รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 553 ศิษย์ไร้ครู ฝึกฝนเรียนรู้ด้วยตนเอง

บทที่ 553 ศิษย์ไร้ครู ฝึกฝนเรียนรู้ด้วยตนเอง
ดังนั้นทุกคนจึงต้องการที่จะคว้าโอกาสครั้งนี้ให้แก่ตนเอง
น่าขันเสียจริง พวกเขาผู้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังยังเปรียบไม่ได้แม้กระทั่งพ่อหนุ่มน้อยงั้นเหรอ?
นี่คือการรักษาโรค ไม่ใช่เป็นการแข่งขัน พ่อหนุ่มฉินไม่ใช่ว่าจะขึ้นไปชกต่อยลูกหญิงคนที่สองสักหมัดสองหมัด แล้วอาการของโรคจะหายดีขึ้น
จากการที่สวี่ซีเหวินขัดขวาง คุณหมอทุกท่านก็มีท่าทีไปในทำนองเดียวกัน นัยน์ตามีแต่ความเยาะเย้ยและดูถูกฉินหลั่ง
หลังจากที่เผชิญหน้ากับคำถามของสวี่ซีเหวิน ฉินหลั่งแอบยิ้มเล็กน้อย เขาหยุดไม่ให้สือฟางเฟย อธิบายแก้ต่างให้กับเขา และมองไปยังสวี่ซีเหวินอย่างไม่สะทกสะท้านพร้อมกล่าวขึ้นว่า:
“ฉันไม่เคยได้ร่ำเรียนวิชากับอาจารย์ท่านใดตามที่คุณได้กล่าวถึง และก็ไม่เคยได้เข้าศึกษาในสถาบันการแพทย์ที่มีชื่อเสียงด้วย……”
น้ำเสียงของเขาแน่นิ่ง: “ฉันคือจอมยุทธ์”
เมื่อคำพูดนี้ออกไป ทุกคนพากันแตกตื่นไปทั่ว
“คุณยังกล้าพูดว่าจะรักษาคนป่วยให้อาการดีขึ้นงั้นเหรอ”
“แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญทุกท่านในที่แห่งนี้ยังหมดหนทางการรักษา แล้วทำไมคุณถึงยังมีความเชื่อมั่นในตัวเองขนาดนี้?”
สวี่ซีเหวินขัดจังหวะการสนทนาของฉินหลั่ง: “คุณเสแสร้งทำเป็นพูดดีให้ทุกคนเชื่อ นี่คือการหลอกลวงคุณผู้หญิง และยังเป็นการฆ่าปิดปากผู้ป่วยด้วย”
“คุณผู้หญิง ต่อให้คุณรีบร้อนเพื่อต้องการหาคนมารักษาแค่ไหน แม้ว่าจะหาแพทย์ทหารอาวุโสทั่วไปมารักษาก็ตาม พวกเราก็คงจะไม่ว่าอะไร เพราะพวกเขาล้วนมีประสบการณ์การรักษาทางการแพทย์ ”
สวี่ซีเหวินจ้องมองไปทางฉินหลั่งแล้วพูดต่อว่า:
“สำหรับพ่อหนุ่มผู้นี้ที่บอกว่าตัวเองเป็นจอมยุทธ์ ไม่เคยได้รับการอบรมวิชาทางการแพทย์ใด ๆ แถมยังมาด้วยมือเปล่า คุณยังให้เขาเข้าไปรักษา ไม่ใช่เป็นการเล่นตลกกับคนป่วยอย่างนั้นเหรอ?”
คุณหมอทุกท่านต่างพากันพยักหน้าเห็นด้วย
พวกเขาพากันมารักษาเหลียนเทียนเหอ ไม่เพียงแค่มากันทั้งทีมงาน ยังนำเครื่องมือการแพทย์มาอย่างครบครัน แม้แต่เลือดแช่แข็งที่ใช้สำหรับเพิ่มเลือดก็ยังนำติดตัวมาด้วย ซึ่งเปรียบเหมือนกับห้องรักษาผู้ป่วยเคลื่อนที่เลยทีเดียว
แต่ในมือของฉินหลั่งกลับไม่มีอะไรเลย ยากมากที่จะทำให้ทุกคนเชื่อถือ
ทุกคนมองไปยังฉินหลั่งด้วยสายตาที่ดูถูกเหยียดหยาม รู้สึกว่าฉินหลั่งไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง
สือฟางเฟยและเหลียนหรงหวาพากันขมวดคิ้วเล็กน้อย คิดไม่ถึงว่าสวี่ซีเหวินพวกเขาจะทำการขัดขวางฉินหลั่ง
ฉินหลั่งหัวเราะ: “ไม่เคยได้ศึกษากับผู้มีวิชาแพทย์อันสูงศักดิ์ ไม่เคยได้ร่ำเรียนในสถาบันการแพทย์ที่มีชื่อเสียง ก็ไม่สามารถรักษาโรคให้กับผู้ป่วยได้งั้นเหรอ?”
“ได้สิ แต่คุณต้องเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์ทางการแพทย์เท่านั้น”
“ถ้าหากคุณคิดว่าคุณคือผู้ที่มีพรสวรรค์ งั้นก็ลองแสดงความสามารถออกมาให้ทุกคนเห็นสิ?”
สวี่ซีเหวินมองฉินหลั่งด้วยสายตาอันยั่วยุ: “หากแสดงฝีมือออกมาไม่ได้ ก็ไม่ควรจะปิดบังคุณผู้หญิงและก่อกวน และที่สำคัญอย่ามาขัดขวางการรักษาผู้ป่วยของพวกเรา……”
“พวกเราได้จดรวบรวมชุดยารักษาที่ดีที่สุดแล้ว พร้อมกับแผนการรักษา ซึ่งจะรักษาคนป่วยให้มีอาการดีขึ้นได้อย่างแน่นอน”
เธอชี้ไปยังแผนการรักษาที่คุณหมอทุกท่านได้ร่วมกันคิดหาวิธีการที่วางอยู่บนโต๊ะ: “ต้องการให้แสดงรายละเอียดให้คุณดูไหม?”
เธอครุ่นคิดว่าฉินหลั่งคือผู้ที่มีอำนาจแนะนำมาทำให้มีสิทธิพิเศษ จึงต้องการใช้เขาเป็นเครื่องมือในการแสดงความสามารถของตัวเองและทีมงานให้เขาได้รับรู้
“จะให้ฉันดูเพิ่มเติมความรู้งั้นเหรอ? คงไม่ต้องหรอก”
เดินทีฉินหลั่งไม่คิดที่จะสนใจสวี่ซีเหวิน แต่การที่ถูกยั่วยุอยู่ตลอดนั้น ฉินหลั่งก็เริ่มเกิดความโมโหขึ้นบ้าง:
“หากว่าทายไม่ผิด รายชื่อยาของพวกเธอนั้นคือ ชะมด เทียนจู้เหลือง ผงละมั่งฮอร์น เขากวางกำมะหยี่ ไห่เอ๋อเฉินไท่ซี่เหมิน เรแมนเนีย ฮวยซัว เป็นต้น ซึ่งเป็นสมุนไพรยาจีนสิบกว่าชนิด”
“สรรพคุณคือ: บำรุงไตเพิ่มสมรรถภาพ เสริมสร้างความแข็งแรงของม้าม บำรุงสมองสร้างเซลล์ไขกระดูก”
แววตาของฉินหลั่งกลายเป็นดุดันขึ้น: “เน้นรักษาประสาทการเคลื่อนไหวการรับรู้ที่เชื่องช้าและการขาดออกซิเจนของสมอง ”
“คุณมารู้รายชื่อยาของพวกเราได้อย่างไร?”
เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านั้น สวี่ซีเหวินมีท่าทีที่เปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน หล่อนตกตะลึงและมองมาที่ฉินหลั่ง ไม่เข้าใจว่าทำไมฉินหลั่งถึงรับรู้รายละเอียดของชื่อยาที่จะนำมารักษาอาการได้
เธอคิดจะกล่าวหาว่าฉินหลั่งมาแอบขโมยดู แต่ฉินหลั่งก็เพิ่งมาถึงห้องโถงเมื่อสักครู่ ยังไม่ได้เข้าใกล้โต๊ะเลยแม้แต่น้อย
“ฉันไม่เพียงแค่รู้รายละเอียดชื่อยาของพวกคุณเท่านั้น ฉันยังวินิจฉัยได้อีกว่า การรักษาของพวกคุณจะแบ่งออกเป็นสามขั้นตอน”
ฉินหลั่งขยับเดินเข้าไปอีกก้าวและยังคงเหลียวมองมาที่สวี่ซีเหวิน:
“ขั้นตอนแรก; เน้นการบำรุงไตเพิ่มไขกระดูก ปลุกประสาทการรับรู้ให้ตื่นตัว รักษาระบบประสาทและสมองของผู้ป่วยให้ปกติและสมบูรณ์แข็งแรง”
“ขั้นตอนที่สอง; บำรุงม้ามและกะเพาะอาหารให้ทำงานปกติ ปรับสมดุลของอวัยวะภายใน สร้างความผ่อนคลายชุ่มชื้นให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น แขนขาและกระดูก เพื่อรับรองว่าร่างกายได้รับสารอาหารและวิตามินครบถ้วน ”
“ขั้นตอนที่สาม; ปรับสมดุลหยินและหยางของอวัยวะภายใน ปรับปรุงช่องการไหลเวียนของเลือดให้สูบฉีดดีขึ้น กระตุ้นให้พัฒนาการของร่างกายเติบโตอย่างสมบูรณ์ เพื่อทำให้ผู้ป่วยมีสภาวะทางร่างกายเป็นปกติมากขึ้นมากว่าเดิม”
“แม้ว่าวิธีการรักษาของคุณจะไม่เลว แต่แค่เพียงทำให้ร่างกายกลับมาทำงานอย่างปกติ ส่วนที่จะทำให้ผู้ป่วยมีสติฟื้นขึ้นมานั้นยังคงไม่มั่นใจว่าจะสำเร็จ……”
ฉินหลั่งพูดอย่างมีอารมณ์ขันว่า:
“พูดได้อีกอย่างหนึ่งว่า คุณเพียงแค่ทำให้ผู้ป่วยที่หมดสติเป็นเจ้าหญิงนิทรามีสภาพร่างกายที่แข็งแรงขึ้นเท่านั้น ไม่ใช่ว่าจะทำให้หล่อนฟื้นมีสติกลับคืนมาสักหน่อย”
สวี่ซีเหวินมีสีหน้าซีด มือกำแผนการรักษาของตนไว้อย่างเหนียวแน่น: เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้ ทำไมคุณจึงทายออกมาในลักษณะนี้?”
คุณหมอผู้ร่วมงานท่านอื่นก็ยืนแข็งทื่อเช่นกัน ขยับปากไปมา คล้ายกับว่าจะต้องการพูดอะไร แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครออกเสียง
“ฉันจะบอกกับคุณไว้หนึ่งอย่างนะ……”
ฉินหลั่งมองไปยังสวี่ซีเหวินพร้อมพูดเบา ๆ ว่า: “วิธีการรักษาของคุณนี้ แม้แต่จะบำรุงให้ร่างกายแข็งแรงทำงานเป็นปกติก็ยังไม่ได้ ทำได้แค่ช่วยเสริมบำรุงทั่วไปในแต่ละวันเท่านั้น”
“ทานยานี้เข้าไปก็ไม่ถึงกับเกิดผลอันตรายใด ๆ แต่ขณะนี้ผู้ป่วยอยู่ในสถานการณ์วิกฤต คุณให้เธอทานยาชุดนี้เข้าไป ก็ไม่แตกต่างกับทานยาปลอมที่ทำขึ้นมาจากแป้ง มันเป็นการเพิ่มความยุ่งยากขึ้นทั้งหมด”
สวี่ซีเหวินจากใบหน้าที่ซีดกลายเป็นแดงกล่ำ คิดที่จะตอบโต้ แต่ก็อับอายไม่กล้าจะพูดออกมา
“พวกคุณศึกษาวิชาการแพทย์มาตั้งนาน ไม่ได้เรียนรู้การอ่อนน้อมถ่อมตัวเลย กลับเก่งแต่ในเรื่องสงสัยคลางแคลงใจผู้อื่น”
“ความสามารถ? ต้องการความสามารถอะไรจากฉัน?”
ฉินหลั่งยังไม่ยอมหยุดเพียงเท่านี้ กวาดสายตามองไปรอบ ๆ พร้อมกับต่อว่าคุณหมอที่ออกมาโวยวายใส่เขา:
“จะให้ฉันพูดไหมว่าพวกคุณลุงคนไหนที่ปวดกะเพาะอาหารทุกคืนเป็นเพราะว่าไม่ได้กินอาหารตามเวลา หรือน้องสาวคนไหนที่กระดูกสันหลังก้นกบแตกร้าวเวลานั่งเหมือนมีเข็มมาทิ่มแทง?”
“หรือจะให้ชี้แล้วบอกว่าคุณปู่คนนี้มีลางว่าจะเป็นโรคพาร์กินสัน คุณลุงวัยกลางคนผู้นี้เหงื่อออกง่ายเป็นเพราะตอนเด็กจมน้ำจึงเป็นสาเหตุที่มาของอาการนี้?”
“หรือจะว่า……”
ฉินหลั่งชี้นิ้วไปที่คางที่งดงามของสวี่ซีเหวิน:
“จะบอกให้ทุกคนทราบนะว่าที่คุณสวี่โมโหร้ายเพราะเป็นโรคแอนโดรโฟเบีย?”
สงบเงียบกันไปทั้งหมด
หลังจากผ่านพ้นการต่อว่าอย่างไม่เกรงใจที่สร้างความอับอายให้แก่ทุกคน ฉินหลั่งก็เดินออกจากห้องโถงแล้วเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบน
เขาเดินตามสือฟางเฟยจนมาถึงห้องของเหลียนเทียนเหอ
สวี่ซีเหวินและคุณหมอเหล่านั้นแม้ว่าจะโกรธเคือง แต่เนื่องจากมีความอยากรู้อยากเห็นจึงเดินตามกันขึ้นมา อยากจะดูว่าคนที่โอหังอย่างฉินหลั่งจะสามารถทำให้เหลียนเทียนเหอรู้สึกตัวขึ้นได้หรือไม่
ฉินหลั่งไม่ได้สนใจพวกเขา ดังนั้นสือฟางเฟยจึงไม่ได้ขับไล่
ขึ้นมาถึงห้องนอนที่อยู่ชั้นบน ฉินหลั่งเห็นเหลียนเทียนเหอนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย รอบกายเต็มไปด้วยเครื่องมือทางการแพทย์ แสดงออกได้ถึงสภาพชีวิตของเธอในขณะนี้
เหลียนเทียนเหอที่รื่นเริงมีชีวิตชีวาในวันวาน ขณะนี้นอนอยู่บนเตียงขยับตัวก็ไม่ได้ ร่างกายไม่ได้ซูบผอมลง แต่บริเวณแก้มปูดบวมขึ้น ขอบตาและริมฝีปากคล้ายกับถูกตบแต่งด้วยเครื่องสำอางสีรมควัน
สือฟางเฟยเดินเข้ามา:
“หมอเทวดาฉิน เชิญ”
สือฟางเฟยเปลี่ยนแปลงการเรียกขานฉินหลั่งแล้ว นั่นแสดงว่ารู้สึกพอใจอย่างมากต่อการแสดงออกของฉินหลั่งเมื่อสักครู่นี้
ฉินหลั่งพยักหน้าเบา ๆ แล้วเดินเข้าไปจับชีพจรของเหลียนเทียนเหอ
ไม่นานนัก ฉินหลั่งก็รับรู้ได้ว่า อาการป่วยของเหลียนเทียนเหอค่อนข้างหนัก ซึ่งนอกจากบาดแผลบริเวณร่างกายแล้ว ที่น่าเป็นห่วงที่สุดคือระบบประสาทส่วนกลางได้รับการกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง
เหลียนเทียนเหอมีชีวิตรอดได้ถึงตอนนี้ คุณหมอที่เชิญมารักษาไม่ใช่ว่าจะไม่สร้างประโยชน์ แม้ว่าพวกเขาไม่สามารถรักษาอาการของคุณเหลียนให้หายได้ แต่ก็ช่วยชะลอการเสียชีวิตของอีกฝ่ายเอาไว้ได้
มิเช่นนั้นแล้วเหลียนเทียนเหอคงจะเสียชีวิตไปก่อนหน้านี้แล้ว
ห้านาทีหลังจากนั้น ฉินหลั่งหยุดการจับชีพจร ซึ่งไม่สามารถคาดเดาอะไรได้จากท่าทีบนใบหน้าของเขาได้
“หมอเทวดาฉิน เทียนเหอมีอาการเป็นอย่างไรบ้าง?”
สือฟางเฟยเอ่ยปากถามเบา ๆ หน้าผากคิ้วขมวดเต็มไปด้วยความกังวล: “จะรู้สึกตัวฟื้นขึ้นได้ไหม”
หญิงผู้นี้แม้อายุจะสี่สิบกว่าปีแล้ว แต่บำรุงรักษาสุขภาพและผิวพรรณได้เป็นอย่างดี การเคลื่อนไหวในแต่ละท่วงท่าอ่อนช้อยคล้ายกับลมฤดูใบไม้ผลิพัดผ่าน ให้ความรู้สึกงดงามอ่อนไหว
ฉินหลั่งหันกลับมาแล้วยิ้มกับเธอ: “วางใจได้ เธอจะรู้สึกตัวฟื้นขึ้นมาได้อย่างแน่นอน”

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset