รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 542 เจ้านายโปรดไว้ชีวิต

บทที่ 542 เจ้านายโปรดไว้ชีวิต
มาดของเย่ฉางเฟิงใหญ่โตเป็นอย่างมาก นั่นก็เพราะว่าเขาคือบุคคลขั้นสูง มีความเด็ดขาด อีกทั้งเป็นถึงปรมาจารย์ด้านศิลปะการต่อสู้ของประเทศจีน
“ตัดมือของแกซะ ไม่อย่างนั้นก็ตาย”
เย่ฉางเฟิงเอ่ยเสียงเรียบ ราวกับว่าจั่วเถิงเป็นเพียงมดตัวหนึ่ง มาดสูงส่งของเขาทำให้ทุกคนถึงกับกลั้นหายใจ
จั่วเถิงสีหน้ามืดครึ้มพลางจ้องมือทั้งสองข้างของตัวเองอย่างลังเล เห็นความเย็นเยียบพาดผ่านสายตาของเย่ฉางเฟิงแวบหนึ่ง ฉับพลันร่างก็กระตุกครั้งหนึ่ง ก่อนจะกัดฟันแล้วจัดการมือทั้งสองข้างของตัวเอง
ฉึบ!
เลือดสีแดงสดกระเซ็นอาบกำแพง
คนอื่นที่ดูอยู่ตกใจกันถ้วนหน้า
ทุกคนล้วนได้เห็นถึงความโหดเหี้ยมเด็ดขาดของเย่ฉางเฟิง
“กลับไปบอกองค์การศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นด้วย……”
เย่ฉางเฟิงเดินไปหยุดอยู่หน้าจั่วเถิงซานหลังก่อนเอ่ยเสียงเรียบ
“หกเดือนหลังจากนี้ ประธานพันธมิตรศิลปะการต่อสู้เย่ฉางเฟิงจะพาผู้พิทักษ์อันดับหนึ่งอย่างฉินหลั่งไปดวลกับประเทศญี่ปุ่น!”
“ไฮ!”
จั่วเถิงซานหลังอดกลั้นความเจ็บปวดแล้วเดินจากไปอย่างน่าสังเวช
เขาไม่อยากอยู่และไม่กล้าอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว ใครจะไปรู้ว่าเย่ฉางเฟิงจะเกิดบ้าคลั่งขึ้นมาแล้วตบเขาจนตายในครั้งเดียวหรือไม่
อีกทั้งเขาต้องรีบกลับไปส่งข่าว ครึ่งปีต่อจากนี้ พันธมิตรศิลปะการต่อสู้ประเทศจีนจะท้าดวลกับพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ประเทศญี่ปุ่นอย่างเป็นทางการ
มันดูเหมือนการท้าทาย ทว่าความจริงแล้วเย่ฉางเฟิงหลอกใช้ฉินหลั่งในการฆ่ารุ่นเยาวชนของญี่ปุ่น
หากพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นรับคำท้าก็จะต้องส่งเยาวชนของประเทศตัวเองมา คนเหล่านี้หากถูกฉินหลั่งฆ่าจนหมด เช่นนั้นศิลปะการต่อสู้ของญี่ปุ่นก็จะขาดการสืบทอด เพราะยังไงคนที่ถูกส่งมาก็ต้องเป็นทายาทที่ถูกคัดเลือกมาอย่างดีแล้ว
นี่คือการตอบโต้พวกที่มาตายต่างบ้านต่างเมืองอย่างเสี่ยวฉวน คือการโจมตีครั้งใหญ่
อีกทั้งยังโหดเหี้ยม
จั่วเถิงซานหลังต้องรีบกลับไปปรึกษาเพื่อหาวิธีรับมือ……
“บรื้น……”
ซานปุ่นเพิ่งหายไปก็มีรถสิบกว่าคันขับเข้ามา จากนั้นก็มีลูกศิษย์ข้างกายของเย่ฉางเฟิงจำนวนสิบกว่าคนเดินลงมาจากรถ
พวกเขารีบทำความสะอาดสถานที่เกิดเหตุอย่างรวดเร็ว
ใช้เวลาเพียงไม่นาน ศพของพวกเสี่ยวฉวนก็ถูกจัดการจนหมด
สถานที่แห่งนี้จึงกลับมาอยู่ในสภาพเดิม
แสงอาทิตย์สาดส่อง วิวทิวทัศน์สวยงาม
ไม่นาน ฉางจื่อชงและซ่งเสี้ยวหยู่ก็ถูกส่งตัวมา
เมื่อเห็นว่าฉินหลั่งยังมีชีวิตอยู่ดี พวกคนก็ตื้นตันใจเป็นอย่างมากพลางโห่ร้องและโอบกอดฉินหลั่งไว้
หลังจากฝ่าฟันอุปสรรคมาด้วยกัน ความผูกพันธ์ของทุกคนจึงมีไม่น้อย
ฉินหลั่งไม่ได้ให้ความสนใจกับพันธมิตรศิลปะการต่อสู้มากนัก ทว่ากับเยาวชนกลุ่มนี้พวกเขามีอุดมการณ์เดียวกัน ดังนั้นจึงมีความสุขมาก
บรรยากาศอบอุ่น ทว่าจั่วเฉินบิงรู้ดีว่าวิกฤตยังไม่หมดไป
เย่ฉางเฟิงปรากฏตัวที่นี่รวมถึงการท้าทายประเทศญี่ปุ่นเมื่อสักครู่ล้วนเป็นการประกาศว่าฉินหลั่งคือคนสำคัญสำหรับทางสหพันธ์
สิ่งที่ทำให้เขาเป็นกังวลที่สุดก็คือคำว่าผู้พิทักษ์อันดับหนึ่ง
นั่นไม่เพียงแต่หมายถึงความสนิทสนมระหว่างเย่ฉางเฟิงและฉินหลั่ง ยังหมายความว่าฉินหลั่งเลื่อนขั้นถึงสองขั้นติด จากประธานสาขากลายเป็นมือขวาของเย่ฉางเฟิง
ทั้งตำแหน่งและอำนาจล้วนเหนือกว่าจั่วเฉินบิง
จั่วเฉินบิงสามารถรังแกฉินหลั่งและยังสามารถสร้างความวุ่นวายให้กับพันธมิตรศิลปะการต่อสู้เย็นจีนได้ก็เพราะอาศัยว่าเขามีตำแหน่งและแผนกบังคับใช้กฎหมายที่สูงกว่า
ตอนนี้ฉินหลั่งเหยียบหัวเขาแล้วและมากกว่าความไม่พอใจคือความกังวล
“เสี่ยวฉวนตายแล้ว แต่ยังมีอีกสามเรื่องที่ยังไม่จบ”
หลังจากที่เย่ฉางเฟิงทำแผลให้กับฉินหลั่งด้วยตัวเองเสร็จแล้วก็หันไปเผชิญหน้ากับจั่วเฉินบิงและเสิ่นชิงซานพลางเอ่ยขึ้น
“เรื่องที่หนึ่ง แจ้งทางสมาคมศิลปะการต่อสู้ว่าหลังจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าเสิ่นชิงซาน”
“หากเสิ่นชิงซานยังอยู่ในสมาคมศิลปะการต่อสู้ ทางพันธมิตรศิลปะการต่อสู้จะปฏิเสธความร่วมมือกับสมาคมทุกกรณี”
เขาตัดอนาคตของเสิ่นชิงซานในสมาคมไปแล้ว
สีหน้าของเสิ่นชิงซานเปลี่ยนไปทันที ใครก็รู้ว่าการที่เย่ฉางเฟิงประกาศแบบนี้ เสิ่นชิงซานไม่มีทางอยู่ในสมาคมศิลปะการต่อสู้ได้อีกต่อไป
เพราะเกียรติยศมากมายของสมาคมศิลปะการต่อสู้ ทั้งแชมป์การโจมตี แชมป์การชกและแชมป์ศิลปะการต่อสู้ ทางลูกศิษย์ของพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ทำคุณประโยชน์ไว้ไม่น้อย
“เย่ฉางเฟิง นายอย่าทำแบบนี้เลย”
เสิ่นชิงซานกดเสียงต่ำ “ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด นายไม่ควรกดดันให้ทางสมาคมไล่ฉันออก”
“การต่อสู้ในวันนี้ ถึงจะไม่ถือเป็นการสู้ระหว่างสองประเทศแต่ทั้งสองฝ่ายก็แบ่งแยกกันอย่างชัดเจน”
เย่ฉางเฟิงยังคงเอ่ยเสียงราบเรียบดังเดิม “ในฐานะที่นายเป็นรองประธานของสมาคมศิลปะการต่อสู้ มีหน้าที่ต้องเผยแผ่และฟื้นฟูความสามัคคีขอประชาชน!”
“แล้วดูนายสิ สรรเสริญชื่อเสียงของคนอื่นแต่กลับดูถูกความสามารถของคนกันเอง อีกทั้งยังประจบประแจงจอมยุทธ์ของประเทศญี่ปุ่นและสร้างความอัปยศให้กับฉินหลั่งครั้งแล้วครั้งเล่า”
เขาเอ่ยด้วยน้ำเสียงบีบบังคับอย่างเด็ดขาด “สวรรค์ยอมรับนายได้ แต่ฉันไม่สามารถยอมรับนายได้!”
เสิ่นชิงซานตอบโต้ด้วยสีหน้าไม่สู้ดี “เย่ฉางเฟิง นั่นก็เป็นเพราะฉันมองผลประโยชน์ของคนส่วนมากเป็นหลัก ไม่อาจทำลายความรู้สึกของทั้งสองฝ่ายได้”
“การต่อสู้อย่างยุติธรรม ทำไมจำเป็นต้องเห็นแก่ประโยชน์ของคนส่วนมาก?”
“หากฉินหลั่งเป็นฝ่ายพ่ายแพ้แล้วเสี่ยวฉวนตัดหัวฉินหลั่ง นายจะมาบอกว่าเห็นแก่ประโยชน์ของคนส่วนมากอยู่ไหม?”
เย่ฉางเฟิงเอ่ยติดตลกอีกประโยค “อีกอย่าง ทำไมเราต้องเห็นแก่ประโยชน์ของคนส่วนมากทั้งๆที่พวกญี่ปุ่นจะทำตัวโอหังยังไงก็ได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของคนส่วนมาก?”
“มันไม่เหมือนกัน……”
เสิ่นชิงซานหนังตากระตุก “ความสามารถของเราสู้เขาไม่ได้ เราจึงจำเป็นต้องสงวนท่าทีไว้”
“นายตาบอดหรือไง?”
เย่ฉางเฟิงแค่นหัวเราะ “เสี่ยวฉวนตายแล้ว ฉินหลั่งยังมีชีวิตอยู่ ใครกันแน่ที่ไม่มีความสามารถ?”
“แต่ที่ฉินหลั่งชนะไม่ใช่เพราะเผชิญกันตรงๆตั้งแต่แรก”
เสิ่นชิงซานตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ “เขาใช้วิธีเคลื่อนไหวที่ไม่ถูกต้องในการหลบหลีก จากนั้นถึงเอาชนะเสี่ยวฉวนได้ ฉันคิดว่ามันไม่ดี……”
เสิ่นชิงซานพูดเพ้อเจ้อไร้สาระ ไม่ดูหลักฐานในความเป็นจริง ความจริงก็คือฉินหลั่งแค่หยอกเสี่ยวฉวนเล่นแค่นั้น
“เสิ่นชิงซาน นายไม่รู้เลยว่าความสามารถด้านศิลปะการต่อสู้ของฉินหลั่งนั้นไปถึงขั้นไหนแล้ว ฉันจะบอกนายว่าทั้งนายและฉันรวมกันก็อาจจะยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของฉินหลั่ง ส่วนเสี่ยวฉวนนั้นความเป็นก็เป็นแค่เหยื่อในสายตาขอฉินหลั่งเท่านั้นแหละ นายตาบอดหรือ?”
เย่ฉางเฟิงตบหน้าอย่างไม่เกรงใจ การต่อสู้เมื่อกี้แทบจะไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์จะทำได้ เสิ่นชิงซานรู้จักพอเถอะ ไม่อย่างนั้นฉินหลั่งแค่กระดิกนิ้วก็ฆ่านายได้แล้ว
เพียงแต่ประโยคเหล่านี้ เย่ฉางเฟิงไม่ได้พูดออกไป
“นายกำลังดูถูกสติปัญญาของตัวเองหรือกำลังว่าคนญี่ปุ่นโง่กันแน่?”
เย่ฉางเฟิงตัดสินใจแน่วแน่ “ฉันให้เวลานายสามวันในการไสหัวออกไป ไม่อย่างนั้นฉันจะตัดความสัมพันธ์กับสมาคมศิลปะการต่อสู้”
เสิ่นชิงซานเงียบปากสนิท สีหน้าซีดเผือด เขารู้ว่าตัวเองแย่แล้ว
“เรื่องที่สอง……”
“เพียะ!”
เย่ฉางเฟิงเดินไปหยุดอยู่หน้าจั่วเฉินบิงจากนั้นก็ตบหน้าอีกฝ่ายไปฉาดใหญ่
จั่วเฉินบิงไม่อาจต่อต้านได้และก็ไม่กล้าต่อต้าน เขากรีดร้องออกมาก่อนจะกระเด็นไปไกลหลายสิบเมตร
หลังจากนั้นเขาก็ตะเกียกตะกายลุกขึ้นมาแล้วฝืนยิ้ม “เจ้านาย……”
“จั่วเฉินบิง นายใช้อำนาจเพื่อประโยชน์ส่วนตัว ตกเป็นทาสของคนชั่ว ปล่อยให้ลูกชายทำเลวไปทั่ว แล้วยังทำให้ศิษย์สำนักเดียวกันหันมาฆ่ากันเอง”
เย่ฉางเฟิงหยิบกระดาษชำระออกมาเช็ดมือทั้งสองข้าง
“และวันนี้ยังไม่เห็นแก่ผลประโยชน์ของพันธมิตรศิลปะการต่อสู้ ดูถูกประธานของเย็นจีน เชียร์คนญี่ปุ่น ช่างเป็นความผิดที่หนักหนาสาหัส”
“ตามกฎของบ้านเมืองแล้ว เป็นความผิดที่ไม่น่าให้อภัย ต้องฆ่าทิ้งทันที”
“แต่วันนี้จะไว้ชีวิตนายก่อน ฉันจะส่งตัวนายให้กับท่านผู้บังคับใช้กฎหมายคนใหม่ เขาจะต้องจัดการนายอย่างเหมาะสมเพื่อทำให้คนของพันธมิตรศิลปะการต่อสู้สบายใจ”
เมื่อได้ยินคำพูดแหลมคมของเย่ฉางเฟิงอย่างที่ตนไม่เคยได้รับการตำหนิอย่างร้ายแรงขนาดนี้มาก่อน เขาจึงรู้ว่าไม่อาจหลีกหนีความตายได้ตั้งแต่แรก แต่เมื่อฟังมาถึงประโยคสุดท้ายเขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก
เขาคิดว่าเย่ฉางเฟิงตั้งใจปล่อยเขาไป เพราะว่าผู้ใต้บังคับบัญชาของแผนกบังคับใช้กฎหมายล้วนได้เลื่อนตำแหน่งเพราะเขา เคารพเขาราวกับเคารพเทพเทวดา ถึงแม้จะเลือกผู้อาวุโสคนใหม่ยังไงก็ต้องเอื้อประโยชน์ให้เขาอย่างแน่นอน

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset