รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 551 ตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองเจียง

บทที่ 551 ตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองเจียง
โม่เป้ยเป้ยหวังเอาไว้ว่าทั้งสองคนจะไม่ทะเลาะกันอย่างแน่นอน แต่ทว่าทั้งสองคนต่างกลับไม่มีใครยอมอ่อนข้อให้กัน
แท้ที่จริงแล้วเธอมีความประทับใจฉินหลั่งอยู่ไม่น้อย พูดได้ว่าเป็นผู้มีพระคุณที่ช่วยเหลือชีวิตเอาไว้ก็ว่าได้
“เฮ้ย! คุณก็แน่ไม่เบาเลยนะ”
เหอหย่าซินชูนิ้วโป้งให้กับฉินหลั่ง แต่ว่าความดูถูกที่ปรากฏบนใบหน้ากลับรุนแรงยิ่งขึ้น: “ฉันจะดูว่าคุณจะแน่ได้ถึงเพียงไหน”
ตรงจุดที่ทั้งสองคนเผชิญหน้ากันนั้น มีรถหรูหลายคันขับพุ่งตรงมา พร้อมกับมีชายและหญิงหลายคนที่แต่งตัวดูดีลงมาจากรถดังกล่าว
“เป่าซาน……” เหอหย่าซินวิ่งเข้าไปหาคนแรก แล้วเอาศีรษะไปซบที่อ้อมแขนของชายผู้นั้น ชายผู้นั้นตัดผมทรงสกินเฮด จอนผมด้านซ้ายมีลายรูปภาพ มองดูแล้วน่าจะไม่ใช่คนดีเป็นแน่
โม่เป้ยเป้ยเดินเข้าไปหาชายและหญิงเหล่านั้นพร้อมกับจับมือแสดงความทักทาย ดูแล้วช่างสนิทสนมกันเหลือเกิน
จากนั้นเหอหย่าซินก็ยังคงซบอยู่ในอ้อมแขนของชายทรงผมสกินเฮดผู้นั้น และแนบไปที่ข้างหูพร้อมกับกระซิบพึมพำให้ชายผู้นั้นฟัง
กลุ่มวัยรุ่นถักผมเปียทั้งฟัง ทั้งพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็มองไปยังฉินหลั่งด้วยสายตาอันเฉียบคมมากขึ้น
แต่ว่าเขาก็ไม่ได้เข้ามาสร้างปัญหา ได้นำตัวโม่เป้ยเป้ยและเหอหย่าซินขึ้นรถแล้ว ก็เหยียบคันเร่งขับรถจากไป
“เป่าซาน คุณและหย่าซินอย่ามาสร้างความวุ่นวายเชียวนะ”
“ฉินหลั่งอย่างน้อยก็เคยได้ช่วยเหลือชีวิตของฉันเอาไว้ พวกคุณห้ามทำร้ายเขาเป็นอันขาด”
เมื่อสักครู่โม่เป้ยเป้ยได้ยินเพื่อนรักถูกกล่าวหาอย่างรุนแรง เธอกังวลเกรงว่าฉินหลั่งจะโดนทำร้ายจึงตะโกนร้องขอไปว่า “ขอถือว่าเป็นการให้เกียรติฉันแล้วกันนะ”
“วางใจเถอะ เป้ยเป้ย ให้เกียรติคุณ ผมจะไม่ให้เขาตาย”
เป่าซานตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงที่โหดเหี้ยม:
“แต่เขาเป็นคนทำให้หย่าซินโกรธมากขนาดนี้ และยังสาปแช่งเธอ ฉันจำเป็นต้องสั่งสอนให้เขารับรู้บ้างหละ”
“ถูกต้อง จะต้องให้เขาได้รับรู้ถึงความทรมานบ้าง ไม่อย่างงั้นเขาไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง”
เหอหย่าซินก็พูดเพิ่มเติมอีกว่า: “ส่วนเป้ยเป้ยก็ทำดีที่สุดแล้ว เคยตักเตือนเขาไปก่อนแล้วแต่ก็ไม่ยอมฟัง แม้แต่กล่าวขอโทษก็ยังไม่ยอม”
“ดังนั้น คุณไม่จำเป็นต้องปกป้องเขาอีกต่อไปแล้ว”
เธอมองผ่านกระจกหลังแล้วชำเลืองดูเล็กน้อย เห็นฉินหลั่งยืนอย่างโดดเดี่ยวคนเดียวบนพื้นที่โล่ง ใบหน้าที่งดงามแฝงไปด้วยความหยิ่งผยอง
เจ้าหนุ่มน้อย แกไม่มีทางรอดแล้ว
โม่เป้ยเป้ยกังวลใจอย่างมาก: “พวกคุณจะทำอะไรเขา?”
“เปล่าเลย ผมเพียงแค่ทักทายเพื่อนสนิทก็เท่านั้นเอง”
เป่าซานกล่าวอย่างดุดันว่า: คนขับรถแท็กซี่บริเวณสถานีรถไฟความเร็วสูงไม่มีใครรับเขาหรอก ส่วนรถที่จองทางอินเทอร์เน็ตก็คงจะปฏิเสธเขาด้วยเช่นกัน
“วันนี้หากเขาจะออกจากสถานีรถไฟความเร็วสูง คงจะต้องขี่จักรยานแบ่งปันออกไป”
เมื่อพูดจบ เหอหย่าซินก็หัวเราะออกมา รู้สึกสะใจ ลองคิดดูว่า สถานีรถไฟความเร็วสูงใหญ่ขนาดนี้ ไม่มีรถรับเขา ฉินหลั่งคงจะร้อนใจน่าดู
โม่เป้ยเป้ยแสดงสีหน้าแบบหมดหนทาง อยากจะพูดอะไรบ้าง แต่สุดท้ายก็เลือกที่จะเงียบ ฉินหลั่งเป็นคนนิสัยไม่เลวเลย แต่ดื้อรั้น จำต้องให้สังคมสั่งสอนสั่งสอนเขาบ้าง
การเดินออกจากสถานีรถไฟความเร็วสูง เสมือนเป็นการอบรมสั่งสอนที่ดีแก่ฉินหลั่งอย่างหนึ่ง
“ไม่ต้องไปสนใจเขา พวกเราไปกินข้าวกันเถอะ”
เป่าซานขับรถส่ายไปส่ายมา ในแววตาของเขาแฝงไปด้วยความโหดร้าย
เขาให้ฉินหลั่งเดินออกจากสถานีรถไฟความเร็วสูงซะที่ไหน เขายังเรียกนักเลงมารุมทำร้ายฉินหลั่งด้วย
เขาต้องการให้ฉินหลั่งคลานออกจากสถานีรถไฟความเร็วสูง
ในช่วงเวลาเดียวกันนั้น ก็มีรถตู้คันหนึ่งมาจอดอยู่ด้านตรงข้ามของฉินหลั่ง
เมื่อประตูรถเปิด ก็มีนักเลงสี่ห้าคนลงมาจากรถ คาบบุหรี่และเดินตรงเข้ามาหาฉินหลั่ง
ในมือของพวกเขาถือท่อเหล็กที่ห่อด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์
ฉินหลั่งรู้สึกได้ถึงความเป็นปรปักษ์ แล้วชำเลืองมองไปยังฝ่ายตรงข้าม “พวกแกจะทำอะไร?”
“ไอ้เด็กน้อย แกล่วงเกินคนที่ไม่ควรจะล่วงเกิน ยอมซะดี ๆ อย่าขัดขืน จะหักขาของแกสักหนึ่งข้าง”
นักเลงหัวล้านคนหนึ่งพ่นควันบุหรี่และพูดว่า: “หากขัดขืน ก็สองข้าง”
พวกเขายิ้มเยาะเย้ยและเดินใกล้เข้ามา
“อี๊ด—-”
ในขณะนั้นเอง รถยนต์โรลส์-รอยซ์คันหนึ่งก็ขับผ่านมา และก็หยุดจอดอยู่ข้างฉินหลั่งอย่างเงียบ ๆ
ประตูรถเปิดขึ้น ปรากฏผู้อาวุโสผมสีเงินและมีท่าทางทะมัดทะแมงท่านหนึ่ง
“พ่อหนุ่มฉิน ฉันคือเหลียนหรงหวา ขอโทษด้วย”
เหลียนหรงหวาโค้งตัวคำนับเก้าสิบองศา: “ฉันมาช้าไป”
“……ตระกูลเหลียน……”
นักเลงเหล่านั้นพากันตกตะลึงในทันที มือที่ถือท่อเหล็กเริ่มสั่น แล้วท่อเหล็กก็ตกลงสู่พื้น……
พ่อบ้านเหลียนเห็นซานโก่วพวกนักเลงอันธพาลเหล่านั้น แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร เพียงแค่เหลือบชายตามองอย่างเย็นชา
แต่มองเพียงแค่แวบเดียว ก็ทำให้ซานโก่วนักเลงอันธพาลเหล่านั้นเย็นชาไปทั้งร่างกาย
พวกเขารับรู้ได้อย่างชัดเจนว่า ได้ล่วงเกินต่อตระกูลเหลียน ตระกูลอันดับหนึ่งแห่งเมืองเจียง พวกเขาตกที่นั่งลำบากแล้ว ลำบากแล้ว
เป็นเช่นนั้นจริง พ่อบ้านเหลียนได้นำฉินหลั่งขึ้นบนรถและขับออกไปจากตรงนั้น และก็มีรถสีดำอีกคันหนึ่งขับมาแล้วก็จับกุมตัวพวกเขาไป
ฉินหลั่งไม่ได้ครุ่นคิดถึงซานโก่วพวกนักเลงเหล่านั้นว่าจะได้รับการลงโทษอย่างไร เขาคิดแต่เพียงว่าผู้ป่วยมีสภาพเป็นอย่างไรในตอนนี้:
“พ่อบ้านเหลียน บอกฉันหน่อยนะว่า ผู้ป่วยตอนนี้สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง?”
“โธ่ พ่อหนุ่มฉิน ผู้ป่วยที่อยู่ที่เตียงนั้นคือลูกหญิงคนที่สองของตระกูลเหลียน นามว่าเหลียนเทียนเหอ ไม่นานมานี้เดินทางไปต่างเมือง มีอยู่วันหนึ่งเดินทางผ่านเขตเมืองหนึ่ง ทันใดนั้นมีขวดขวดหนึ่งขว้างออกมาซึ่งไม่รู้ว่าใครเป็นคนขว้าง ก๊าซพิษภายในขวดได้ระเบิดออกมา ขณะนั้นลูกหญิงคนที่สองก็เริ่มรู้สึกไม่ค่อยสบาย เมื่อกลับมาถึงบ้านก็ล้มป่วยลง จนถึงวันนี้อาการก็ไม่ดีขึ้น พวกเราได้เชิญคุณหมอที่เก่งกาจจากโรงพยาบาลมารักษา แต่อาการก็ยังไม่ดีขึ้น คุณหมอท่านได้พูดว่า ลูกหญิงคนที่สองได้รับบาดเจ็บบริเวณสมอง”
“ตอนนี้ ลูกหญิงคนที่สองอยู่ในอาการหมดสติ ยังคงต้องพักรักษาตัวบนเตียงต่อไป”
พ่อบ้านเหลียนพูดอย่างนอบน้อมว่า: “วันนี้คุณผู้หญิงยังได้เชิญคุณหมอฝีมือดีจากทุกสารทิศเพื่อมารักษา”
“คุณผู้หญิงหวังว่าร่วมแรงร่วมใจกันจะสามารถหาวิธีการรักษาได้ แต่ผ่านไปครึ่งเช้าของวันแล้วยังไม่มีผลอะไรคืบหน้าเลย”
“ตอนนี้หวังเพียงให้พ่อหนุ่มฉินจัดการรักษาแล้ว”
เมื่อตอนพบเจอฉินหลั่ง เขาก็รู้สึกตื่นตะลึง นึกไม่ถึงเลยว่าฉินหลั่งจะมีฝีมือการรักษาที่สูงส่งระดับนี้ ขนาดที่คุณยายพริกยังเชื่อมั่นถึงขนาดนี้ ทำให้เขาไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ
เมื่อได้ยินว่าวันนี้ยังมีคุณหมอผู้เชี่ยวชาญจำนวนมากมาให้การรักษา ฉินหลั่งไม่ได้โกรธเคืองและไม่สบายใจใด ๆ เพราะสำหรับตระกูลเหลียนแล้วนั้น ขณะนี้ความหวังอันเพียงน้อยนิดพวกเขาก็คงจะไม่ละทิ้งโอกาส
ในขณะที่ฉินหลั่งกำลังครุ่นคิดอย่างมีสมาธิอยู่นั้น พ่อบ้านเหลียนพูดขึ้นว่า:
“หมอเทวดาฉิน สถานที่แห่งนี้คือพิพิธภัณฑ์ประวัติศาสตร์เมืองเจียง!”
“ที่นี่คือสถานที่สำคัญเซียนเห้อทาวเวอร์ มีนักท่องเที่ยวมากมายมาเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้ ”
“ที่นี่คือถนนช็อปปิ้งสำคัญแห่งเมืองเจียง……”
ระหว่างการเดินทางนั้น พ่อบ้านเหลียนเห็นฉินหลั่งชื่นชมทิวทัศน์ตลอดสองข้างทาง ก็ยิ้มดีใจพร้อมกับแนะนำสถานที่ต่าง ๆ ให้ฉินหลั่งได้ฟัง
ฉินหลั่งชำเลืองมองและชื่นชมเมืองที่มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานแห่งนี้
เมืองเจียงเป็นเมืองท่า และเต็มไปด้วยวัฒนธรรม ดังนั้น ในทุก ๆ สถานที่จะสามารถพบเห็นสิ่งก่อสร้างอาคารโบราณที่สวยงามโดดเด่น
แต่ทว่าการที่มีสิ่งก่อสร้างโบราณมากมายนั้น ทำให้เมืองเจียงไม่สามารถที่จะรื้อทำลายได้ง่ายเหมือนกับเมืองอื่น ๆ จึงต้องเลือกเขตพื้นที่แห่งใหม่เพื่อเป็นเขตการพัฒนาที่สำคัญ
ฉินหลั่งมองไปยังเขตพัฒนาใหม่ที่มีชีวิตชีวาของเมืองเจียง สายตาหยุดอยู่ที่ตรงกลางระหว่างตึกอาคารกว่าสิบหลังที่กำลังก่อสร้าง บริเวณตรงนั้นมีพื้นดินที่โล่งว่างเปล่าอยู่ส่วนหนึ่ง
พื้นดินตรงจุดนั้นมีหญ้าขึ้นปกคลุมรุงรัง ไม่มีร่องรอยของการก่อสร้าง เขาถามขึ้นด้วยความแปลกใจว่า:
“พื้นที่ตรงนั้นคืออะไร? พื้นที่ทำเลทองเหรอ ทำไมเงียบเชียบขนาดนี้”
พ่อบ้านเหลียนเหลือบมองไปดู หัวเราะแล้วพูดขึ้นว่า:
“ที่ตรงนี้เดิมเคยเป็นพื้นที่รกร้าง ตระกูลเหลียนได้ซื้อพื้นที่นี้เอาไว้เมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน”
“ยี่สิบปีก่อนนั้น พื้นที่บริเวณตรงนี้ล้วนเป็นป่าที่รกร้างว่างเปล่า ไม่ต้องถามถึงว่ามีรถไฟใต้ดินหรือห้างสรรพสินค้าไหม เพราะมีเพียงบ้านไม่กี่หลังเท่านั้น ส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่ทำไร่ทำนาทำสวนผลไม้”
“ในตอนนั้นลูกหญิงคนที่สองของตระกูลเหลียน ตอนที่เป็นเด็ก ๆ ชอบต้นไม้ดอกไม้ป่าที่พื้นที่ตรงนี้ ตระกูลเหลียนจึงได้ซื้อพื้นที่บริเวณตรงนี้ทั้งหมด เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดให้แก่ลูกหญิงของตน
“พื้นที่ประมาณหนึ่งร้อยกว่าหมู่ ตอนนั้นที่ดินตารางเมตรละยี่สิบหยวน รวมทั้งหมดก็ประมาณหนึ่งล้านกว่าหยวน”
“ตอนนี้ราคาคงเพิ่มขึ้นไม่รู้กี่เท่าตัวแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้พื้นที่ตรงนี้ได้กลายเป็นเขตพัฒนาแห่งใหม่ จุดศูนย์กลางของเมืองในอนาคต ทำให้พื้นที่ตรงนี้คงมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอีกมาก”
“แต่ว่าสิทธิครอบครองพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างวุ่นวายพอสมควร ตระกูลเมิ่งต้องการซื้อพื้นที่นี้ในราคาห้าพันล้าน แต่สิทธิครอบครองพื้นที่ไม่ได้เป็นของเหลียนซื่อกรุ๊ป ดังนั้น ตามกฎหมายแล้วจึงไม่สามารถทำการซื้อขายกันได้”
“ตระกูลเมิ่ง? ตระกูลเมิ่งไหนเหรอ” ฉินหลั่งเกิดความสนใจขึ้นในทันที
“ก็คือตระกูลเมิ่งแห่งเย็นจีนนั่นไง เมิ่งชิงอวี่ คุณรู้จักเหรอ?”
“อืม คือเขางั้นเหรอ” ฉินหลั่งละสายตาออกจากพื้นที่ตรงนั้น คิดในใจว่าเมิ่งชิงอวี่ประกอบธุรกิจใหญ่ขนาดนี้เหรอเลยเหรอ

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset