี่?
เสิ่นชิงซานที่เพิ่งเคยเห็นฝีมือของเย่ฉางเฟิงเป็นครั้งแรกก็รีบเก็บความยโสของตัวเองลงทันที
อย่าว่าแต่บอดี้การ์ดหรือจอมยุทธ์ข้างกายเขาเลย แม้แต่คนในสำนักที่เขารู้จักก็เกรงว่ายากที่จะมีความสามารถเทียบเท่าเย่ฉางเฟิงได้
ฉินหลั่งก็แอบพยักหน้า เขาพยายามคาดเดาฝีมือของเย่ฉางเฟิงไว้สูงแล้ว สุดท้ายก็พบว่าก็ยังต่ำไปอยู่ดี
ระดับหัวหน้าของพันธมิตรศิลปะการต่อสู้นั้นช่างมีบรรยากาศที่แตกต่างจริงๆ
เย่ฉางเฟิงเอามือไขว้หลังพลางมองไปทางจั่วเถิงซานหลัง “บอกฉันซิ ว่านายไว้หน้าฉันยังไง?”
“ขอ ขอโทษครับคุณเย่”
จั่วเถิงซานหลังเอ่ยจริงจัง “ผมก้าวล่วงคุณไป ขออภัยด้วย พวกเราจะรีบไสหัวไปเดี๋ยวนี้”
เดิมทีเขาคิดว่าตัวเองไม่มีทางเป็นคู่ต่อสู้ของเย่ฉางเฟิงได้อยู่แล้ว ทว่าก็ไม่คิดว่าจะห่างชั้นกันขนาดนี้
กระทั่งตอนนี้เขาถึงเพิ่งรู้ว่าระยะห่างระหว่างตัวเองและเย่ฉางเฟิงนั้นทั้งชีวิตนี้ก็ไม่อาจก้าวผ่านไปได้
หากไม่ใช่เพราะอยู่บนกำแพง เกรงว่าการโจมตีของเย่ฉางเฟิงเมื่อครู่คงทำลายล้างหอส่งสัญญาณที่เขาอยู่จนแตกละเอียดไปแล้ว
จั่วเถิงคือปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ จะไม่รู้ระดับขั้นการต่อสู้ของเย่ฉางเฟิงได้อย่างไร
ยากแท้จะหยั่งถึงจริงๆ
“ไสหัวไปงั้นหรือ? สายไปแล้วล่ะ”
เย่ฉางเฟิงสบถในลำคอครั้งหนึ่ง ก่อนจะใช้เท้าซ้ายเหยียบลงพื้นครั้งหนึ่ง
ดาบเล่มหนึ่งแตกละเอียดและกระเด็นไปรอบทิศ
“อ๊าก……” ลูกศิษย์ของเสี่ยวฉวนสิบหว่าคนตายในพริบตา! พวกเสิ่นชิงซานใจกระตุกวาบ ฆ่าคนพวกเขาเคยเห็น ทว่าวิธีการของเย่ฉางเฟิงช่างน่ากลัวเหลือเกิน
ง่ายดายเกินไป เย็นชาเกินไป ราวกับเป็นเพียงมดไม่กี่ตัวที่ตายไป
จั่วเถิงซานหลังตากระตุก วินาทีนี้เขารู้แล้วว่าวันนี้เขาคงไม่ได้ตายดี
เขาหันไปมองเสิ่นชิงซานโดยจิตใต้สำนึก
การหายใจของเสิ่นชิงซานถี่ขึ้น ทว่าสุดท้ายก็ทำใจกล้าเดินออกมา ยังไงเขาก็ไปมาหาสู่กับองค์การศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นบ่อยอยู่แล้ว
“คุณเย่ ยังไงเราก็ไม่ควรทำลายความรู้สึกของคนทั้งสองฝ่าย……ทางที่ดีที่สุดก็คือ……สงบศึกกัน……ดีกว่า”
“เพียะ!”
เย่เฉินเฟิงฟาดมือไปครั้งหนึ่ง “ใครให้แกพูด?”
เสิ่นชิงซานลอยละลิ่วไปเจ็ดแปดเมตรก่อนจะหล่นลงบนทางเดินของกำแพง ราวกับศพที่ชักแด่วๆอยู่บนพื้น
จั่วเฉินบิงเห็นท่าทางน่าอนาถของเสิ่นชิงซานก็ไม่กล้าเอ่ยปากอีกถอยหลังหนีอย่างเดียว
ระดับขั้นการต่อสู้ของเย่ฉางเฟิงถือว่าเป็นอันดับต้นๆขององค์การศิลปะการต่อสู้ในปัจจุบัน ทว่าความจริงแล้วฉินหลั่งแข็งแกร่งกว่า แต่ดูเหมือนว่าคนพวกนี้จะกลัวเย่ฉางเฟิงมากกว่า
ไม่ ความจริงแล้วพวกเขากลัวฉินหลั่งมากกว่า ดังนั้นจึงจะฉวยโอกาสฆ่าฉินหลั่งเสีย
ทว่าก็ได้แต่พูดเท่านั้น ส่วนกับเย่ฉางเฟิงพวกเขาไม่กล้าเอ่ยปากพูด เพราะพวกเขารู้ว่าเย่ฉางเฟิงจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิตกว่า

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset