รวยชั่วข้ามคืน?! – ตอนที่ 620 มีความมั่นใจ

บทที่ 620 มีความมั่นใจ
ความคิดเห็นสองคนขัดแย้งกันอย่างเห็นได้ชัด ส้งฉางซิงได้แต่ถอนหายใจ ไม่พูดอะไรต่อไปอีก
ส้งฉ่างเว่ยเป็นผู้กำกับ เขารู้สึกว่าการโยกย้ายกำลังในมือของตัวเองมีมากกว่าฉินหลั่งแน่นอน ซึ่งก็สามารถจะเข้าใจได้
ส้งฉางเว่ยพูดอย่างอารมณ์เสียจนจบ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้ เพื่อรอผลสรุปแผนการรักษาของบุตรสาว
โรงพยาบาลศูนย์เย็นจีนก็เริ่มปฏิบัติการขึ้น เปิดประชุมวิธีการรักษาครั้งสำคัญ
จนกระทั่งซูเวย เดินออกมาจากห้องประชุม ขมวดคิ้วแน่นแล้วเคาะประตูห้องพักผ่อน
ส้งฉางเว่ยที่กำลังหลบตาพักผ่อนก็ลืมตาขึ้นมา “ผอ.ซู แผนการรักษาออกมาหรือยัง?”
“ผู้กำกับคะ แผนการรักษาออกมาแล้วค่ะ”
ซูเวยถอนหายใจยาว จากนั้นก็รวบรวมความกล้าเอ่ยปากพูดขึ้น “สภาพของคนป่วยไม่ดีอย่างมาก เมื่อครู่ภายในสองชั่วโมง ก็ยังมีเลือดออกที่บาดแผลหลายแห่ง”
“อีกอย่างเส้นเลือดหลักของปอดที่ถูกกระดูกเสียบอยู่ก็เกิดรอยแตกร้าว”
“สถานการณ์เช่นนี้ คุณหนูส้งก็คงอยู่ได้ไม่ถึงบ่ายวันพรุ่งนี้”
“ฉะนั้น หลังจากผ่านการลงมติของผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์จำนวนยี่สิบท่านจากโรงพยาบาลสี่แห่งแล้ว คืนนี้ก็จะทำการผ่าตัดทรวงอกให้กับคุณหนูส้งค่ะ”
เธอยืดตัวตรงขึ้นเล็กน้อย “ฉันจะเป็นมือหลักในการผ่าตัดเองค่ะ”
“ผ่าตัดทรวงอกเหรอ?”
ส้งฉางซิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “คนป่วยร่างกายอ่อนแออย่างนี้ จะไหวหรือครับ?”
ส้งหุ้ยเฉียว ตอนนี้ร่างกายอ่อนแออยู่แล้ว ยังต้องเข้ารับการผ่าตัดใหญ่อีก ส้งฉางซิงเป็นห่วงว่าเธอจะทนไม่ไหว
ซูเวยกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “มาตรการเตรียมพร้อมแล้ว ไม่ใช่ปัญหาค่ะ”
ส้งฉางเว่ยสีหน้าเย็นชา “ความสำเร็จในการผ่าตัดมั่นใจกี่ส่วน? ”
รอยยิ้มของซูเวยฝืดแข็งเล็กน้อย แต่ว่าก็รายงานตามความจริง “ไม่ถึงครึ่ง……”
หน้าผากของเธอเริ่มมีเม็ดเหงื่อชั้นบางบางปกคลุม การผ่าตัดครั้งนี้มีความเสี่ยงมาก หากทำไม่ดีจะทำให้ส้งหุ้ยเฉียวเสียชีวิตได้ แต่เธอก็ไม่อาจที่จะยืดเวลาของส้งหุ้ยเฉียวออกไปได้อีกแล้ว
ความจริงแล้วยังมีผู้เชี่ยวชาญที่เหมาะสมมากกว่าเธอในการผ่าตัด แต่เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับส้งฉางเว่ย แต่ละคนก็รู้สึกต้านแรงกดดันไม่ไหว สุดท้ายจึงต้องให้ซูเวยดำเนินการด้วยตัวเอง
“ไม่ถึงครึ่ง?”
มือของส้งฉางเว่ยกระตุกเล็กน้อย จากนั้นกุมมือไว้แน่นจนเส้นเอ็นเขียวปูดขึ้นมา”รวบรวมผู้เชี่ยวชาญสารทิศมา ปรึกษาครึ่งค่อนคืน แล้วคุณบอกฉันว่า มีความมั่นใจแค่ครึ่งหนึ่งหรือ?”
จากประสบการณ์ของเขาคาดว่า ครึ่งหนึ่งที่ซูเวยพูดถึงคงเป็นเพียงแค่ความคิดในอุดมคติ ความจริงแล้วก็คือ รู้อยู่เต็มอกว่ารักษาไม่ได้แต่ก็จะลองดู เช่นนี้แล้วเขาจะไม่โกรธได้อย่างไร?
ซูเวยก็ไม่ยอมถอย ได้แต่ยืนหยัดเสียงแข็ง “คุณส้งคะ ฉันเข้าใจความรู้สึกคุณดี แต่ว่านี่เป็นแผนการรักษาที่ดีที่สุดของพวกเราแล้ว”
“ฉันรู้ว่าคุณไม่พอใจ แต่สถานการณ์ก็เป็นเช่นนี้แล้ว คุณฆ่าพวกเราแล้วเผาโรงพยาบาลทิ้งก็ไม่มีประโยชน์”
“ลูกสาวคุณอาการบาดเจ็บซับซ้อน และยังเพิ่มแรงกดดันจากตำแหน่งหน้าที่ของคุณ ความเสี่ยงในการผ่าตัดจึงสูงกว่าคนปกติทั่วไปอย่างมากทีเดียว”
“อีกทั้งเธอก็ยังมีโรคหัวใจแต่กำเนิด หากพลาดเพียงเล็กน้อยก็จะถึงแก่ชีวิตได้ นี่ก็เป็นการเพิ่มความยากลำบากให้กับการผ่าตัดอย่างไม่ต้องสงสัย ความเสี่ยงของการผ่าตัดก็เพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย”
“ดังนั้น…ความสำเร็จของการผ่าตัด ต่ำมาก…”
“พวกเราก็ทำได้แต่พยายามให้ถึงที่สุด”
เธอก็เตะลูกบอลคืนให้กับส้งฉางเว่ย “สุดท้ายแล้ว การผ่าตัดครั้งนี้จะทำหรือไม่นั้น ก็อยู่ที่การตัดสินใจของคุณล่ะค่ะ”
“พวกเศษขยะทั้งนั้น!”
ส้งฉางเว่ยได้ยินแล้วโกรธจัด ขว้างแก้วน้ำลงพื้นอย่างแรง
ซูเวยตกใจยืนตัวแข็งทื่อ
“พวกแกมันเศษขยะมากจริงๆ”
ส้งฉางเว่ยรู้สึกปากคอลิ้นแห้ง หน้าอกขึ้นขึ้นลงลง ถอนหายใจออกอย่างแรง ตาทั้งสองข้างจ้องมองซูเวย รู้สึกว่าในหัวสมองมีแต่ความว่างเปล่า
ยังไงเขาก็นึกไม่ถึง สถานการณ์ของลูกสาวจะเลวร้ายถึงเพียงนี้
จากนั้น เขาก็ตะคอกว่า “พวกคุณยังไม่ต้องผ่าตัดให้เธอก่อน ความมั่นใจเพียงสี่ส่วน ก็เท่ากับว่าจะให้หุ้ยเฉียวไปตายชัดๆ”
“พวกคุณบอกไม่ใช่หรือว่าเธอจะอยู่ได้ถึงบ่ายวันพรุ่งนี้?”
“งั้นก็พยายามประคองอาการของเธอไว้ ฉันได้เชิญหมอเทพมาช่วยรักษาแล้ว”
“รอให้พวกเขาดูอาการของหุ้ยเฉียวก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
“ช่วงระหว่างนี้ หากหุ้ยเฉียว มีอาการทรุดลงกว่าเดิมแล้วละก็ ฉันจะเอาผิดกับพวกคุณ”
ส้งฉางเว่ย ฝากความหวังไว้กับคนภายนอก
ซูเวยตกใจเล็กน้อย หลังจากนั้นก็ผ่อนคลายขึ้น “เข้าใจค่ะ ฉันจะประคองอาการของหุ้ยเฉียวให้ดีที่สุด”
ถึงแม้เธอรู้สึกว่า ผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาลศูนย์เย็นจีน 20 กว่าคนก็ยังไม่สามารถช่วยอะไรได้ หมอเทพที่ส้งฉางเว่ยเชิญมาก็คงไม่สามารถทำอะไรได้ แต่ทำให้เธอเอาตัวรอดได้ ก็นับว่าเป็นเรื่องดีอย่างหนึ่ง
“ท่านผู้กำกับมีความต้องการอะไร ทางโรงพยาบาลศูนย์เย็นจีนจะให้การสนับสนุนร่วมมือเต็มที่ค่ะ”
น้ำเสียงของซูเวยเปลี่ยนเป็นอ่อนนุ่มขึ้น “ผู้กำกับโปรดวางใจเถิดค่ะ หน้าตาหุ้ยเฉียวบุญหนักศักดิ์ใหญ่ จะต้องไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นแน่นอนค่ะ”
เมื่อส้งฉางซิงเดินกลับมาจากห้องน้ำได้ยินการสนทนาของคนทั้งสองแล้ว ขมวดคิ้วไว้แน่น เขาไม่ได้เปิดประตูเข้าไปห้องพักผ่อน แต่กลับหันหลังเดินออกจากโรงพยาบาล
เขาขับรถด้วยความเร็วดั่งสายฟ้าแลบ ไปยังสถานีตำรวจ
15นาทีต่อมา เขาก็อยู่ตรงหน้าประตูสถานีตำรวจ หลังจากจอดรถเสร็จ กุญแจยังไม่ทันได้เก็บขึ้น ก็รีบเข้าไปในห้องโถง
ส้งฉางซิงใจร้อนอยากจะไปให้ถึงห้องกักขังผู้ต้องหาเพื่อจะไปหาฉินหลั่ง
ปรากฏว่า เมื่อเขาย่างก้าวเข้าไปถึงห้องโถงกลับต้องตกตะลึง
ฉินหลั่งไม่ได้ถูกกักขังไว้ แต่มานั่งอยู่ในห้องโถงของสถานีตำรวจย่อย กำลังทำการตรวจโรคให้กับตำรวจหลายสิบนายที่กำลังเข้าแถวรอตรวจอยู่
คนป่วยที่ได้รับการตรวจรักษาจากเขาทุกราย ต่างรู้สึกแปลกประหลาดใจมาก
พวกเขาได้ทำงานหักโหมมาตลอดทั้งปี แทบจะมีทั้งโรคความดันสูง ไขมันสูง น้ำตาลสูง โรคกระเพาะ โรคตับ ปวดหลังปวดเอวโรคหัวใจ แต่ด้วยการที่ไม่มีเวลารักษาจึงสะสมอาการเจ็บป่วยไว้นาน ดังนั้นจึงมีอาการเจ็บปวดทรมานมาก
ตอนนี้ฉินหลั่งรักษาด้วยการฝังเข็มโดยฝังได้ไม่กี่เข็มก็สามารถลดความเจ็บปวดลงได้ คนป่วยทุกรายจึงรู้สึกซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่ง พอได้ยินว่าให้กลับไปกินยาอีก 2-3 ชุด ก็จะหายขาดได้ พวกเขาก็ยิ่งดีใจส่งเสียงโห่ร้องขึ้นมา
ข่งซิงน่าหน้าตาก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม ความเจ็บปวดทรมานที่สะสมมาหลายปีก็รู้สึกดีขึ้นมาก ทำให้เธอมีความรู้สึกที่ดีต่อฉินหลั่งมากขึ้น
ดังนั้น ฉินหลั่งอยู่ในสถานีตำรวจไม่เพียงแต่ไม่ถูกดองแช่แข็ง แต่กลับได้อยู่ดีกินดี เมื่อเทียบกับส้งฉางซิงพวกเขาแล้วยังได้รับการ ต้อนรับดียิ่งกว่า
“นายท่านครับ ฉันได้รับการฝากฝังจากคนอื่นมา ทุกวันก็ได้แต่เป็นห่วงว่าท่านจะอยู่อย่างลำบาก ไม่นึกเลยว่าท่านจะอยู่อย่างสุขสบายกว่าฉันอีก”
ส้งฉางซิงเดินเข้าไปอย่างรวดเร็ว จูงมือฉินหลั่งแล้วตะโกนว่า “ไป ไปโรงพยาบาลกับฉัน ไปช่วยรักษาหุ้ยเฉียว ให้ฟื้นกลับขึ้นมา…”
ฉินหลั่งพลางกัดกินแซนวิชไป พลางหันหลังตอบไปว่า “อย่าเพิ่ง อย่าเพิ่ง ฉันยังไม่ได้รับการประกันตัวเลย”
พวกข่งซิงน่าก็ตะโกนสมทบมาว่า “ใช่แล้ว ผู้กำกับส้ง ฉินหลั่งยังออกไปไม่ได้นะ”
“ประกันตัวบ้าบออะไรล่ะ”
ส้งฉางซิงตะโกนใส่พวกข่งซิงน่าว่า “ฉันขอประกันตัวให้ฉินหลัง หากเขาหนีไป ฉันไปติดคุกแทน!”
จากนั้น เขาก็ผลักฉินหลั่งเข้าไปในรถ แล้วเหยียบคันเร่งออกไปอย่างรวดเร็ว
ในระหว่างทางนั้น ส้งฉางซิงก็ได้เล่าสถานการณ์ให้ฉินหลั่งฟังอย่างละเอียดและรวดเร็ว แล้วยังเล่าเหตุการณ์ที่ตกจากหลังม้าอีกด้วย
ฉินหลั่งไม่ได้สนใจเกี่ยวกับการขี่ม้าของส้งหุ้ยเฉียว แต่เขาแปลกใจตรงที่หลงเย้นก็ไปปรากฏตัวอยู่ที่สนามแข่งม้าด้วย
เขามักจะรู้สึกว่าหลงเย้นเปลี่ยนแปลงไป แต่ว่ารายละเอียดเป็นอะไรนั้น ตอนนี้เขาก็ยังคิดไม่ออก
แต่ว่าหญิงสาวคนนี้ยืนหยัดที่จะทำอะไรเพื่อช่วยเหลือตัวเองมาโดยตลอด เรื่องนี้เขาก็เข้าใจดี
จากนั้น ฉินหลั่งก็หันมาคิดเรื่องหาวิธีการช่วยรักษาส้งหุ้ยเฉียว
ความจริงเขาไม่ได้มีความรู้สึกอะไรกับส้งฉางเว่ยคนนี้ แต่สำหรับส้งฉางซิงแล้วยังไงก็ต้องรักษาหน้าเขาไว้ด้วย
รถวิ่งเร็วมาก ไม่ถึง 10 นาที ฉินหลั่งและส้งฉางซิงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นที่โรงพยาบาลศูนย์เย็นจีน
ส้งฉางซิงก็ไม่ได้ไปหาพี่ชาย แต่กลับพาฉินหลั่งไปยังห้องผู้ป่วยไอซียู จากนั้นก็เล่ารายละเอียดสถานการณ์อาการบาดเจ็บให้เขาฟัง พร้อมทั้งเอาภาพถ่ายให้เขาตรวจดูด้วย
สุดท้าย ส้งฉางซิงมองดูฉินหลั่งแล้วเอ่ยปากพูดว่า “ฉินหลั่ง ฉันรู้ว่าพี่ใหญ่ทำอะไรไม่ดีกับนายไว้มาก ทำให้นายอัดอั้นตันใจไม่น้อย ฉันจะเป็นตัวแทนเขาขอกล่าวคำขอโทษกับนายก่อนนะ”
เขาโค้งตัวลงคำนับ “ก็หวังเพียงว่าผู้ใหญ่ใจกว้างอย่างนาย อย่าไปถือสาอะไรเขาเลย ช่วยรักษาอาการของหุ้ยเฉียวด้วย”
ฉินหลั่งรีบพยุงตัวส้งฉางซิงไว้ “เกรงใจไปแล้ว ถ้าฉันใจแคบคิดเล็กคิดน้อย ฉันก็คงไม่มากับนายหรอก”
“ขอบุณมากฉินหลั่ง อย่าเพิ่งพูดอะไรก่อนเลย ค่อยว่ากันทีหลัง นายไปดูคนป่วยก่อนดีไหม?”
ส้งฉางซิงเปิดประตูเชิญให้ฉินหลั่งเข้าไปตรวจดูสถานการณ์ “ฉินหลั่ง มีความมั่นใจช่วยรักษาหุ้ยเฉียวหรือเปล่า?”
ฉินหลั่งมองดูภาพถ่าย แล้วก็ตรวจจับชีพจรของส้งหุ้ยเฉียวสักพัก สุดท้ายก็พยักหน้า “มีความมั่นใจ!”

รวยชั่วข้ามคืน?!

รวยชั่วข้ามคืน?!

ในระยะเวลา7ปีนี้ ฉินหลั่งถูกคนอื่นเยาะเย้ยและดูถูกเหยียดหยาม แต่ฉินหลั่งก็อดทนใช้ชีวิตอยู่อย่างเงียบๆมาโดยตลอดถ้าหากไม่ใช่ได้รับข้อความนั้น ฉินหลั่งคงจะลืมว่าตัวเองเป็นคนรวย7ปีมันเป็นระยะเวลาทดสอบที่ตระกูลให้กับฉินหลั่ง ตอนนี้ฉินหลั่งผ่านการทดสอบแล้ว ก็มีสิทธิ์ไปใช้ทรัพย์สินของตระกูลได้แล้วฉินหลั่งจะเลือกที่จะอ่อนน้อมถ่อมตนต่อไปหรือจะเริ่มเปิดโหมดอวดรวยกันแน่!

Comment

Options

not work with dark mode
Reset